bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

เที่ยวพม่า...รับบุญฝ่าสายฝน... (ตอนที่ 3 เยเลพญาและมหาเจดีย์ชเวดากอง)

calendar_month 29 พ.ย. 2011 / stylus Admin Chillpainai / visibility 22,100 / เที่ยวต่างประเทศ

ตื่นเช้าตามเดิม เช้าวันนี้เราจะออกจากย่างกุ้งไปยังเมืองสิเรียม ระหว่างการเดินทางออกจากเมืองย่างกุ้ง เราจะต้องข้ามแม่น้ำย่างกุ้งซะก่อน สะพานเหล็กทอดยาว เเละมองเห็นเจดีย์ชเวดากองไกลๆ




 
พระเจดีย์กลางน้ำ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า "เยเลพญา" ลงจากรถทัวร์ก็ต้องนั่งเรือหางยาวไปต่อ ข้ามไปยังวัดที่อยู่กลางลำน้ำ ขอเเนะนำว่า ตรงท่าเรือ เราควรพับขากางเกงไปให้เรียบร้อย เพราะมิฉะนั้น จะมีเด็กพม่า ที่นอกจากจะมาขอเงินเเบบที่เห็นที่วัดอื่นๆเเล้ว เด็กมันจะมาจับขากางเกงเราพับให้ เเล้วก็ขอตังค์ค่าพับขากางเกง ฉันเจอเด็กคนนึงจับที่ขา ถึงกะสะดุ้งเพราะตกใจกันเลยทีเดียว เฮือกกก...
 
   


ภาพตรงกลางเป็นหน้าตาดอกไม้ที่จะนำไปไหว้พระที่ฝั่งตรงข้าม สีสวยสดงดงามดีเนอะ ตอนซื้อดอกไม้บูชาพระจะมีเเพคเกจเเถมข้าวตอกไว้สำหรับให้อาหารปลาอีกด้วยนะ

เมื่อข้ามฝั่งไปแล้วถึงรั้ววัดแล้ว ที่นี่จะมีที่ไหว้หลายจุดมาก ที่เเรกคือไหว้พระประธานเยเลพญา ที่เราสามารถขอพรพระได้ 3 ประการ ในเรื่องอะไรก็ได้

 
  



 
จากนั้นก็เวียนเทียนรอบโบสถ์ ไหว้พระอุปคุต (ขอด้านโชคลาภและความสำเร็จต่างๆ) ที่ตรงทางเดินที่ยื่นลงไปริมน้ำ แล้วก็ถือโอกาสให้อาหารปลาด้วย  ต่อจากนั้นก็ไปไหว้เทพทันใจในศาลาข้างๆตรงโบสถ์พระประธาน ฯลฯ
 
    

เอาภาพบรรยากาศผู้คนพม่าที่มาไหว้พระมาฝาก ผู้สูงอายุก็จะมาไหว้พระทำสมาธิ สาวๆ หนุ่มๆ บางคนหลังจากไหว้พระก็จะมายืนให้อาหารปลา รับลมกันตรงทางเดินที่ยื่นไปริมน้ำ
 





 
- อำลาเยเลพญา ด้วยภาพพาโนราม่าแบบเต็มๆ -

กลับมาบนฝั่ง กลับย่างกุ้ง เวลาใกล้เที่ยงเเล้ว ฝนตกหนักมากกกกกก สภาพถนนในเมืองตอนนี้ น้ำท่วม โหๆๆ
เราเลยสลับเเผนนิดหน่อย ไปที่ร้านอาหารกันเลย อาหารเที่ยงวันนี้เป็นอาหารไทย ชื่อร้าน Bangkok kitchen
มากกว่าอาหารเเล้ว ยังมีเเป้งทานาคาให้ลองทาเเล้วยังมีหุ่นชุดพม่าให้ใส่ถ่ายรูปอีกด้วย

 
 



สายฝนไม่ได้หยุดตก เเต่เบาลงพอประมาณ เราออกเดินทางต่อ ไปยัง "วัดโบตะทาวน์" วัดนี้เป็นที่นิยมของคนไทย เพราะที่นี่มีเทพทันใจที่คนไทยนิยมไปขอพรมากกกก เลยเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เเต่จะจริงเเค่ไหน ลองไปพิสูจน์ดูกันเองนะจ๊ะ
 

 
เราไปไหว้เจดีย์โบตะทาวน์กันก่อน เป็นเจดีย์โปร่ง ในใจกลางเจดีย์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนที่เป็นเส้นพระเกศา เราสามารถไหว้เเละเดินเวียนเทียนด้านในเจดีย์ได้ จากนั้นก็ไปขอพรพระ เเละไหว้เทพทันใจ (เทพทันใจ คือเจ้าที่ ตามวัดที่มีพระธาตุ มีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าอยู่ จะมีเทพเจ้า เจ้าที่คอยปกปักษ์รักษาอยู่ เราเรียกว่า เทพทันใจ)

 

 

 
วิธีขอพรเทพทันใจ จะต้องถวายเครื่องสักการะก่อน ประกอบไปด้วยผ้าเเพร ธง มะพร้าว
ถวายเสร็จ ให้เตรียมเเบงค์สองใบ เเต่ละใบให้ม้วนเป็นรูปกรวยเเละนำมาซ้อนกัน
ใบที่อยู่ด้านล่าง คือใบที่จะถวายท่าน เเละใบที่อยู่ข้างใน คือใบที่เราจะเก็บเอาไว้บูชา
ตอนเข้าไปไหว้ท่าน ให้ถวายผ้าเเพรก่อน จากนั้นให้นำเเบงค์สอดไว้ในอุ้งมือท่าน
(ที่กำลังชี้มืออยู่)  ทำการไหว้ขอพร โดยให้หน้าผากเราไปจรดนิ้วชี้ของท่านขอได้ข้อเดียวเท่านั้น
เมื่ออธิษฐานเสร็จ ก็อ้อมไปด้านหลัง ทำการนวดเท้า นวดหลัง เปรียบเหมือนไปอ้อนของพรจากญาติผู้ใหญ่ 
ก่อนที่จะกลับมาที่ด้านหน้า ดึงเเบงค์ใบที่อยู่ด้านในเก็บกลับมา เเล้วเด็ดใบมหาโชคกลับมาบูชาด้วย
 
ขอพรกันจนอิ่ม เเละอุ่นใจ ก็มีเวลาเหลือเฟือไปใช้ช้อปปิ้งที่ "ตลาดสก๊อต" กัน ส่วนใหญ่ของที่ขายก็จะเป็นอัญมณี เเละหยกคุณภาพดีของพม่า รูปภาพประดับที่ทำจากเศษพลอยเล็กๆ เเป้งทานาคา ไม้เเกะสลัก ผ้า เเละของที่ระลึกทั่วไป เราใช้เวลาหมดไปราวๆเกือบสามชั่วโมง แหม... ดูเยอะกว่าไหว้พระเสียอีกเนอะ

 



 
เเละก็ถึงเวลาเย็นที่เราจะไปชมไฮไลท์ที่ "มหาเจดีย์ชเวดากอง" ท้องฟ้ายังไงก็ไม่เป็นใจ....ฝนตกตลอดเวลา นึกว่าจะไปดูเชวดากองไม่รอดซะเเล้ว เเต่สุดท้าย ไม่น่าเชื่อ...  ในสายฝน เรายังเห็นสีทองเปล่งประกายอร่ามสะดุดสายตาทุกผู้คนที่ได้มาเคารพสักการะองค์เจดีย์แห่งนี้
 
  


 
ถือเป็นโชคดีที่ได้เก็บภาพบรรยากาศยามค่ำที่นั่น ได้เห็นเมฆพัดฟุ้งผ่านไปมา เคล้ากับเเสงยามเย็นที่ยอดเจดีย์ขเวดากองสีทอง ฉันอยู่ที่นั่นตั้งเเต่ท้องฟ้าเป็นสีเทา จนกลายเป็นสีฟ้าคราม ยิ่งเวลาหลังฝนตกฟ้าเเดงก่ำ  เเละอยู่รอถึงสองทุ่มเมื่อฟ้ากลายเป็นสีดำมืดสนิทลง
 



ไฮไลท์การไหว้ที่นี่ เยอะเเยะไปหมดจนจำไม่ได้ ที่สำคัญๆก็จะมีการไหว้พระตามทิศหลักๆ เเละไหว้เจดีย์ที่ตรงลานอธิษฐานทางทิศเหนือ ตรงจุดนั้นจะเป็นมุมถ่ายภาพที่ทุกไกด์บุ๊คการันตีเเล้วว่าสามารถเก็บภาพองค์เจดีย์ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์  ด้านหลังมีอาคารหลังเล็กๆ เป็นแกลอรี่ภาพถ่ายหาดูยากของชเวดากอง (มีภาพการก่อสร้างเจดีย์ เเละรูปโคลสอัพเพชรเม็ดโตที่อยู่บนยอดเจดีย์ชเวดากอง)
 
ส่องดูเพชรเม็ดงามใหญ่ที่สุด 76 กะรัต ที่ยอดเจดีย์ ด้วยกล้องส่องทางไกล เเละมีบางจุดที่นั่นที่สามารถยืนมองดูประกายเพชรได้ (ซึ่งถ้าเราขยับองศาการมองนิดนึง จะเห็นประกายเพชรเปลี่ยนสีไป เช่น เเดง ฟ้า เขียว)
สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ (เเละทุกวัดพม่าก็จะมี) คือการรดน้ำพระประจำวันเกิด ที่อยู่รายรอบเจดีย์ (พระ 5 ขัน/ เทพ 5 ขัน/ เสา 5 ขัน/ สัตว์ประจำวันเกิด 5 ขัน/ เเละรดน้ำที่พระอีก 1 ขัน เป็นการต่ออายุ)

 
  
 
อิ่มเอมกับการลั่นชัตเตอร์มาก เเม้ว่าจะทุลักทุเล ลำบากเพราะสายฝน พื้นเปียกเเละลื่น หน้ากล้องที่มีเเต่ละอองน้ำเต็มไปหมด เเต่ก็สู้สุดใจเพื่อให้ได้รูปสวยๆกลับมาฝากทุกคนที่นี่ (^^)b ปิดท้ายตอนนี้ ด้วยภาพจากเลนส์วายด์เเล้วกัน
 




 
โปรแกรมเที่ยวพม่าของเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ ยังเหลืออีกตอนของวันสุดท้าย ที่เราจะพาไปไหว้พระในวัดต่างๆในเมืองย่างกุ้งกัน อย่าลืมติดตามชมน้าาา.....
 




 
เรื่องโดย : This road is mine


เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai