bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

รีวิว The Street รัชดา สตรีทมอลล์สุดชิค ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง 24 ชั่วโมง

calendar_month 03 มิ.ย. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 286,295 / รีวิวที่เที่ยว

เข้าหน้าฝนแบบนี้ หลายคนคงมองหาที่เที่ยวไว้ไปเดินเล่นชิลๆ หลบฝน แต่จะไปเดินห้างธรรมดาก็เบื่อแล้ว จะเปลี่ยนไปตลาดนัดที่อยู่กลางแจ้งก็ต้องเจอกับสภาพอากาศก็ไม่เป็นใจซะอีก
 
 
 
วันนี้ชิลไปไหนเลยจะพาไปแนะนำแหล่งแฮงค์เอาท์แห่งใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ อย่าง “The Street รัชดา” รับรองว่าต้องถูกใจขาช้อปขาชิลแน่นอน เพราะนอกจากจะตั้งอยู่ใจกลางย่านรัชดา ถนนที่คึกคักและมีสีสันที่สุดสายหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่นี่ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองสุดๆ ด้วยการเป็นจุดเช็คอิน ทั้งกิน ดื่ม เที่ยว แชะ แชร์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง!! เรียกว่าเดินเพลินได้ทั้งวันแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาเปิด-ปิด คอนเซ็ปต์โดนใจขนาดนี้ จะพลาดได้ไง…ไปดูรีวิวกันเลยค่ะ



เพียงแค่ 300 เมตรจาก MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม เราก็มาถึง The Street รัชดา ซึ่งตั้งเด่นสะดุดตาอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ขอบอกว่าลืมภาพห้างสรรพสินค้าหรือช้อปปิ้งมอลล์แบบเดิมๆ ไปได้เลย  ดีไซน์ที่นี่เค้าฮิปตั้งแต่ป้ายเก๋ๆ บริเวณทางเข้า และตัวตึกที่ดีไซน์แบบอาร์ตๆ ภายนอก
 
Floor Plan
ชั้น B,G   ร้านอาหารกิ๊บเก๋เปิด 24 ชม. และ Supermarket
ชั้น 1 Fusion Food & Beauty Zone
ชั้น 2 Fashion Street
ชั้น 3 Spa, Service & IT Zone
ชั้น 4 Food Street & Restaurant
ชั้น 5 BOUNCE Thailand, Asia’s Largest Trampoline Arena with Clip ‘n Climb challenges


ชั้น B,G แหล่งรวมร้านอาหาร ร้านกาแฟ กิ๊บเก๋เปิด 24 ชม.
จุดแรกที่เราจะพาไปเช็คอินกันคือ บริเวณชั้น B หรือชั้นใต้ดินที่อยู่ชั้นล่างสุด ชั้นนี้จะเป็นโซนร้านอาหาร รวมทั้งคาเฟ่เก๋ๆ ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เอาใจคนที่ชอบนอนดึก 


สำหรับใครที่ชอบจิบกาแฟและทานขนมหวาน ห้ามพลาดร้าน “Hollys Coffee” แบรนด์กาแฟอันดับ 1 จากประเทศเกาหลี ที่อยู่บริเวณชั้น B ใกล้กับทางเข้า ตัวร้านตกแต่งได้อย่างน่านั่ง มีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายมุม แถมยังมีฟรี WiFi สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งทำงานหรือคุยงานตอนดึกๆ เพราะร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ ถ้าหิวก็สามารถสั่งอาหารว่างอย่างแซนด์วิช เบเกอรี่มาทานได้  เมนูไฮไลท์ที่จัดเป็น Signature ของทางร้าน คือ “บิงซู” หรือน้ำแข็งไสสไตล์เกาหลี ที่มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ Orange Bingsoo, Mango Bingsoo 
 

มาต่อกันที่ “Tim Ho Wan” ร้านติ่มซำชื่อดังของฮ่องกง ที่ยกความอร่อยแบบต้นตำรับมาไว้ที่นี่ การันตีโดยเชฟที่อิมพอร์ตมาจากฮ่องกง  อิ่มอร่อยไปกับเมนูติ่มซำที่มีให้เลือกมากถึง 25 แบบ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวหลอดตับหมู, ขนมจีบหมูและกุ้งที่มิกซ์เข้ากันได้อย่างลงตัว และซาลาเปาอบไส้หมูแดง ซาลาเปาแป้งกรอบนุ่ม ไส้หมูแดงเน้นๆ เต็มๆ คำ ทานคู่กับชาจีนร้อนๆ เข้ากันสุดๆ เลยค่ะ
 

เดินเล่นเพลินๆ ไปถึงชั้น G เราก็สะดุดตากับร้านหนึ่งเข้า คนที่ชอบไปเช็คอินร้านอาหารเก๋ๆ ต้องถูกใจแน่นอนค่ะ กับ เพลินวานพาณิชย์ “ตอนสยามซู” ร้านอาหารคอนเซ็ปต์ย้อนยุค ที่มีมุมถ่ายรูปเพียบ ทั้งของเล่น ของตกแต่งที่ย้อนวันวานในช่วงวัยเด็ก บรรยากาศภายในร้านอบอุ่นน่านั่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และฝ้าเพดานกรุด้วยแผ่นสังกะสี มีพร็อบตกแต่งทั้งจักรยาน ของเล่นโบราณให้เล่นจนจุใจ ใครอยากได้กลับไปเป็นที่ระลึกทางร้านก็มีขายด้วยค่ะ
 

เมนูแนะนำที่นี่คือ ข้าวไข่ทรงเครื่องกระทะร้อน ไข่กระทะรูปแบบใหม่หน้าตาเหมือนไข่ดาวใบยักษ์ แต่ด้านในแฝงด้วยข้าวและหมูสับ โรยหน้าด้วยกุนเชียง ทานพร้อมพริกนํ้าปลา อิ่มอร่อยเป็นได้ทั้งมื้อเช้าและมื้อเที่ยง ตบท้ายด้วยขนมหวานอย่างขนมปังปิ้งสังขยา  ส่วนใครรักสุขภาพแนะนำกาแฟเต้าหู้งาดำปั่น ซึ่งเป็นเมนูโปรดของเจ้าของร้านคิดค้นขึ้น โดยนำนํ้าเต้าหู้มาผสมกับกาแฟ เพิ่มความหอมเป็นเอกลักษณ์ของงาดำเข้าไป ได้รสชาติที่แปลกใหม่และลงตัว 



ชั้น 1,2 เอาใจขาช๊อป กับหลากหลายร้านค้ากว่า 200 ร้าน
อิ่มท้องเติมพลังกันแล้ว พร้อมลุยกันต่อ คราวนี้เราขึ้นไปสำรวจชั้น 1 กันบ้าง โซนนี้มีทั้งร้านอาหารสลับกับร้านค้าที่น่าสนใจหลายร้านเลยค่ะ 
 
แต่ที่น่าจะถูกใจสาวๆ ที่สุด เห็นจะเป็นร้านนี้ “MASA” ร้านเครื่องสำอางที่มีคอนเซ็ปต์รวมเครื่องสำอางทั้งอินเตอร์แบรนด์ และเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์กว่า 300 ไอเทม ให้มาช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังมีโซนให้แต่งหน้าเล่นได้ฟรี ดึกๆ ใครจะไปปาร์ตี้ ก็แวะมาเมคอัพแล้วไปแฮงเอาท์ต่อได้เลยทันที คือดีงามสุดๆ
 

 

ใกล้ๆ กันยังมี “Footprint” ร้านรองเท้าแบรนด์ไทยสุดชิค ที่น่าสนใจ เพราะทุกคู่เป็นงานแฮนด์เมด มีทั้งรองเท้าและกระเป๋าหนังแท้ สวมใส่สบาย ดีไซน์ไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญราคาไม่แพงเว่อร์ น่าช้อปกลับบ้านสักคู่


ไปสำรวจชั้น 2 กันต่อ ชั้นนี้เป็นโซนสตรีทแฟชั่น ที่รวบรวมร้านค้าแบรนด์ไทยกว่า 200 ร้าน ให้เราได้มาอัพเดทเทรนด์ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และแอ็กเซสเซอรี่กันสนุกๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ที่เจ้าของออกแบบเอง ต่อรองราคาได้แบบกันเอง โดนใจขาช้อปตัวพ่อตัวแม่แน่นอนค่ะ


สำหรับสาวๆ ที่ชอบแฟชั่นสไตล์เกาหลี ลองแวะไปที่ร้าน “Sense & Style” ร้านเสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรี่สไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ ซึ่งทางร้านมีทั้งงานตัด เสื้อผ้านำเข้าจากเกาหลี และรองเท้าส้นสูงเกรดพรีเมียมจากฮ่องกง รวมทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมจากอเมริกาและยุโรป ให้เลือกช้อปกันจนจุใจ

 
เอาใจหนุ่มๆ ที่ชอบแต่งตัวฮิปๆ กันบ้าง กับร้าน C:U Clothes-up ที่มีสินค้าทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อยืด เสื้อโปโล กางเกงสไตล์ชิโนแพนท์ กระเป๋าเป้ และกระเป๋าหนังแท้ ซึ่งทางร้านออกแบบเองและนำเข้ามาจากต่างประเทศ ดีไซน์สวยเนี้ยบ คุณภาพดี ในราคาที่เอื้อมถึงได้

 
ส่วนใครเป็นสาวกแนวสตรีทแฟชั่น ห้ามพลาดร้าน Old Skull แบรนด์สตรีทสัญชาติไทยสุดคูล ที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นทั้งไทยและต่างชาติ อาทิ สิงค์โปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง ฯลฯ ด้วยลวดลายกราฟิกสไตล์นิวเอจวินเทจ สินค้าที่ร้านมีทั้งเสื้อยืดลายปรินท์และสกรีน ซึ่งจะออกคอลเล็กชั่นใหม่ๆ มาอัพเดทเป็นระยะ ใครเป็นแฟนเสื้อยืดแบรนด์นี้มาช้อปกันได้เลยค่ะ



ชั้น 3 ตอบโจทย์ครบถ้วนทั้งโซนไอทีและความงาม 
จากชั้น 2 เราขอพาเพื่อนๆ มาต่อที่ชั้น 3 ซึ่งชั้นนี้จะเป็นโซนที่มีร้านบริการมือถือ อุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่น กิฟต์ช้อป รวมถึงร้านสปาและบิวตี้ เรียกว่าตอบโจทย์ได้ครบทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ



เริ่มจากร้านแรกร้านเพ้นท์  (PAINT)  ซาลอนความงามให้บริการครบวงจรภายใต้คอนเซ็ปต์ สวยครบจบเลย (One Stop Service) ทั้งการทำสปาเล็บ ต่อขนตา สักคิ้ว 3 มิติ 6 มิติ นวดหน้า และแว็กซ์ขน โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยม และทางร้านยังให้ความสำคัญในเรื่องความสะอาดปลอดภัย มีช่างที่เชี่ยวชาญ สาวๆ คนไหนที่อยากมาเพิ่มความสวยก็มาที่ร้านนี้ได้เลยค่ะ

 

ส่วนใครที่เดินช้อปที่เดอะสตรีทรัชดาจนเมื่อย แนะนำว่าลองมานวดทำสปากันที่ Let’s Relax กันไหมคะ แบรนด์สปาชื่อดังที่มีสาขาถึง 16 สาขาทั่วประเทศ โดยมีโปรแกรมนวดน้ำมัน นวดไทย นวดเท้า นวดมือ บอดี้สครับ และอีกมากมายให้คุณเลือกใช้บริการเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า แค่เดินเข้ามาก็หายเหนื่อยด้วยกลิ่นหอมและเพลงฟังสบายที่ช่วยบำบัดให้เราผ่อนคลายขึ้นแล้วค่ะ


และสิ่งหนึ่งที่เราชอบในการมาเดินที่นี่ คือการจัดพื้นที่ให้เราได้มานั่งเล่น เช่น บริเวณพื้นที่ระเบียงด้านนอกของชั้น 3 ที่ดีไซน์เป็นเหมือนกรอบหน้าต่างขนาดใหญ่  มีที่นั่งทำงาน พูดคุย นั่งเล่นชมวิวถนนรัชดา ยิ่งในยามเย็นบรรยากาศตรงนี้เหมาะกับการมานั่งชิลมากๆ ค่ะ

 


ชั้น 4 Food Street & Restuarant
ช้อปปิ้งทำสวยกันเสร็จก็ถึงเวลาทานกันอีกแล้วค่ะ ซึ่งชั้น 4 ของเดอะสตรีทรัชดานั้นรวบรวมร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย ทั้งร้านอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และบางร้านก็เป็นร้านชื่อดังจากต่างประเทศที่เพิ่งมาเปิดสาขาที่นี่เป็นที่แรก เช่น ร้านอาหารจีนหวงจี้หวง (Simmer Huang) ที่คนจีนทั่วโลกต่างรู้จักดีเพราะมีสาขากว่า 600 สาขาทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยที่เดอะสตรีทรัชดานั้นเป็นสาขาแรกที่ร้านนี้เลือกมาเปิดค่ะ 
 
 

โดยอาหารจีนของร้านนี้เป็นอาหารจีนสไตล์หม้ออบประกอบไปด้วยผักนานาชนิดและเนื้อสัตว์ที่มีให้เลือกมากมาย ทั้ง ซีฟู้ด เนื้อวัว หมู ไก่ หรือแม้กระทั่งเนื้อกบร้านนี้ก็มีค่ะ ซึ่งสูตรเด็ดของร้านนี้คือตัวน้ำซอสที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่ซอสหมาล่า หรือซอสเผ็ดของจีน ซอสซีอิ๊ว และซอสซีฟู้ด 


ข้ามฝั่งจากอาหารจีนมาที่อาหารอีสานบ้านเฮากันดีกว่ากับร้าน Have a Zeed ร้านอาหารอีสานที่มีคอนเซ็ปต์คือ รสชาติจัดจ้านในแบบบ้านๆ แต่หน้าตาร้านนั้นสวยน่านั่งสไตล์ยุโรปวินเท๊จ วินเทจ ในส่วนเมนูอาหารมีทั้งอาหารอีสาน ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ลาบ น้ำตก คอหมูย่าง ต้มแซ่บ นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารไทย และอาหารจานเดียวให้บริการอีกด้วย 
 

เมนูที่เราอยากแนะนำก็คือ ตำซั่ว ที่ใส่มะละกอ ขนมจีน แคปหมู หมูยอ และใช้น้ำปลาร้าอย่างดีผ่านการต้มจนไม่มีกลิ่นเหม็น รสชาติจัดจ้านโดนใจมากๆ ค่ะ จานต่อมา ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ใช้เนื้อหมูอย่างดีต้มจนเนื้อหมูนุ่มเปื่อยแทบจะละลายในปาก น้ำต้มแซ่บเข้มข้นเหมือนต้มยำเลยค่ะรสชาติกลมกล่อมมากๆ
 

อย่าเพิ่งอิ่มกันนะคะเพราะร้านสุดท้ายที่เราจะพามาจัดหนักคือร้าน Neta Fish & Meat ร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่มีเมนูให้เลือกทานเยอะมากๆ ทั้งมากิ เทปันยากิ ซูชิ ซาชิมิ ชาบู สุกี้ยากี้ ยากิโทริ เมนูข้าวหน้าต่างๆ และของทอดอีกมากมาย
 
 
โดยทางร้านจะแบ่งบุฟเฟ่ต์เป็น 3 แบบ คือ แบบที่หนึ่งสำหรับคนที่ทานปลา ราคา 499+ ทานได้ 90 นาที มีทั้งหมด 56 เมนู เป็นบุฟเฟ่ต์ปลาแซลมอน ทะเลและอื่นๆ  แบบที่สองสำหรับคนที่ทานเนื้อ ราคา 499+ ทานได้ 90 นาที มีทั้งหมด 50 เมนู เป็นบุฟเฟ่ต์เนื้อวากิว หมู ไก่ และอื่นๆ ส่วนแบบที่สามคือแบบที่ทานได้ทั้งเนื้อปลาและเนื้ออื่นๆ ราคา 599+ ทานได้ 100 นาที มีทั้งหมด 101 เมนู เป็นบุฟเฟ่ต์ปลาแซลมอน ทะเล เนื้อวากิว หมู ไก่และอื่นๆ โดยราคานี้ยังไม่รวมเครื่องดื่มและเซอร์วิสชาร์จ
 
 
นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Food Street ให้บริการอาหารอร่อยในราคาย่อมเยา โซนนี้ช่วงกลางวันจะมีพนักงานออฟฟิศมาทานกันเยอะมาก เพราะราคาไม่แพงและมีร้านอาหารให้เลือกทานมากมาย
 


ชั้น 5 ความสนุกไร้ขีดจำกัดกับ Bounce Thailand
และมาถึงไฮไลท์ของเดอะสตรีทรัชดากับ “Bounce” สปอร์ตเทนเม็นท์แห่งใหม่ใจกลางเมือง ซึ่งที่นี่เป็นอาณาจักรแทรมโพลีนจากประเทศออสเตรเลียที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีพื้นที่กว่า 5,600 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่ชั้น 5 ทั้งหมดของเดอะสตรีทรัชดา ออกแบบมาสำหรับคนที่เริ่มต้นกระโดดไปจนถึงผู้เล่นระดับเอ็กซ์ตรีม





ภายในแบ่งเป็นพื้นที่กิจกรรมที่ให้คุณมาท้าทายความสามารถตั้งแต่ระดับที่เริ่มเล่น ไปจนถึงการบาวซ์เดินบนกำแพงและไต่บนผนังแบบนักฟรีรันนิ่งมืออาชีพ  หรือหากอยากจะมาชู๊ตบาสด้วยท่าตีลังกา กระโดดเกาะห่วงแบบในหนังที่นี่เขาก็มี  Trampoline Slam Dunk ให้คุณได้ ท้าทายความสามารถและฉีกกฎแห่งแรงโน้มถ่วง


นอกจากนี้ยังมีโซนคลิปแอนด์ไคลมบ์ (Clip ’n Climb) ที่ให้คุณได้วัดใจโดยการปีนหน้าผาจำลอง 3 มิติ ภายในร่มจากประเทศนิวซีแลนด์ มีด่านท้าทายความสูงถึง 24 ด่านในพื้นที่ 255 ตรม. ความตื่นเต้นที่ความสูงระดับ 8.6 เมตร สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ความปลอดภัยใช้ระบบออโต บีเลย์ TRUBLU™ ตามมารตรฐานการปีนเขาขั้นสูง 


นอกจากนี้ยังมีโซนปาร์ตี้และห้องจัดเลี้ยง 8 ห้องรองรับได้ตั้งแต่ 10 คน ไปจนถึง 80 คน โซนร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่มี ร้านอาหาร เซาท์ เทอร์ตี้เอท (SOUTH 38) และโซนจำหน่ายของที่ระลึกสั่งตรงจากประเทศออสเตรเลียและแบรนด์แฟชั่นสุดเท่ให้ช้อปกลับบ้าน

 

หนึ่งวันเต็มๆ ที่เราได้ใช้เวลาอยู่ภายในเดอะสตรีท รัชดา อาณาจักรความสุขแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยความสนุก ความมันส์ ความอิ่มอร่อยจากร้านอาหารมากมาย และยังได้ผ่อนคลายไปกับการทำสปา ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากให้คุณลองมาใช้เวลาสัมผัสความสุข ที่หาได้ง่ายๆ ตอบโจทย์ความต้องการของทุกเพศและทุกวัย เดินทางง่ายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินและมีที่จอดรถสะดวกสบาย ใครอยากมาพักผ่อนหลังเลิกงานหรือพาครอบครัวมาชิลได้ทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ  ก็มาที่ เดอะสตรีท รัชดา กันได้เลย
 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close