bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

One Day Trip : พาไปเยือนย่านเก่า แต่ยังเก๋า “วังหลัง-กุฎีจีน”

calendar_month 16 มี.ค. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 87,170 / ทริปตัวอย่าง

Benla - Chill Jouniors #15

 

1 DAY TRIP เที่ยวชุมชนย่านเก่า วังหลัง - กุฎีจีน วันเดียวสัมผัสหลายวัฒนธรรม


ด้วยความเชื่อว่าวันหยุดของคนกรุงฯไม่ได้มีแค่ห้างสรรพสินค้าหรือคาเฟ่เก๋ๆเท่านั้น วันนี้ Chill Juniors เลยจะพาไปเดินเล่นแบบไม่เร่งรีบ สำรวจย่านเก่าอย่าง "วังหลัง" และ "กุฎีจีน" กันซะหน่อย ขอบอก..ถึงจะเก่า แต่ยังมีความเก๋าอยู่นะ


 
เสน่ห์ของชุมชนวังหลัง คือย่านที่อยู่อาศัยของคนในละแวกนั้นตั้งแต่อดีตมายาวนานแต่ก็ผสมผสานกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่กิน ที่จำหน่ายสินค้ามากมายได้อย่างลงตัว และมีความเข้ากันดี
เสน่ห์ของชุมชนกุฎีจีน คือการผสมผสานระหว่าง 3 วัฒนธรรม 3 ศาสนา แต่มาอยู่ร่วมเป็นชุมชนเดียวกันได้อย่างสุดคลาสสิก ท่ามกลางความลงตัวและสงบสุข
 
 

“วังหลัง”


INFO : ย่านวังหลังถือเป็นย่านเก่าแก่ที่เป็นชุมชนดั้งเดิมซึ่งอาศัยอยู่และสืบต่อกันมานานแล้ว จนได้รับจัดตั้งเป็นชุมชนขึ้นในปี 2532 



ย่านวังหลังเป็นอีกหนึ่งย่านเก่าใจกลางกรุง ที่ปัจจุบันเป็นแหล่งสุดฮิตติดดาวของวัยรุ่นขาช็อปขากินทั้งหลาย เพราะย่านนี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมของกินอร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน ของกินเล่น หรือไม่กินเล่นก็ตาม รวมไปถึงของมือสอง เสื้อผ้า รองเท้าต่างๆ การเดินทางก็สะดวกมาได้ทั้งทางเรือและรถ





 
เดินเล่นดูนู่นดูนี่ เช้าๆยังไม่หิวเท่าไร เราเลยไปจบที่ของกินเล่นอย่าง อรทัยซูชิวังหลัง ขอบอกว่าทั้งซูชิและทาโกะยากิของที่นี่อร่อยมากๆ โดยเฉพาะทาโกะยากิไส้ปลาหมึก ฟินที่สู๊ด ซอสราดถูกปากเรามากๆเลย

อีกร้านห้ามพลาดเมื่อมาวังหลังกับ “ทับทิมกรอบวังหลัง”
ร้านสีชมพูตกแต่งน่ารัก ดูเข้ากับเจ้าทับทิมกรอบอย่างดิบดี ทีเด็ดของทับทิมกรอบเค้านอกจากจะกรอบเนื้อแห้วเต็มๆคำแล้ว น้ำกะทิของที่นี่เค้าก็ใช้น้ำลอยดอกไม้แท้ๆที่ไม่ใช้น้ำนมแมวผสม ทำให้กลิ่นหอมมากๆ แถมเย็นชื่นใจอีกด้วย แถมยังมีเนื้อมะพร้าวกะทิหนานุ่ม อร่อยมากๆเลยค่ะ 





 
 
นอกจากทับทิมกรอบเค้ายังมีซาลาเปาไส้ทะลักหลากหลายรสชาติอีกด้วย แป้งเนื้อนุ่มไส้เยอะซะใจมากๆ



 

 

 "กุฎีจีน"

 
INFO :  ชุมชนย่านเก่า “กุฎีจีน” หรือ “กะดีจีน” เป็นย่านชุมชนเล็กๆเก่าแก่ริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ที่รวมเอาสามชุมชน พุทธ คริสต์ อิสลาม ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน อยู่กันด้วยความรัก ความสามัคคี เหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้อง ถึงแม้ที่นี่จะเป็นย่านชุมชนเล็กๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายที่เลย ขอบอกว่านี่คือมรดกที่ซ่อนอยู่ใจกลางกรุงดีๆ นี่เอง
 
สำหรับใครที่สนใจมาเที่ยวชุมชนกุฎีจีน หากเดินเลียบตามทางเดินริมน้ำมาเราก็จะเจอกับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนสถานหลากหลายแห่ง ที่เป็นสเน่ห์ซ่อนอยู่ในกรุงที่ควรมาสัมผัส


 
เดินเลียบมาตามทางเดินริมน้ำเจ้าพระยาที่แรกที่เราแวะคือ "วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร" อยู่ใกล้กับเชิงสะพานพุทธฯ


ภายในวัดแห่งนี้ มีสวนอันเงียบสงบที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ สวนแห่งนี้เรียกว่า “เขามอ” ที่ว่าไม่ธรรมดาเนี่ยก็เพราะว่า เป็นสวนเงียบสงบแถมบรรยากาศยังดูญี่ปุ๊นญี่ปุ่นอีกด้วย 
 

 
ที่มีน้องเต่าเยอะมาก ทั้งคนไทยและฝรั่งก็จะแวะมาให้อาหารน้องเต่ากัน ที่นี่เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนมากๆ บรรยากาศดีสุดๆ มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว


 
 
เดินต่อมาอีกนิดก็จะเป็น “วัดซางตาครูส” วันที่ไปโชคดีมาก เจอจังหวะโบสถ์เปิดพอดี เพราะเป็นช่วงเทศกาลมหาพรต ด้านในโบสถ์สวยงามและอลังการจนขนลุกไปหมด


สำหรับชื่อโบสถ์ คำว่า “ซางตาครูส” เป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า กางเขนศักดิ์สิทธิ์ โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้พระราชทานที่ดินเพื่อสร้างวัดแห่งนี้แก่ชาวโปรตุเกส ที่ร่วมมือกับพระองค์ในการศึกต้านกองทัพพม่า


 
โบสถ์ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2313 (อายุราว 200  กว่าปี) นับเป็นโบสถ์คริสต์เก่าแก่ที่สุดในย่านฝั่งธนบุรี  ถือเป็นวัดในคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิกแห่งที่ 4 ในฝั่งธนบุรี




 
หลังจากที่เราได้ชมความสวยงามของโบสถ์ซางตาครูสเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินลัดเลาะเข้าไปในละแวก  "ชุมชนกุฎีจีน"  ในชุมชนแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” ขนมไทยโบราณที่หาทานแบบสูตรดั้งเดิมอร่อยๆได้ยาก มาถึงนี่ทั้งทีต้องมาลิ้มลองนะ ไม่งั้นจะเรียกว่า มาไม่ถึงถิ่น
 



 
ภายในชุมชนก็จะมีตรอกซอกซอยเยอะมาก เดินๆไปเหมือนอยู่ในเขาวงกตเลย แต่ไม่หลงนะจ๊ะ ที่นี่ยังมีบ้านไม้เก่าสุดคลาสสิกให้ได้แชะภาพกันระหว่างทางด้วย สวยงามตามท้องเรื่อง

 
ย่านกุฎีจีนจะมีบ้านเก่าสุดคลาสสิค อีกหนึ่งสเน่ห์ของชุมชนนี้ ที่น่าไปสัมผัส





ต่อมาเราก็แวะไปกันที่ “ศาลเจ้าเกียนอันเกง” ขอบอกว่าที่แห่งนี้สวยงามมาก ดูไปดูมาเหมือนวัดญี่ปุ่นผสมจีนเลย ด้านในมีองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมให้ได้กราบไหว้สักการะ ไม่น่าเชื่อว่าในชุมชมเล็กๆจะมีศาสนสถานอันสวยงามแห่งนี้ซ่อนอยู่ แต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปด้านในเด็ดขาดเลย เลยได้แต่เพียงภาพด้านนอกมาฝากกัน





 
ที่ที่เราแวะต่อมาคือ “วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร” หรือวัดกัลยา มีหลวงพ่อซำปอกงหรือหลวงพ่อโต องค์ใหญ่มาก มีคนแวะเวียนกันมากราบไหว้ขอพรกันอยู่พอสมควร


 
ศาสนสถานแห่งสุดท้ายที่จะพาไปชมในย่านนี้ก็คือ "มัสยิดบางหลวง" หรือ "กุฎีขาว" ศูนย์รวมจิตใจของชาวอิสลามในชุมชนกุฎีจีน จุดเด่นของมัสยิดแห่งนี้มีการออกแบบเป็นทรงไทย ซึ่งไม่มีที่ไหนนอกจากที่นี่เท่านั้น





มาที่เดียวได้เที่ยวหลายที่ หลากวัฒนธรรม ทั้งเขามอ โบสถ์ซางตาครูส ชุมชนกุฎีจีน ศาลเจ้าเกียนอันเกง วัดกัลยา และมัสยิดบางหลวงหรือกุฎีขาว คุ้มค่ามากๆ แถมอยู่ใจกลางกรุงอีกด้วย
 
การเดินทาง
รถโดยสารประจำทาง:
สาย 56,9,43,3,6,40,42 ผ่านหน้าโรงเรียนศึกษานารี จากนั้นเดินเข้าซอยกุฎีจีน จะพบโรงเรียนซางตาครูสศึกษา และโบสถ์ซางตาครูส
ทางเรือ: นั่งเรือข้ามฟากจากท่าราชินีมายังท่าวัดกัลยาฯ ได้


 
 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai