bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

รีวิว Cat Human Cafe คาเฟ่น้องเหมียวเปิดใหม่ย่านพุทธมณฑลสาย 2

calendar_month 25 เม.ย. 2016 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 102,694 / รีวิวที่กิน

ทาสแมวเตรียมตัวให้ดีเพราะวันนี้ชาแบ๊วจะพาเพื่อนๆ ไปบุกคาเฟ่แมวน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด Cat Human Cafe อยู่ในย่านพุทธมณฑลสาย 2 ค่ะ อย่ารอช้ามาเดินทางตามเราไปกันเลย

 

 
ก่อนจะเดินทางชาแบ๊วขอเริ่มต้นเล่าถึงสาเหตุที่ไปร้านนี้ก่อน เนื่องจากชาแบ๊วเป็นทาสแมวพันธุ์แท้ เห็นแมวที่ไหนก็จะรีบตรงเข้าไปลูบหัวเกาคางตลอด ซึ่งคาเฟ่แมวในกรุงเทพฯ นั้นก็มีมากมายแต่บ้านชาแบ๊ว นั้นอยู่ชานเมืองค่ะ พอถึงวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ ครั้นจะเข้ากรุงเพื่อมุ่งไปหาน้องแมวอย่างเดียวก็เสียเวลาและค่ารถเยอะ แต่พอดีขับรถผ่านแถวพุทฑมณฑลสาย 2 เห็นร้านคาเฟ่แมวน่ารักเปิดใหม่อยู่ริมถนน เลยกลับบ้านมาหาข้อมูลและตรงดิ่งไปทันทีค่ะ
 

 
โดยร้านนี้ชื่อว่า Cat Human Cafe การเดินทางไปร้านก็ไม่ยากเลยค่ะ ชาแบ๊วขับรถเข้าสู่ถนนพุทธมณฑลสาย 2 จากทางถนนบรมราชชนนี ขับตรงไปประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะพบกับร้าน Cat Human Cafe ตั้งอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
 
 

พอเข้ามาในร้านความเป็นทาสแมวก็ทำงานเห็นตุ๊กตาแมวตัวใหญ่ชาแบ๊วก็วิ่งเข้าใส่แล้ว ซึ่งร้านเขาจะแบ่งเป็น 2 ชั้นค่ะ ชั้นล่างจะเป็นส่วนของคาเฟ่ที่ตกแต่งได้น่ารักมากๆ มีตุ๊กตาแมวตัวใหญ่วางอยู่บนเก้าอี้เหมือนเรามีแมวนั่งทานอาหารเป็นเพื่อนเลยค่ะ
 
 

นอกจากนี้ภายในร้านยังตกแต่งด้วยของกระจุกกระจิกเกี่ยวกับน้องแมวอีกมากมาย และยังมีกระเป๋า แก้วกาแฟ ที่มีตัวการ์ตูนแมวขายด้วยอีกนะคะ ส่วนด้านบนจะเป็นส่วนคาเฟ่แมวเพียงอย่างเดียวเลยค่ะ โดยที่นี่เขาจะแยกกันระหว่างคาเฟ่อาหารและคาเฟ่แมว โดยจะไม่อนุญาตให้เรานำอาหารขึ้นไปทานบนชั้นสอง ยกเว้นเครื่องดื่มเย็น เพื่อแก้ปัญหาเรื่องขนแมวในอาหาร หรือเพื่อให้คนที่ไม่ชอบแมวหรืออาจจะแพ้ขนแมวก็สามารถมานั่งทานอาหาร มารอแฟนด้านล่างได้ด้วย ซึ่งชาแบ๊วชอบแนวคิดนี้นะคะ เคยไปคาเฟ่แมวบางที่ที่เขาไม่ได้แยกทำให้เกิดปัญหาน้องแมวมาแย่งอาหารของคนจนทำให้เกิดเหตุการณ์แก้วน้ำหก แตก หรืออาจจะเป็นอันตรายกับน้องเหมียวก็ได้
 

 
วันนี้ชาแบ๊วแพลนว่าจะขอขึ้นไปเล่นกับน้องแมวก่อนแล้วค่อยลงมาทานอาหาร ก่อนจะขึ้นไปหาน้องแมวก็มาดูชื่อน้องเหมียวกันหน่อย โดยทางร้านเขาจะทำกระดานเขียนชื่อน้องเหมียวเอาไว้ ทำให้เราจดจำได้ง่ายขึ้นเลยค่ะ
 
ขั้นตอนในการเข้าไปเล่นกับน้องแมวก็ต้องถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นรองเท้าของทางร้านและต้องล้างมือก่อนเข้าด้วยค่ะ 
 
  
 
เปิดประตูเข้ามาก็เจอน้องแมวนั่งจุมปุ๊กกันอยู่ในแต่ละมุมของร้านค่ะ แมวของที่นี่จะมีสองพันธุ์ค่ะคือพันธุ์สกอตติช โฟลด์ แบบหูพับและแบบหูตั้ง และพันธุ์แมนคูน รวมทั้งหมด 27 ตัวโดยจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาประจำที่ร้าน
 

 
คุณหน่อยเจ้าของร้านเล่าให้ชาแบ๊วฟังว่าจุดเริ่มต้นของร้านนี้คือเกิดจากที่ตนเองชอบทำอาหารและชอบแมวก็เลยอยากเปิดร้านคาเฟ่แมวขึ้นมา โดยประกอบกับแถวนี้ไม่ค่อยมีคาเฟ่แมว ร้านนี้จึงถือว่าเป็นคาเฟ่แมวร้านแรกของย่านพุทธมณฑลเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยร้านเปิดมา 5 เดือนแล้ว  ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะลูกค้าแถวนี้จะเป็นลูกค้าครอบครัว วันเสาร์อาทิตย์ก็จะพาลูกๆ มาเล่นกับน้องแมว ส่วนในวันธรรมดาช่วงหลังเลิกงานก็จะเต็มไปด้วยทาสแมวที่มากับเพื่อนหรือมากับแฟนและอยู่ไปจนถึงร้านปิด
 

 
และส่วนที่แตกต่างจากคาเฟ่แมวทั่วไปคือที่นี่จะแบ่งเป็นสองชั้น เพื่อให้จัดการในเรื่องความสะอาด เรื่องสุขภาพอนามัยทั้งคนและแมวได้ง่าย ครอบครัวไหนที่มีคนที่ไม่ชอบแมวก็สามารถนั่งรอทานอาหารด้านล่างได้ 
 

 
อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างคือแมวที่นี่สามารถอุ้มได้ค่ะ แต่ก็ต้องอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่โดยจะมีพี่ๆ เจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลว่าน้องแมวตัวไหนที่เขายินดีให้เราอุ้ม เพราะแมวแต่ละตัวจะมีนิสัยที่แตกต่างกันไป บางตัวก็ชอบสันโดษ บางตัวยังกลัวคน หรือบางตัวก็เฟรนด์ลี่มากมายชอบมาคลอเคลียเรา แต่โดยรวมน้องเหมียวที่นี่ชาแบ๊วว่าเป็นแมวที่ขี้อ้อนและเป็นมิตรมากๆ เลยค่ะ แต่ละตัวเขาก็มีคาแรกเตอร์และจุดเด่นแตกต่างกันไป วันนี้ชาแบ๊วเลยให้คุณหน่อยช่วยเล่าเรื่องน้องแมวแต่ละตัวให้ฟัง
 

 
ละมุน น้องละมุนตัวนี้เป็นพันธุ์แมนคูนค่ะ อายุยังไม่ถึงขวบแต่พลังล้นเหลือมากๆ ซนมากๆ ชอบขโมยหลอดของลูกค้า และเป็นเหมือนพนักงานต้อนรับของร้านเพราะถ้าใครเข้ามาน้องละมุนก็จะเดินไปรับที่หน้าประตูแล้วจะเดินพาไปยังโต๊ะ น่ารักมากๆ เลยค่ะ
 

 
ไททั่น ตัวนี้ชาแบ๊วชอบมากๆ เพราะหน้าเหมือนจะโหดแต่ใจดีขี้อ้อนมากๆ ชอบให้เกาคางและจะทำหน้าเคลิ้มเลยค่ะ

 
ชิบะ เจ้าตัวนี้ชื่อเหมือนน้องหมาแต่รู้ไหมคะว่าไม่ใช่แค่ชื่อแต่นิสัยก็เหมือนน้องหมาด้วย คุณหน่อยบอกตอนแรกที่ตั้งชื่อนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่พอเลี้ยงไปทำไมรู้สึกว่าเจ้าชิบะเหมือนน้องหมามากๆ เช่น ชอบรื้อข้าวของต่างๆ ชอบขโมยอาหาร

 

 
ฮานะ ตัวนี้จะขี้อ้อนมากๆ มีจุดเด่นที่จมูกจะมีแต้มสีอยู่เหมือนกับน้องแมวมีหนวดเลยค่ะ

 

 
มารุม ตัวนี้จะเป็นพันธุ์สกอตติช โฟลด์ ผสมอเมริกันช็อตแฮร์ค่ะ ตัวอ้วนกลม น่ารักมากๆ โดยตัวนี้จะชอบนอนหงายให้ลูกค้าถ่ายรูป
 

สโนว์ ตัวนี้จะเป็นสาวห้าว สาวดุประจำร้านเลยค่ะ อาจจะโหดนิดๆ กับแมวตัวอื่นแต่กับคนก็น่ารักค่ะ
 

 
มาดี ตัวนี้อายุขวบนึงค่ะ จุดเด่นคือหน้าเขาจะมึนๆ งงๆ  ชอบมองกล้องเวลาถ่ายรูป ตัวนี้ถือเป็นดาราประจำของที่นี่เลยค่ะเพราะด้วยหน้ามึนๆ แบบนี้เรียกลูกค้าได้เยอะเลยค่ะ
 

มารุ ตัวนี้จะดื้อมาก มีจุดเด่นคือชอบเดินคอเอียง เหมือนนักเลงเลยล่ะค่ะ
 
 
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้สงสัยไหมคะว่าแมวร้านนี้ทำไมชื่อนำหน้าด้วยมา...เยอะ คุณหน่อยมาให้คำตอบว่ามาจากชื่อของร้านคือ Cat Human Cafe หรือแปลได้ว่ามนุษย์แมวค่ะ แมวเซ็ตแรกจึงตั้งชื่อด้วยคำว่ามา...นำหน้า เป็นคอนเซ็ปต์ที่น่ารักมากๆ
 
หลังจากเล่นแมวเสร็จเราก็ต้องล้างมืออีกครั้ง แล้วใช้ลูกกลิ้งเพื่อกลิ้งเอาเศษขนที่ติดตัวออกไปก่อนจะลงไปทานอาหารด้านล่างค่ะ
 

 
เล่นแมวจนเหนื่อยชาแบ๊วเลยขอจัดเต็มกับอาหารคาวและหวานของร้านกันหน่อย เริ่มต้นด้วยสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา สำหรับคนชอบความจัดจ้านต้องจัดจานนี้เลยค่ะ
 

 
ต่อด้วยอาหารหวานบ้างเริ่มจากฮันนี่โทสต์ ขนาดบิ๊กไซส์ที่กินได้ถึง 3-4 คนเลยค่ะ ส่วนใครที่มาคนเดียวหรือมาสองคนเขาก็มีไซส์เล็กให้ด้วยนะคะ โดยขนาดบิ๊กไซส์จะมีไอศรีมสองลูกและสามารถเลือกรสชาติได้ด้วย
 

 
จานนี้วาฟเฟิลร้อนๆ ที่เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมค่ะอร่อยมากๆ
 

หลังจากสั่งจานนี้ไปก็ไปเห็นว่าเขามีวาฟเฟิลแมวด้วย พอสั่งมาหน้าตาก็จะน่ารักแบบนี้ค่ะ โดยตัววาฟเฟิลจะเหมือนเท้าของน้องเหมียวเลย
 

 
ปิดท้ายด้วยบราวนี่ไอศกรีมค่ะ บราวนี่รสชาติเข้มข้นทานกับไอศกรีมวินิลลาอร่อยมากๆ เลยค่ะ
 
 
 
ส่วนเครื่องดื่มเราสั่งทั้งเอสเพรสโซ่เย็น ชาเขียวเย็น บลูฮาวาย และสตอว์เบอร์รี่สมูตตี้ค่ะ ช่วยคลายร้อนจากอากาศด้านนอกได้ดีทีเดียว
 
 
 
หลังจากทานอาหารเสร็จชาแบ๊วก็ขึ้นไปร่ำลาน้องเหมียวก่อนกลับ จริงๆ ไม่อยากกลับเลยค่ะ อยากอยู่นานๆ แต่วันนี้มีเวลาไม่เยอะเท่าไร เลยบอกกับทางคุณหน่อยว่าขอสมัครเป็นแฟนคลับร้านนี้ ถ้ามีเวลาเมื่อไรจะกลับมาหาน้องเหมียวอีกแน่นอนค่ะ

ที่ตั้ง : โครงการบ่อน้ำมันพลาซ่า ริมถนนพุทธมณฑลสาย 2 ด้านที่จะออกถนนบรมราชชนนี
เปิดบริการ : ทุกวันยกเว้นวันจันททร์ เวลา 11.00-19.00 น.
โทร : 088 338 2519
 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน