bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ทริปตะลุยไหว้พระ - กิน - เที่ยว ฮ่องกง ไปกับหมอช้าง

calendar_month 24 พ.ค. 2016 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 36,559 / เที่ยวต่างประเทศ

 
กรี๊ดดดด จะได้ไปฮ่องกงกับหมอช้างเหรอคะ
สาวสีส้มกระโดดแทบตัวลอยเมื่อได้ยินว่าจะได้ไปเที่ยวฮ่องกง
พร้อมกับหมอดูชื่อดังของเมืองไทย หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา
ที่สาวสีส้มเป็นแฟนคลับต้องคอยเปิดเฟ้สทำนายดวงทุกอาทิตย์
โดยทริปนี้เป็นการเดินทางไปกับสายการบินแอร์เอเชีย
ที่เขาเชิญสื่อมวลชนไปไหว้พระ และ กิน เที่ยวที่เกาะฮ่องกง
จะสนุกแค่ไหนตามไปชมกันเลยค่ะ


 
การเดินทางครั้งนี้เราเริ่มตอนเช้าตรู่ ที่สนามบินดอนเมืองค่ะ โดยมีทางเจ้าหน้าที่ทางแอร์เอเชียมาดูแลในเรื่องการเช็คอินอย่างดี 

 

เที่ยวบินที่เราบินวันนี้คือ เที่ยวบินที่ FD508 โดยจะออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 6.45 น.แล้วไปถึงฮ่องกงเวลา 10.15 น. ค่ะ
 

 

โดยเครื่องที่เรานั่งเป็นแบบ Airbus A320 ที่นั่งแบ่งเป็น 3-3 พอขึ้นมาก็เจอแอร์โฮสเตสคนดังของแอร์เอเชีย เลดี้ ดาด้า ที่คอยต้อนรับและบริการอยู่บนเครื่อง ตัวจริงน่ารักและฮามากๆ ค่ะ สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้โดยสารได้ทั้งลำเลยค่ะ เที่ยวบินนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข

 

อาหารที่ทางแอร์เอเชียจัดให้เราวันนี้บอกเลยว่าอร่อยมากๆ

 

ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาทีเราก็มาถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกงแล้วค่ะ โดยที่นี่เวลาจะเร็วกว่าเมืองไทยหนึ่งชั่วโมง อากาศไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไปกำลังดีเลยค่ะ 

 

สนามบินนานาชาติฮ่องกงหรือ สนามบินเช็กแล็บก็อก ในภาษากวางตุ้งเป็นสนามบินที่ใหญ่มากๆ โดยจะมีรถไฟแบบนี้วิ่งรับส่งผู้โดยสารในแต่ละเกตเพื่อไปยังส่วนตรวจคนเข้าเมืองค่ะ

 

หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเราก็จะเดินทางเข้าฮ่องกงกันโดยรถทัวร์ค่ะ ส่วนใครที่มาเองที่นี่เขาจะมีรถไฟและรถบัสให้บริการจากสนามบินไปยังเกาะฮ่องกงค่ะ

 

ไม่นานเราก็มาถึงย่านจิมซาจุ่ยแล้วค่ะ วันนี้เราจะพักกันที่ย่านนี้


 

ย่านจิมซาจุ่ยเป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดังของฮ่องกง โดยจุดเด่นของย่านนี้คือเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมมากมาย แบรนด์เนมดังๆ เราจะเห็นได้บนถนนเส้นนี้


    

จากจิมซาจุ่ยสามารถเดินไปยังอ่าววิคตอเรียได้ค่ะ โดยตรงนี้จะเป็นจุดที่สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ไปยังฝั่งเกาลูน และเป็นจุดที่ชมวิวสวยในยามค่ำคืนด้วยค่ะ


มื้อแรกที่ฮ่องกงเราฝากท้องไว้ที่ร้าน Hainan Shaoye ซึ่งเป็นร้านข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำตั้งอยู่ในห้างฮาเบอร์ซิตี้ ห้างสุดหรูที่ตั้งอยู่ริมอ่าววิคตอเรีย

 

อยากรู้ว่าราคาเท่าไรคูณด้วย 4.5 นะคะ

 

มาแล้วค่ะข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของสาวสีส้มเลยนะคะที่ได้ทาน การเสิร์ฟจะเสิร์ฟมาเป็นเซ็ตเหมือนอาหารญี่ปุ่นเลยค่ะ มีน้ำซุปมาให้ แต่แอบกินยากเพราะข้าวเขาเสิร์ฟมาในถ้วยเล็กตักยากมากๆ ส่วนเนื้อไก่อร่อยนุ่มค่ะ แต่ติดตรงน้ำจิ้มที่รู้สึกว่าน้ำจิ้มของข้าวมันไก่ไทยๆ ถูกปากเรามากกว่า

 

หลังจากกินอาหารเสร็จเราก็แวะมาเช็คอิน เก็บของที่โรงแรม  Gateway Hotel, Marco Polo Hong Kong ตั้งอยู่ในย่านจิมซาจุ่ย การเดินทางง่ายมากค่ะ เพราะอยู่ติดถนนแคนตันเลยค่ะ ห้องพักกว้างและหรูหรามากๆ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน


  

หลังจากพักเหนื่อยเราก็เริ่มเดินทางกันเลยค่ะ ที่แรกที่เราจะไปคือ วัดเจ้าแม่กวนอิม Hung Hom หรือ  Hung Hom Kwun Yum  Temple ตั้งอยู่ในย่าน Hung Hom โดยงานนี้มีไกด์กิตติมศักด์ หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา มาให้ความรู้เกี่ยวกับวัดเจ้าแม่กวนอิม Hung Hom



วัดเจ้าแม่กวนอิม Hung Hom แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ของฮ่องกง สร้างขึ้นในปี 1873 เป็นวัดที่ชาวฮ่องกงนิยมมาสักการะเพื่อขอพรโชคลาภ 
 
 
 

โดยภายในประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือองค์เจ้าแม่กวนอิม และเทพเจ้าเรื่องโชคลาภทางซ้ายส่วนทางขวาเป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าแห่งดวงชะตา ใครอยากขอพรเรื่องโชคลาภ ดวงชะตา ทำมาค้าขาย การทำงาน ก็มาที่นี่ได้เลยค่ะ

  

จากนั้นเราเดินทางมายังวัดที่สองคือวัดหยวนหยวนซึ่งเป็นวัดที่เคยใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายละครเรื่องกี่เพ้า วัดนี้เป็นวัดที่รวมสองลัทธินั้นก็คือลัทธิเต๋าและขงจื๊อ และหนึ่งศาสนานั่นคือศาสนาพุทธไว้ที่เดียวกัน โดยอาคารหลักด้านล่างสุดเป็นที่ประดิษฐานองค์เทพไท้ส่วยเอี้ยทั้ง 60 องค์ ซึ่งภายในจะมีองค์ไท้ส่วยเอี้ยประจำของแต่ละปี และองค์ไท้ส่วยเอี้ยประจำปีเกิดของเราที่เราต้องไปสักการะให้ท่านช่วยคุ้มครองดวงชะตา ส่วนด้านบนประดิษฐานพระศากยมุนี รูปปั้นขงจื๊อและองค์ไท้เสียงเล่ากุง เพื่อขอพรให้เรามีสติ ปัญญา และความพอเพียง ตามคติความเชื่อของแต่ละลัทธิและศาสนา

  

เครื่องสักการะของวัดนี้จะประกอบไปด้วยธูป กระดาษเงิน กระดาษทอง ถั่ว ลูกอม เวลาไปไปซื้อเครื่องไหว้ให้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าเราเกิดปีอะไร เขาก็จะเขียนมาให้เรา และให้เราเขียนชื่อนามสกุล และคำอธิษฐานในกระดาษ



  

วิธีการไหว้เราจะต้องไปไหว้องค์ไท้ส่วยเอี้ยประจำปีนี้และไปไหว้องค์ไท้ส่วยเอี้ยประจำปีเกิดเราโดยเขาจะมีป้ายบอกปีให้ค่ะ แล้วนำธูป ถั่ว ลูกอมไปวางเอาไว้

 

องค์ไท้ส่วยเอี้ยประจำปีเกิดของสาวสีส้มค่ะ 

 


จากนั้นก็เดินวนไหว้องค์ไท้ส่วยเอี้ยแต่ละองค์จนครบ ถั่วกับลูกอมที่เหลือเราจะนำมาไว้ตรงโต๊ะกลาง หลังพิธีสามารถลาถั่วมาทานได้เพื่อเป็นสิริมงคลค่ะ
 
พิธีสุดท้ายคือนำกระดาษไปเผาไฟก็เป็นอันจบพิธีค่ะ

 

ที่ประดิษฐาน
พระศากยมุนี รูปปั้นขงจื๊อและองค์ไท้เสียงเล่ากุง 

  

มื้อเย็นของวันนี้ทางแอร์เอเชียพาพวกเรามาจัดหนักชาบูที่ร้าน Budaoweng Hot Cuisine ร้านชาบูชื่อดังของฮ่องกง ตั้งอยู่ชั้น 23 ตึก iSquare ย่านจิมซาจุ่ย ขอบอกว่าอร่อยมากๆ นอกจากนี้ยังมีซาชิมิสดๆให้ทานอีกด้วย


  

ซาชิมิที่สุดอลังที่มีล็อบสเตอร์สดๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับแซลม่อนและเนื้อปลาต่างๆ โดยตอนที่เสิร์ฟมาถึงโต๊ะเรานั้นน้องล็อบเสตอร์ยังดิ้นอยู่เลยค่ะ สดจริงอะไรจริง 

 


ปิดท้ายคืนนี้ด้วยการไปช้อปปิ้งที่ย่านมงก๊กค่ะ ย่านช้อปปิ้งชื่อดังสินค้าที่นี่มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้ากีฬา ราคาไม่แพงมาก และตลอดเส้นทางยังเต็มไปด้วยร้านสตรีทฟู้ดสไตล์ฮ่องกงที่น่าทานมากๆ
 
  

อาหารสตรีทฟู้ดสไตล์ฮ่องกงหน้าตาเหมือนลูกชิ้นเสียบไม้บ้านเราเลยค่ะ

  

รองเท้ากีฬาที่มีให้เลือกหลายแบรนด์มากมายในราคาถูกกว่าบ้านเรา นอกจากนี้ยังมีรองเท้ารุ่นหายากแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นให้เลือกซื้อกันด้วย

 

ตอนเช้าทางแอร์เอเชียพาเรามาทานโจ๊กที่ร้าน  Nathan Congee ซึ่งเป็นร้านที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมมาทาน จนทางพนักงานสามารถพูดไทยได้รับออเดอร์ภาษาไทยได้ มีป้ายภาษาไทยแปะในร้าน วันที่เราไปกินก็มีนักท่องเที่ยวชาวไทยมานั่งทานเกินครึ่งของร้านเลยค่ะ

 

ถ้าคุณได้มาทานโจ๊กร้านนี้จะลืมโจ๊กทุกร้านที่คนเคยกินในเมืองไทย เพราะโจ๊กเขาหอมมากๆ มีรสมันหน่อยๆ หมูก็นุ่มมากๆ มีเมนูให้เลือกทานมากมายทั้งโจ๊กหมู โจกไข่เยี่ยวม้า โจ๊กเป๋าฮื้อ 

 

ตับหมู นุ่ม อร่อยมากๆ 

 

หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จเราก็เดินทางไปตะลุยไหว้พระกันต่อโดยวันนี้เราเริ่มต้นที่วัดแชกงหมิวหรือวัดกังหันลมโดยวัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเกี่ยวกับการทำงานธุรกิจเงินทอง และเป็นวัดยอดฮิตสำหรับแก้ชง ซึ่งที่นี่จะมีรูปปั้นของเทพเจ้าแชกงองค์ใหญ่ยืนตั้งตระหง่านน่าเกรงขามโดยการอธิษฐานเราจะต้องมองหน้าท่านแล้วอธิษฐานอย่างมุ่งมั่นเพื่อให้สมดังหวัง หลังจากนั้นจะต้องไปหมุนกังหันซึ่งถ้าชีวิตปีนี้ไม่ดีให้หมุนด้านซ้ายไปขวาแต่ถ้าชีวิตดีอยู่แล้วให้หมุนจากทางขวาไปซ้าย

 

   

เทพเจ้าแชกงองค์ใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องขอพรเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจเงินทอง

 

วิธีหมุนกังหันลมถ้าชีวิตปีนี้ไม่ดีให้หมุนด้านซ้ายไปขวาแต่ถ้าชีวิตดีอยู่แล้วให้หมุนจากทางขวาไปซ้าย




กังหันลมสัญลักษณ์ของวัดนี้และยังเป็นเครื่องลางนำโชคอีกด้วย




ส่วนใครที่อยากขอพรเรื่องความรักก็ต้องมาวัดนี้เลยค่ะวัดหวังต้าเซียนวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องขอพรเรื่องความรัก โดยที่นี่มีรูปปั้นเทพเจ้าหยุคโหลวซึ่งเป็นเทพที่ให้พรเรื่องความรักโดยวิธีอธิษฐานจะต้องใช้ด้ายสีแดงวางที่นิ้วมือทั้งสองข้างแล้วอธิษฐานต่อหน้าท่านจากนั้นนำไปผูกเอาไว้โดยห้ามให้ด้ายหล่น ใครมีคู่แล้วมาขอพรกับท่านก็จะทำให้ความรักมั่นคงราบรื่นส่วนใครที่ยังไม่มีก็ลองมาขอกันดูนะคะ

 

เทพเจ้ายุคโหลวที่พึ่งของเหล่าหนุ่มสาวที่มาขอพรเรื่องความรัก



ถ้าสาวๆ คนไหนอยากมาอธิษฐานให้ได้เจอชายหนุ่มที่ดีก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการนำด้ายแดงคล้องที่นิ้วมือมาอธิฐานและนำมาแตะที่เท้าของรูปปั้นผู้หญิง

 

แล้วเดินไปทางรูปปั้นฝ่ายชายและผูกด้ายแดงตรงรูปปั้นของฝ่ายชายส่วนใครที่ร่างกายกับจิตใจคนละเพศกันก็ให้ยึดถือจิตใจของเราว่าเพศไหนและเพศที่เราอยากได้เป็นแฟนนะคะ

 

วัดสุดท้ายที่เรามาไหว้กันคือวัดเจ้าแม่กวนอิมหรือวัดอาม่าซึ่งตั้งอยู่บริเวณ Repulse Bay ฝั่งฮ่องกง โดยที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการขอลูก ดาราและคนดังในเมืองไทยเคยมาขอลูกที่นี่กันมากมายค่ะ ว่ากันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มากๆ นอกจากนี้ยังสามารถขอพรเรื่องการเดินทาง เงินทอง ความรักได้อีกด้วย


 

รูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิมและองค์อาม่าค่ะ

  

สะพานต่ออายุที่ว่ากันว่าถ้าใครได้เดินข้ามสะพานนี้จะอายุยืนไปอีกสามปี แต่ไม่ควรข้ามกลับมาเพราะเชื่อกันว่าจะอายุสั้นลงสามปี
 
  ฃ

ที่นี่ยังมีรูปปั้นเทพเจ้ายุคโหลวให้ขอพรเรื่องความรักอีกด้วยนะคะ โดยต้องไปลูบที่หินแล้วอธิษฐานขอพรเรื่องความรัก

 

วิวยามเย็นบริเวณ Repulse Bay ค่ะ

 

ในยามเย็นเรามาทานซีฟู้ดสดๆ ที่ย่าน Sai Kung ซึ่งที่นี่จะมีร้านซีฟู้ดริมทะเลให้เลือกทานมากมายโดยแต่ละร้านจะมีตู้โชว์เหล่าบรรดา ปู กุ้ง กั้ง ปลา ตัวบิ๊กเบิ้มอยู่ในตู้กระจกโดยเราสามารถมายืนเลือกและให้ทางร้านนำไปประกอบอาหาร ซึ่งย่านนี้ส่วนมากจะเป็นคนท้องถิ่นที่มาทานเพราะตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองและเดินทางลำบาก ส่วนราคาค่อนข้างถูกกว่าในตัวเมืองและเมนูบางอย่างถูกกว่าเมืองไทยอีกค่ะ


  

ปูใหญ่มากๆ


 

อาหารที่เราทานกันวันนี้ค่ะ อร่อยและไม่แพงค่ะ ส่วนมากที่นี่จะมีแต่ชาวฮ่องกงมาทานคนไทยยังไม่ค่อยมีเห็นเท่าไร

    

หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็มาเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนบนถนนแคนตันย่านจิมซาจุ่ย โดยคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายสำหรับทริปฮ่องกงของเราค่ะ โดยบนถนนแห่งนี้นอกจากร้านหรูแบรนด์เนมที่ให้เดินชมแล้วยังมีการแสดงเปิดหมวกจากชาวต่างชาติและศิลปินอิสระชาวฮ่องกงให้ชมมากมายเลยค่ะ

   

บริเวณอ่าววิคตอเรียในตอนกลางวันว่าสวยแล้วในยามค่ำคืนสวยสุดๆ ไปเลยค่ะ ซึ่งเป็นหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาฮ่องกงคือการมาชมวิวสุดโรแมนติกริมทะเลแบบนี้ และตอนเวลา 2 ทุ่มของทุกวันเขาจะมีการแสดง อะ ซิมโฟนี่ ออฟ ไลท์ โดยเขาจะเปิดเพลงพร้อมไปกับการแสดงแสง สี ของเหล่าหมู่ตึกที่ตั้งบริเวณอ่าวสวยงามมากๆ

 

เช้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปฮ่องกงของเราแล้วค่ะ โดยวันนี้ทางแอร์เอเชียพาเราไปทานติ่มซำสุดอร่อยที่ร้าน MOTT No.32 ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับรางวัล michilin 2 star ร้านนี้ใครจะมาทานต้องจองล่วงหน้านะคะเพราะคิวยาวมากๆ

 

ร้านตกแต่งได้สวยงามมากๆ ค่ะ ได้อารมณ์ลอฟท์สไตล์และมีกลิ่นความเป็นฮ่องกงผสมผสานกันอยู่


   

และร้านนี้ก็ทำให้เราลืมติ่มซำทุกร้านที่เรากินที่เมืองไทยอีกแล้วค่ะ เพราะแต่ละเมนูของเขาอร่อยมากๆ ทั้งซาลาเปาหมูแดงที่กรอบด้านนอก นุ่มด้านใน ขนมจีบกุ้งตัวโตๆ หมูแดงเนื้อนุ่มอร่อยและเป็ดปักกิ่งที่หนังกรอบอร่อยมากๆ

         

ปิดท้ายทริปฮ่องกงครั้งนี้ด้วยการมาช้อปปิ้งที่ตึก ifc โดยสินค้าภายในตึกจะเป็นสินค้าแบรนด์แนมระดับกลางไปจนถึงไฮแบรนด์ และที่นี่ยังมีพื้นที่ให้ชมวิวสวยๆของอ่าวฮ่องกงได้ด้วยค่ะ

  

การเดินทางครั้งนี้ทั้งสนุก ประทับใจ อิ่มท้องและได้รับความรู้ ได้รับพรอันเป็นสิริมงคลมากมายกลับมาในครั้งนี้ด้วย โดยการเดินทางครั้งนี้ทางชิลไปไหนขอขอบคุณทางแอร์เอเชียที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้ ใครที่อยากตามรอยแบบสาวสีส้มก็ไปเลือกตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่ http://www.airasia.com/th/th/home.page กันได้เลยนะคะ



เรื่องโดยทีมงานชิลไปไหน



 
 
 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
close