ชวนเพื่อนมาพักกายพักใจ ไปสูดอากาศดีๆ ใกล้แค่นี้เองที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

calendar_month 28 ก.ค. 2017 / stylus Admin Chillpainai / visibility 18,779 / รีวิวที่เที่ยว

วันนี้ชิลจะมาชวนเพื่อนๆ ไป "อู่ทอง" กัน! เอ...แต่อู่ทองเนี่ยมีอะไรให้เที่ยวบ้างน้าาา ทุกคนคงจะสงสัยกันวันนี้เรา 'Local Alike' และ 'อพท.' มีคำตอบให้ ตามมาเที่ยวอย่างสร้างสรรค์เที่ยวแบบวิถีชุมชนกันเลยจ้า ทั้งเรียนรู้การทำขนมจีน ต่อด้วยทำยาดมสูตรของแม่ต้อย พร้อมวาดฝายาดมน่ารักในสไตล์เรา และทานอาหารอร่อยๆ กันที่ครัวหนองเสือ แต่ยังไม่หมดเท่านี้นะคะทุกคน กิจกรรมสนุกๆ ที่เราจะพาไปดูที่อู่ทองยังมีอีกเยอะเลยจ้า นอกจากได้เที่ยว เรายังได้เรียนรู้ ช่วยกันต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีในชุมชน และทรัพยากรในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น ลองมาดูแล้วคุณจะรู้ว่าอู่ทองไม่ได้มีดีแค่ที่เที่ยวนะ

การมาเที่ยวครั้งนี้เรามากับ "Local Alike" ที่เขาจับมือกับ "องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน" หรือเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า "อพท." นั่นเอง โดยการเที่ยวนี้มีลักษณะเที่ยวไปกับชุมชน เราไม่ได้มาเที่ยวอย่างเดียวแต่เรายังได้เรียนรู้ภูมิปัญญาของชุมชนที่น่าสนใจอีกด้วย วันแรกเรามากันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เพื่อเรียนรู้เรื่องราวของเมืองโบราณอู่ทองกันก่อนค่ะ

ดินแดนแห่งนี้มีการติดต่อการค้ากับต่างชาติมานานแล้วนะ ทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ เราพบหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของเมืองในสมัยโบราณนี้ทั้งหินขัด ภาชนะดินเผา ประติมากรรมต่างๆ

หลักฐานทางพระพุทธศาสนาเช่นธรรมจักรศิลาทวารวดี นอกจากนี้หลักฐานที่แสดงถึงการรับและติดต่อกับต่างชาติที่ปัจจุบันก็ยังเห็นได้คือคูน้ำที่ล้อมรอบเมือง เป็นรูปเมล็ดข้าวสาร โดยคูน้ำที่ล้อมรอบเมืองนี้รับแบบมาจากประเทศอินเดียนั่นเอง

หลังจากได้ทำความรู้จักกับเมืองอู่ทองในอดีตกันแล้ว ตอนนี้ท้องเราก็เริ่มหิวแล้วอะ ไปต่อกันเลยดีกว่าเนอะที่ "บ้านขนมจีน"

แต่ก่อนจะทานกัน เราต้องแลกมาด้วยแรงกายค่ะทุกคน อย่ามัวช้ารีบมาทำเส้นขนมจีนกันเถอะ ตอนแรกก็นำแป้งจากข้าวเหนียวหมักที่พี่ๆ เตรียมไว้ให้มาตำกันก่อนเลยจ้า ช่วยกันกับพี่ๆ สักพักก็ได้แป้งที่พร้อมนำไปนวดต่อแล้ว

สีของแป้งที่เห็นคือสีชมพูจากธรรมชาติค่ะ เป็นสีของแก้วมังกรสีม่วง แต่ไม่มีรสชาติของแก้วมังกรนะ นวดไปเรื่อยๆ คอยเติมน้ำทีละนิด นวดต่อจนแป้งเหลว

หลังจากนวดจนได้ที่ "พี่เปิ้ล" เจ้าของร้านก็นำแป้งมากรองก่อนเพื่อความละเอียดของแป้งค่ะ เสร็จแล้วก็นำไปหยอดเส้นเลย

หลังจากทำเส้นขนมจีนเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมทานกันแล้วค่า และนี่คือน่าตาของน้ำยาขนมจีนที่พี่เปิ้ลเตรียมไว้ให้ค่ะ พี่เปิ้ลให้ข้อมูลว่าที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเรียนรู้การทำขนมจีนได้ด้วยนะคะ ตั้งแต่การตำแป้งไปจนถึงการจับเส้นพร้อมกินกันเลย ในส่วนของการหมักแป้งนั้นพี่ๆ จะทำไว้ให้แล้วเพราะใช้เวลานานค่ะ ขั้นตอนการทำขนมจีนแบบโบราณจะใช้เวลาถึง 4 วันกันเลยทีเดียว

ติดต่อเข้ามาเรียนรู้การทำขนมจีนกับพี่เปิ้ลได้ที่เบอร์ 0926450498 หรือ 035505579 เวลาเปิด 9:00-15:00 หรือ 17:00 น.

หลังจากอิ่มอร่อยท้องตึงกับขนมจีนกันไปแล้ว เรามาทำกิจกรรมเบาๆ ที่ชุมชนแจงพัฒนาต่อกันซะหน่อย กิจกรรมนั้นคือการทำยาดมนั่นเองค่ะ แน่ะๆ มันไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดนะ "คุณป้าต้อย" เจ้าของสูตรยาดม ใจดีและคอยสอนวิธีทำให้พวกเราทุกขั้นตอนเลย

นี่คือส่วนผสมของยาดมค่ะ มีพริกไทยดำ กานพลู สมุลแว้ง ลูกจันทร์ เปลือกส้มโอ และผิวมะกรูดค่ะ หลังจากหั่นและตำกันไปก็จะนำไปตากแห้ง และนำมาบรรจุใส่ขวดและใส่น้ำพิมเสนไปก็ได้ยาดมหอมๆ มากันแล้วจ้า

หลังจากหั่นๆ ตำๆ ส่วนผสมของยาดมกันไปแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่เรารอคอยนั่นคือการเพ้นท์ลายลงฝายาดมนั่นเอง ใครมีไอเดียอะไรใส่ไปให้หมดเลยจ้า มีหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น! และนี่คือน่าตาของเจ้าหัวยาดมของเราค่ะ เป็นไงคะ...สวยใช่ไหมล่ะ 55555

หลังจากทำกิจกรรมสนุกๆ กันไปแล้ว พี่ๆ พาเรามาที่วัดพระศรีสรรเพชญารามค่ะ วัดนี้เป็นแหล่งโบราณวรรณคดีสำคัญที่ขุดพบหลักฐานทางพุทธศาสนาต่างๆ เช่น ธรรมจักร และเจดีย์สมัยทวารวดี ที่นี่จะมีกิจกรรมลอยกระทงสวรรค์ เป็นการลอยคล้ายๆ กับโคมลอย เป็นกิจกรรมที่จัดมาตั้งแต่โบราณเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ได้มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ วัดนี้ตามความเชื่อของชุมชน ซึ่งจะตรงกับวันลอยกระทง วันเพ็ญเดือน 12 ค่ะ

หลังจากไหว้พระขอพรกันแล้ว ขนมจีนเมื่อช่วงกลางวันก็เริ่มย่อยไปแล้วล่ะค่ะ เรามาฝากท้องยามเย็นกันที่ "ครัวหนองเสือ" กัน ที่นี่อาหารอร่อยแถมคุณลุงเจ้าของร้านยังใจดีมากๆ ด้วย ครัวหนองเสือ จะเปิดเป็นอาหารตามสั่ง และอาหารราดแกงตั้งแต่เวลา 06:00-14:00 น. หรือใครสนใจมาทานกันเป็นหมู่คณะ สามารถโทรติดต่อมาก่อนเพื่อที่ทางร้านจะได้จัดเตรียมอาหารเมนูพิเศษไว้ให้ หรือจะติดต่อเวิร์คช็อปทำขนมต้ม, สานใบตาลทำที่รองจาน ใส่แก้ว หรือจะทำน้ำพริกก็ได้

เมนูอาหารแนะนำคือมะเขือยาวผัดกากหมู แกงป่าหมู มะเขืออ่อน น้ำพริกกะปิผักต้มพื้นบ้าน ต้มโคล้งปลาเค็มใบมะขามอ่อน ปลานิลนาทอด ผัดพริกแกงหลดบัว และขนมหวานปิดท้ายคือขนมต้มใบเตยหอมๆ ค่ะ

เช้าวันที่ 2 นี้หลังจากหลับเต็มตื่นกันไปแล้ว เราก็ได้ไปทานอาหารกันที่ตลาดเช้ากันแล้วก็มาไหว้ขอพรกันที่ศาลเจ้าพ่อจักรค่ะ ศาลเจ้าที่เป็นที่นับถืออย่างมากของคนในชุมชน แม้จะเป็นศาลแบบจีนแต่เทวรูปที่ประดิษฐานอยู่ที่นี่เป็นเทวรูปศิลปะแบบพราหมณ์ค่ะ

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเขาพระ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุที่ถูกค้นพบมาไว้ที่นี่ แต่ก่อนที่เราจะขึ้นไปชมกัน ก็มาทำ "ตากะเหลว" ที่เป็นภาชนะใส่สังฆทานแบบชชาวไทยพวนถวายพระกันดีกว่าเนอะ

วิธีทำตากะเหลวไม่ยากค่ะสำหรับคนที่คล่องแล้ว แต่สำหรับเราก็ยังใช้เวลานานอยู่เหมือนกันค่ะ คุณป้าก็เลยต้องคอยช่วยแต่สุดท้ายก็สำเร็จจนได้ หลังจากทำตากะเหลวก็จัดของลงไปและนำถวายพระรับพรยามเช้ากันค่ะ

หลังจากได้ถวายสังฆทานก็ได้ขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านบนกันแล้วค่ะ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเขาพระนี้ตั้งอยู่ภายในศาลาวัดเขาพระศรีสรรเพรชญาราม ที่นี่จะรวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ ที่ชาวบ้านอาจขุดเจอบ้างหรือเป็นของเก่าแก่ที่อยู่ในบ้านบ้าง และนำมาให้กับที่นี่เพื่อที่ผู้สนใจจะได้เข้ามาชม และศึกาาประวัติศาสตร์กัน

นี่คืออาหารมื้อกลางวันก่อนที่เราจะไปปั่นจักรยานชมหมู่บ้าน และวิถีชีวิตคนในชุมชนกัน อาหารเป็นเมนูบ้านๆ ผักที่มีก็เป็นผักที่ปลูกกันเอง ทั้งสดใหม่และปลอดสารพิษ

หลังจากทานอาหารกันแล้ว เราก็พร้อมแล้วค่ะที่จะออกไปตะลุยสัมผัสวิถีชุมชนกัน บ้านหลังแรกที่เราไป เป็นบ้านเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดีค่ะ ออกไข่ดีเชียว เพราะอะไรน่ะหรอก็เขาเปิดเพลงให้ไก่ฟังนั่นเอง นอกจากนี้ไก่ก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงในที่ปิด สามารถวิ่งเล่นกระโดดไปตามธรรมชาติของมันทำให้ได้ไก่ไข่ที่ดีนั่นเอง

ต่อมาเรามากันที่โรงเพาะเห็ดค่ะที่นี่ปลูกเห็ดหลายชนิด น่าเสียดายที่เราไปไม่ทันตอนเขากำลังทำเชื้อเห็ดกัน เราเลยได้แค่ดูเห็ดอวบๆ ที่ถูกเก็บมาแล้ว น่ากินเหมาะไปทำอาหารจริงๆ ไปค่ะกลับบ้านไปทำอาหารกินกันเลยมั้ย 555 นอกจากนี้เราก็ยังได้ไปดูวิธีการทำปุ๋ยไส้เดือน และลองเพาะยอดอ่อนทานตะวันในวันฝนตกพรำอย่างวันนี้กันด้วย

หลังจากได้เรียนรู้วิถีชุมชนกันมาถึง 2 วัน ก็ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว ก่อนจะกลับเราก็มาขอพรองค์หลวงพ่ออู่ทองให้เราเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัยกันที่ "วัดเขาทำเทียม" ค่ะ ที่นี่จะมีพระพุทธรูปแกะสลักลงบนหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการแกะสลักเพิ่มเติม ใครที่ผ่านไปอำเภออู่ทองก็อย่าลืมเข้าไปสักการะ เพื่อความเป็นศิริมงคลกันนะคะ