มีวันหยุด 3 วัน ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี คุณแฟนเลยเสนอไอเดียว่าไปภูเก็ตกันไหม พร้อมกับบอกว่าทริปนี้ไม่ต้องพกกระเป๋าตังค์เพราะพี่เขาจะเป็นป๋าเปย์ให้ตลอดทริปเอง เราก็ไม่รอช้ารีบไปหาบิกินี่สีเจ็บๆ พร้อมเสื้อผ้าสวยๆ ไปถ่ายชิคๆ ริมทะเล ส่วนคุณแฟนก็มีหน้าที่วางตารางทริป หาที่กิน ที่เที่ยว ส่วนที่พักและสายการบินคุณแฟนบอกว่าอยากไปนอนที่ไหน อยากบินสายการบินอะไร เลือกได้เลย

เมื่อคุณแฟนเปิดโอกาสดังนั้นเราก็รีบเปิดแอปพลิเคชัน Expedia ค้นหาที่พักที่อยากนอน และเที่ยวบินที่อยากไปทันทีเลยค่ะ ซึ่งเราเป็นสมาชิกแอปนี้อยู่แล้ว และมักจะมีโปรดีๆ มาให้สอยอยู่เสมอ ข้อดีสำหรับสมาชิกคือราคาที่พิเศษ และยังสามารถสะสมคะแนน Expedia Rewards นำไปเป็นส่วนลดโรงแรมในทริปต่อๆไปได้อีก ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถสะสมไมล์สายการบินที่เราเป็นสมาชิกอยู่ พร้อมกับสะสมคะแนนจากบัตรเครดิตได้อีกด้วยเริ่ดมากกกกกกก

วิธีการจองก็ง่ายและสะดวกสบายมากๆ เริ่มจาก Download Appที่ https://bit.ly/2xiQlP4 แล้วเลือกจองแพ็คเกจแบบ โรงแรม + เที่ยวบิน หรือถ้าจองผ่านหน้าเวบ ก็เข้าไปที่ลิ้งค์นี้ได้เลย https://bit.ly/2ITsLtt และจะแอบบอกว่า การจองแบบนี้จะประหยัดกว่าการจองแยกกันนะคะ ลองไปชมวิธีการจองที่เรานำมาฝากกันเลยค่ะ

หลังจากกดเลือกสถานที่ที่เราจะไป วันเวลาในการเดินทางปุ๊บแอปพลิเคชันก็จะแสดงที่พักพร้อมราคา ซึ่งอันนี้เป็นราคาโรงแรมบวกตั๋วเครื่องบินแล้วนะคะ ครั้งนี้เราเลือกที่พักที่โนโวเทล ภูเก็ต กมลา บีชค่ะ เพราะที่พักบรรยากาศดีติดทะเลและยังได้รับส่วนลดค่าอาหาร 10 % อีกด้วย





จากนั้นก็กดเข้าไปเลือกห้องพักซึ่งในแอปพลิเคชันบอกสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรม และภายในห้องพักอย่างละเอียดมากๆ รวมถึงแผนที่ที่ตั้งของที่พัก ตรงนี้ชอบมากๆ เพราะรู้เลยว่าที่พักของเราไกลหรือใกล้ทะเลแค่ไหน เดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สะดวกมากน้อยเท่าไร  พร้อมมีรีวิวจากผู้พักจริงให้เราอ่านก่อนจองที่ช่วยให้เราตัดสินใจจองได้ง่ายขึ้น





พอได้ที่พักแล้วก็มาเลือกเที่ยวบินกันค่ะ




ถัดมาเป็นการจองเที่ยวบิน เมื่อเลือกเที่ยวบินทั้งขาไปและขากลับได้แล้ว แอปพลิเคชันก็จะสรุปที่พักที่เราจอง สายการบิน เวลาบิน และราคามาให้ เมื่อข้อมูลถูกต้องก็คลิกจองได้เลยจ้า




พอกดจองปุ๊บก็เข้าสู่หน้าการชำระเงินซึ่งในหน้านี้จะบอกเลยว่าเราได้ส่วนลดเท่าไร โดยส่วนลดที่เราได้คือหนึ่งพันบาทเลยล่ะค่ะ  OMG!!! คุ้มมากๆ และยังได้คะแนน Expedia Rewards ตั้ง 748 คะแนน (มากกว่าจองผ่านทางเว็บไซต์สองเท่าเลยนะเธอ) ส่วนการชำระเงินสามารถชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือเครดิตได้ ไม่มีชาร์จเพิ่ม สะดวกสบายมากๆ





หลังจากจองเสร็จแล้วกดเข้าไปตรงปุ่มการเดินทางในแอปพลิเคชัน ก็จะเห็นข้อมูลการเดินทางของเราทั้งเที่ยวบิน วัน เวลาออกเดินทาง และวันเวลาในการเช็คอินที่โรงแรม สะดวกสุดๆ





เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็มาออกเดินทางกันได้เลย Let's go to the beach!!



พอถึงวันเดินทางปุ๊บก็สามารถไปเช็คอินที่สนามบินโดยเปิดแอปพลิเคชันให้ทางเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์สายการบินเช็คอินได้เลยค่ะ

นั่งเครื่องจากกรุงเทพฯ ประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงแล้วล่ะค่ะ คุณแฟนชี้ให้ดูวิวจากหน้าต่างเครื่องบินที่สวยงามและประทับใจมากๆ นี่ขนาดดูจากหน้าต่างเครื่องบินนะ อยากจะไปเที่ยวเร็วๆ แล้วสิ

พอเครื่องลงจอดปุ๊บ คุณแฟนบอกว่าก่อนเที่ยวภูเก็ตก็ต้องไปไหว้พระเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนที่วัดคู่บ้านคู่เมืองของภูเก็ตก็คือวัดไชยธารารามหรือวัดฉลองซึ่งเป็นวัดที่ใครมาภูเก็ตก็ต้องมาแวะนมัสการหลวงพ่อแช่มเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง

พอบ่นหิวปุ๊บคุณแฟนก็รีบขับรถพาไปยังย่านเมืองเก่าของภูเก็ตทันทีเพื่อที่จะไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านวันจันทร์ร้านอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของภูเก็ต

เมนูแนะนำร้านนี้ทั้งแกงเหลือง หมูฮ้อง แกงปูใบชะพลู น้ำพริกกุ้งเสียบ ใบเหมียงผัดไข่กุ้งเสียบ บอกเลยว่าอร่อยจนไม่วางช้อนกันเลยค่ะ

ทานข้าวกันเสร็จแล้วก็ไปเดินถ่ายรูปชิคๆ ฮิปๆ ที่สตรีทอาร์ตศิลปะบนกำแพงสวยๆ ซึ่งมีกระจัดกระจายอยู่ในเมืองเก่า โดยส่วนมากจะอยู่ริมถนนถลาง ถนนพังงา และถนนดีบุก

อย่างเช่นภาพนี้ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินที่ชื่อ Meu Bon (มือบอน) อยู่ตรงร้านจี๊ดยอดผัก ร้านดังแห่งหนึ่งของภูเก็ตค่ะ บอกเลยว่ามาที่นี่เตรียมเมมเตรียมกล้อง และหน้าผมให้เป๊ะเพราะทริปนี้เราได้รูปกลับไปเป็นพัน ถ่ายเยอะจนหนุ่มข้างกายแอบบ่นเลยล่ะค่ะ 555

เดินถ่ายรูปกันจนเหนื่อยก็ขอแวะไปนั่งชิลในร้านคาเฟ่แห่งใหม่ของภูเก็ตที่เปิดได้ไม่ถึงปี ตกแต่งได้เท่น่านั่งมากๆ กับร้าน The Feelsion Cafe หรืออ่านเป็นภาษาไทยได้ว่าร้านเดอะฟีลฉัน ตั้งอยู่บนถนนภูเก็ตใกล้กับด่านศุลกากรภูเก็ต

ร้านนี้การตกแต่งสวยทุกมุมเลยค่ะ มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบ ส่วนอาหารและเครื่องดื่มอร่อยมากๆ เราสั่งลาเต้ร้อน นิวยอร์กชีสเค้ก และขนมไทยอย่างทองเอก จ่ามงกุฎ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของร้านเลยค่ะ ได้ทานขนมอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศร้านสวยๆ แบบนี้ต้องขอบคุณหนุ่มข้างกายเลยที่พามาที่นี่

เดินเล่นกันจนเพลียเลยขับรถเพื่อไปเช็คอินที่โรงแรมโนโวเทล กมลา บีชกันก่อนค่ะ เผื่อจะได้นอนพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทางกันสักหน่อย แต่จากตัวเมืองเก่าจะไปที่พักก็ไกลอยู่ งานนี้ได้แอปพลิเคชัน Expedia ช่วยเรื่องแผนที่และเส้นทาง แม้จะไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้

มาถึงแล้วค่าโรงแรมโนโวเทล กมลา บีช ติดหาดกมลาเลย บรรยากาศดีมากๆ
(จองโรงแรม Novotel กมลา บีช: https://bit.ly/2sbJnqc
หรือเช็คราคาโรงแรมในภูเก็ตอื่นๆได้ที่ https://bit.ly/2IPqoMl )  

มาถึงก็ไปเช็คอินก่อนเลย

ห้องพักกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตกแต่งได้น่านอนมากๆ

หลังจากเก็บของและพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทางกันแล้วเราก็ออกเดินทางไปเที่ยวต่อกันเลย สถานที่ต่อไปคือแหลมพรหมเทพ จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ใครมาภูเก็ตแล้วไม่ได้มาที่นี่แปลว่ามาไม่ถึงภูเก็ตนะคะ เราสองคนเฝ้ารอเวลาที่พระอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยต่ำและหายลับไปตรงสุดขอบฟ้า เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่สวยงามประทับใจมากๆ ค่ะ

ในตอนค่ำเรากลับมาทานอาหารค่ำที่ห้องอาหารห้องอาหารโซลคิทเช่น ห้องอาหารหลักของโรงแรมค่ะ ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 จากห้องอาหารสามารถนั่งชิลชมวิวทะเลได้ด้วยนะ

มื้อนี้เราสั่งหมี่ภูเก็ตมาทานอร่อยมากๆ รสชาติเข้มข้นใส่ไข่ด้วย เวลาทานก็คนไข่ที่ตอกมาให้เข้ากับหมี่ ส่วนคุณแฟนอยากทานพิซซ่าเราเลยจัดพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนให้ทานแป้งบางกรอบ เครื่องเยอะมากๆ

พอทานกันจนอิ่มตื้อพนักงานก็มาเช็คบิล พร้อมถามเลขห้อง แล้วก็แจ้งว่าเราได้รับส่วนลดค่าอาหาร 10% ซึ่งสิทธิพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าที่จองมาผ่านทาง Expedia เท่านั้น โอ๊ยยยยคือดีงามมากๆ


เช้าวันที่สองเรามีแพลนไปดำน้ำและเที่ยวเกาะ 3 ค่ะ คือเกาะไม้ท่อน เกาะเฮ และเกาะราชา โดยเราจองทัวร์ของ "บริษัทมา..ภูเก็ต" เอาไว้ค่ะ ค่าทัวร์ถูกมาก 1,200 บาทเท่านั้น ซึ่งทัวร์นี้จะรวมรับส่งฟรีจากโรงแรม มีอาหารและเครื่องดื่ม เสื้อชูชีพ อุปกรณ์ดำน้ำและ ประกันชีวิต แล้วด้วยนะ ใครสนใจสามารถโทรไปจองได้เลยที่เบอร์ 095-410-0063

รถของบริษัททัวร์มารับเราเวลาประมาณ 7 โมงครึ่งและมาส่งเราที่บริษัท Raya Princess Tour ที่ท่าเรืออ่าวฉลอง ซึ่งเป็นบริษัทเรือที่จะพาเราไปวันนี้ค่ะ ก่อนออกเดินทางทางบริษัทเรือมีบริการชา กาแฟ พร้อมขนมให้ทานรองท้องก่อนจะออกไปดำน้ำ วันที่เราไปวันนี้มีเพื่อนร่วมทริปทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติมากันมากมายเลยล่ะค่ะ

ประมาณครึ่งชั่วโมงเรือสปีดโบ้ทของเราก็มาถึงเกาะไม้ท่อนแล้วล่ะค่ะ น้ำใสสุดๆ น้องปลาก็เยอะมากๆว่ายกันมาเป็นฝูงให้เราได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด เรือจะจอดอยู่จุดนี้ประมาณ 45 นาที

จากเกาะไม้ท่อนเดินทางต่อไปยังเกาะเฮหรือเกาะ Coral Island Resort ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเรียกกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่รู้ว่าชื่อไหนเป็นชื่อที่แท้จริง แต่ขอเรียกเกาะเฮดีกว่าค่ะเพราะเป็นชื่อที่จำง่าย และเหตุผลหนึ่งคือฟังชื่อนี้แล้วมีความสุขทุกครั้ง  

เกาะเฮนั้นอยู่ไม่ไกลจากเกาะภูเก็ต สามารถนั่งเรือสปีดโบ้ทมาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ใกล้แค่ไหนลองคิดดูว่านั่งอยู่เกาะเฮก็มองเห็นเกาะภูเก็ตอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนความขาวของเม็ดทราย และความใสของน้ำทะเล ให้หลักล้านกันไปเลยเพราะสวยงามและประทับใจเรามากๆ ส่วนใครที่ชอบกิจกรรม Water Sport ที่นี่ก็มีให้เลือกเล่นมากมาย เช่น บานาน่าโบ้ท Parasailing และคายัคไว้คอยให้บริการนัซึ่งต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สำหรับเราสองคนแล้วการได้นั่งชมทะเลสวยๆ เล่นน้ำใสๆ แบบนี้ก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ

จากนั้นเดินทางไปทานอาหารกลางวันที่เกาะราชา หรือเกาะรายา โดยร้านอาหารที่เราไปทานนั้นเป็นร้านของ Raya Princess Tour ลูกค้าที่มาทานอาหารที่นี่ต้องซื้อแพ็คเกจทัวร์ที่มากับ Raya Princess Tour เท่านั้นค่ะ บอกเลยว่าร้านนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราประทับใจในทริปนี้ ลองดูน้ำทะเลในภาพนี้กันสิคะ น้ำใสสวยมากๆ แอบกระซิบว่าของจริงสวยกว่านี้อีกหลายเท่า อยากรู้ต้องมาดูด้วยตาตัวเอง

อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ตักได้ไม่อั้น แต่ตักมาแล้วต้องรับผิดชอบอาหารที่กินกันด้วยนะคะ เมนูอาหารมีทั้ง ต้มข่าไก่  ผัดซีอิ๊ว ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผัดเปรี้ยวหวาน เมนูไก่ทอด ผักทอด สลัด และผลไม้ อาหารอร่อยกับวิวดีๆ แบบนี้โอ๊ยยยมันจะชิลไปไหน

พอทานข้าวเสร็จเรือก็มาส่งเราที่ชายหาดของเกาะราชาค่ะ เกาะนี้ให้คะแนนความใสของน้ำทะเลเต็มร้อยไปเลย ใสจนสามารถเห็นพื้นข้างล่างกันเลย

เราเดินทางจากเกาะราชากลับสู่เกาะภูเก็ตโดยมาถึงประมาณ 4 โมงเย็น หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้วก็แวะเข้าเมืองภูเก็ตเพื่อที่จะไปทานอาหารเย็นที่ร้านตู้กับข้าวอีกหนึ่งร้านเด็ดที่ต้องมาทานเมื่อมาภูเก็ต ตัวร้านดีไซน์สไตล์ชิโนโปรตุกีส ให้เข้ากับตึกเก่าในละแวกนี้แต่ผสมผสานความโมเดิร์นลงไปให้น่านั่งมากยิ่งขึ้น

ร้านบรรยากาศวินเทจน่านั่งมากๆ อาหารของร้านนี้มีทั้ง หมูฮ้อง แกงปูใบชะพลู น้ำพริกกะปิกุ้งเสียบ ต้มส้มปลาภูเก็ต และที่ห้ามพลาดคือ หมูเหลี่ยมต้อผัดกะปิสะตอ คอนเฟิร์มเลยว่าอร่อยทุกอย่าง

ในตอนเย็นเรามานั่งชมพระอาทิตย์ตกกันที่ร้าน ออน เดอะ รูฟ บาร์ ซึ่งเป็นบาร์บนลานระเบียงชั้นดาดฟ้าของโรงแรมโนโวเทล กมลา บีช ที่เราสามาระชมวิวทะเลได้ถึง 180 องศา เคล้าไปกับเสียงเพลงดนตรีสดฟังสบายของนักร้องชาวฟิลิปินส์ที่ขับกล่อมเพลงภาษาอังกฤษเพราะๆ แค่ได้มานั่งมองทะเลสวยๆ แบบนี้กับคนที่รักก็มีความสุขมากๆ แล้ว จนอยากจะหยุดเวลาขอให้เดินช้าๆ สักนิดได้ไหม

บรรยากาศดีๆ แบบนี้ก็ต้องคู่กับเครื่องดื่มสีสวย เราจึงสั่ง Blue Daiquiry ค็อกเทลสีฟ้า รสเยี่ยมเหมาะกับการมาจิบชมพระอาทิตย์ตก ส่วนของคุณแฟนสั่ง  A day on the roof ค็อกเทลซิกเนเจอร์ของร้านที่สีสันเหมือนพระอาทิตย์กำลังตกเลยค่ะ และตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1  ตั้งแต่เวลา 17.30-19.30 น. อีกด้วยนะ เมนูอาหารที่เราสั่งมาทานแกล้มกับค็อกเทลก็คือกุ้งโสร่งที่ใช้กุ้งตัวโตๆ มาห่อด้วยเส้นบะหมี่แล้วไปทอด ตอนทานเสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มรสหวานนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ อีกจานคือ Tomato Bruschetta ทานคู่กับค็อกเทลอร่อยสุดๆ


เช้านี้ตื่นสายหน่อยเพราะเมื่อคืนจัดค็อกเทลไปหลับสบายกันเลยล่ะค่ะ เราเช็คเอาท์กันตอนเที่ยงแล้วเดินทางไปเที่ยวต่อตามหาดต่างๆ หาดแรกที่ไปคือหาดกมลาที่อยู่ด้านหน้าที่พักของเราไม่ต้องขับรถก็ถึงแล้ว และมีความยาวถึง 2 กิโลเมตร

หาดต่อไปที่อยู่ใกล้เคียงกันก็คือหาดสุรินทร์ มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร เม็ดทรายละเอียดนุ่มเท้า เห็นทะเลสวยๆ แบบนี้แล้วไม่อยากกลับบ้าน เลยอ้อนขอแฟนว่าอยู่ต่ออีกได้ไหม แต่ก็ต้องทำใจเพราะพรุ่งนี้เราทั้งคู่ต้องทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ ได้เพียงแค่เก็บเกี่ยวเวลาที่เหลือของทริปนี้เอาไว้เท่านั้น

ที่เที่ยวสุดท้ายของทริปนี้คือการเดินทางมานมัสการพระผุดที่วัดพระผุดหรือวัดพระทอง โดยวัดนี้เป็นอีกวัดหนึ่งซึ่งอยู่คู่เมืองภูเก็ตมานาน ตั้งอยู่อำเภอถลางความพิเศษของวัดแห่งนี้คือพระพุทธรูปที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นที่เก็บวัตถุและข้าวของเครื่องใช้ของชาวภูเก็ตสมัยก่อนอีกด้วย

ก่อนจะกลับกรุงเทพฯ ขอไปทานอาหารพื้นเมืองภูเก็ตกันอีกสักมื้อที่ร้านชมจันทร์ ร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ตบรรยากาศน่ารักมากๆ ส่วนเมนู ไฮไลท์ก็คือแกงปูใบชะพลู ที่เขาใช้ปูก้อนโตๆ มาแกงกับใบชะพลู รสชาติกลมกล่อมทานกับข้าวสวยร้อนๆ เอาอะไรมาแรกก็ไม่ยอม

ทานอาหารเสร็จก็เดินทางสู่สนามบินภูเก็ตกันแล้วค่า ในระหว่างเดินทางไปยังสนามบินมีการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน Expedia ที่บอกว่าเครื่องบินดีเลย์ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำให้เราสามารถเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องและวางแผนการเดินทางได้อย่างไม่ฉุกละหุก

3 วัน 2 คืน ถ้าถามว่าพอกับการเที่ยวภูเก็ตไหมบอกเลยว่าไม่ เพราะภูเก็ตยังมีอะไรมากมายให้เราเดินทางไปค้นหา แต่สำหรับทริปนี้ถึงจะเป็นสั้นๆ แต่เราก็คัดมาแล้วว่าแต่ละที่นั้นสวยงาม ประทับใจแค่ไหน จบการเดินทางครั้งนี้ก็ยังมีครั้งต่อไปรออยู่ ว่าแล้วก็ขอเปิดแอปพลิเชัน Expedia หาโปรโมชันสายการบินพร้อมกับโรงแแรมที่อยากไปในทริปหน้ากันเลยดีกว่า


ดาวน์โหลดแอพฯ https://bit.ly/2xiQlP4
จองโรงแรมพร้อมตั๋วเครื่องบิน ลดมากกว่า https://bit.ly/2ITsLtt
จองโรงแรมในภูเก็ต https://bit.ly/2IPqoMl







 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ