bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ทริปในฝัน ล่องเรือสำราญหรู สำรวจทะเลมัลดีฟส์ใต้ 8 วัน 7 คืน

calendar_month 18 เม.ย. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 72,431 / ทริปตัวอย่าง



02

ทริปนี้ชิลไปไหนได้มีโอกาสไปสำรวจทะเลไกลถึงมัลดีฟส์ทางใต้ พร้อมล่องเรือสำราญหรู MV Crown Maldives  8 วัน 7 คืน กับ Lake heaven Resort วันที่ 12-19 มีนาคม กิจกรรมที่ทางรีสอร์ทจัดขึ้นในครั้งที่ผ่านมา เป็นทริปที่เปิดประสบการณ์ใหม่และประทับใจสุดๆ ด้วยความสวยงามของท้องทะเลมัลดีฟส์ สีสันของสายน้ำ หาดทราย ปะการังที่อุดมสมบูรณ์ แถมได้ว่ายน้ำกับฝูงโลมา เต่าทะเล และปลาอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งกว่านั้นไม่พอยังได้ตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด เมื่อได้เจอกับฉลามวาฬยักษ์ว่ายมาให้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด พร้อมมีปาร์ตี้บนเกาะร้างสำหรับค่ำคืนพิเศษ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว

 


ในทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 23 ชีวิต เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบิน  Male Airport ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างอยู่บนเครื่องก็สามารถเห็นหมู่เกาะต่างๆ ของมัลดีฟส์ บอกเลยว่ามองทะเลจากข้างบนนั้นวิวสวยมากๆ ครับ จาก Male ต้องนั่งเครื่องบินต่อไป Kooddoo Airport Maldives ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที โดยเครื่องบิน Maldivian ลำค่อนข้างเล็ก ทางสายการบินจึงให้ผู้โดยสารติดกระเป๋าขึ้นเครื่องไปได้แค่ใบเดียว ใครที่นำสัมภาระมาเยอะจะต้องระวังเรื่องน้ำหนักโหลดกระเป๋าเกินด้วย เพราะจะโดนปรับนะครับ 

ถึง Kooddoo มัลดีฟส์แล้ว ... ดูเวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง ในวันแรกอากาศออกครื้มๆ ฝนเหมือนจะตก และเราต้องนั่งเรือขนส่งลำเล็กเพื่อไปที่เรือสำราญ MV Crown ที่จะเป็นที่พักและทุกอย่างของเราในทริปนี้ 


ก่อนอื่นต้องแนะนำ มูซาและอารี ที่จะเป็นไกด์และคนนำทางใต้น้ำให้กับคนที่จะดำน้ำทุกคนในตลอด 8 วันนี้ พอได้พูดคุยและทักทายกับพวกเขาก็รู้ว่า 2 คนนี้ดำน้ำมานานกว่า 20 ปี !! ตั้งแต่ยังเล็กๆ กันเลย ประสบการณ์ในโลกใต้น้ำนั้นมากแค่ไหนคงไม่ต้องอธิบาย


 

 
ความคิดในตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าหน้าตาเรือ MV Crown เป็นแบบไหน แว๊บแรกที่ได้เห็นตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ เพราะขนาดเรือลำใหญ่จริงๆ มีทั้งหมด 4 ชั้น แบ่งเป็นโซนห้องพัก ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องนั่งเล่น ดาดฟ้าเรือ โซนด้านหน้าและหลังเรือ สามารถเดินเล่นรอบๆ เรือได้ ในวันแรกตอนที่มาถึงเรือ MV Crown ค่อนข้างจะมืดแล้วเลยยังไม่รู้ว่าขนาดเรือนั้นใหญ่ประมาณไหน พอผ่านไปในตอนเช้าของวันใหม่เลยรู้ว่าเรือนั้นลำใหญ่มหึมามากจริงๆ ว่ากันว่าเรือ MV Crown นี้หรูที่สุดในมัลดีฟส์ !!!


 
พอเปิดประตูเข้ามาจากด้านหลังเรือ ก็ถึงกับตกใจเลยเพราะว่าภายในเรือนั้นตกแต่งอย่างหรูหรามาก นึกว่าเข้ามาโรงแรมระดับ 5 ดาว ภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน โอ้โห ... นี่มันเหมือนในหนังเลยชัดๆ

 
 

ขึ้นมาชั้นสองก็จะเป็นมุมพักผ่อนมีบาร์เล็กๆ และนั่งเล่นได้


 

บรรยากาศบนดาดฟ้าเรือ สามารถขึ้นมารับลมเย็นสบายๆ ได้ในตอนเช้าและเย็น

 

ภายในห้องนั่งเล่นก็มีโซฟาให้พักผ่อนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรูหราในบริเวณห้องควบคุมเรือ




โดยห้องพักแต่ละห้องนั้นก็มีราคาแตกต่างกันไป สองห้องนี้จะเป็นแบบ Sea view สามารถมองเห็นวิวทะเลจากเตียงได้ คงเหมาะกับคู่รักที่อยากเปลี่ยนโมเม้นท์มาโรแมนติกแบบนี้

 
 

ภาพภายนอกของเรือสำราญ MV Crown อลังการงานสร้างมาก ในตอนเช้า - เย็น สามารถมานั่งรับลมด้านหน้าเรือพร้อมบรรยากาศชิลๆ





มัลดีฟส์ได้ชื่อว่าเป็นทะเลในฝันของใครหลายๆ คน ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในทะเลที่สวยที่สุดในโลก วันแรกที่ได้เห็นน้ำทะเลที่นี่ยังไม่อยากจะเชื่อกับตาเลยจริงๆ ว่าน้ำจะใสขนาดนี้ ปะการังก็สมบูรณ์ ถือเป็นสวรรค์ของคนรักทะเลที่คุณต้องรีบมาก่อนที่แต่ละเกาะของมัลดีฟส์จะหายไป ... ตามกาลเวลา



 
ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวก็จะชอบขึ้นไปเที่ยวทะเลมัลดีฟส์ทางเหนือ เพราะมีรีสอร์ทต่างๆ ค่อนข้างเยอะ แต่ในทริปนี้เราจะไปสำรวจทางใต้สุดของมัลดีฟส์กันเลย กำหนดการหลักๆ คือเราจะอยู่บนเรือสำราญตลอดทั้ง 7 คืน และล่องเรือไปเรื่อยๆ โดยในแต่ละวันกัปตันก็จะพาเราไปยังจุดดำน้ำต่างๆ ของแต่ละเกาะทางใต้ของมัลดีฟส์ จากนั้นก็วนกลับมายังเมือง Kooddoo ที่เดิม โดยทุกครั้งก่อนที่จะออกไปดำน้ำ อารีก็จะเป็นคนบอกข้อมูลต่างๆ และข้อควรระวังของบริเวณจุดดำน้ำรวมถึงทิศทางของกระแสน้ำด้านล่าง จากนั้นเขาก็จะลงไปนำทางใต้น้ำด้วยทุกครั้งเพื่อนำทางและความปลอดภัยของทุกคน 


 

 
อากาศในเช้าวันแรกแจ่มใสพร้อมที่จะลุยดำน้ำกันแล้ว ในหนึ่งวันเราจะดำน้ำกัน 3 รอบ เช้า กลางวัน บ่าย โดยจะใช้เรือเล็กลำนี้ออกไปทุกครั้ง เพราะเรือใหญ่ไม่สามารถทิ้งสมอใกล้บริเวณเกาะได้ ทุกครั้งที่ดำน้ำใช้เวลาไดฟ์ละ 45 นาทีโดยประมาณ จากนั้นก็ขึ้นมาทานอาหารและพักผ่อน โดยไฮไลท์พิเศษในทริปนี้คือจุด Booddoo House Reef เป็นจุดที่สามารถเห็นฉลามวาฬได้ง่ายๆ เลย และ Nilandhoo Kandu , Vilingili , Kooddoo Kandu เป็นจุดที่สามารถเห็นฝูงโลมา และจุดท้าย Maareha Kandu เป็นจุดที่สามารถดำดูฝูงปลาฉลาม ส่วนปลาเล็กใหญ่และเต่าหรือปลาอื่นๆ รวมถึงปะการังสวยๆ สามารถดำน้ำตื้นดูได้ทุกจุด เพราะส่วนใหญ่สภาพของระบบนิเวศของทะเลมัลดีฟส์ยังค่อนข้างสมบูรณ์มาก
 


 

 
OK ... Jump!! เสียงของอารีและมูซาบอกให้ทุกคนโดดลงน้ำ หลังจากที่แต่งตัวและเซตอุปกรณ์ต่างๆ กันเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวผมนั้นไม่ได้เรียนดำน้ำลึกมาครับ จึงลงไปดำน้ำลึกกับเขาไม่ได้ ก็เลยได้แค่ดำน้ำตื้นแถวๆ นั้นไปก่อน  ก็ได้เก็บภาพประทับมาบ้าง ความใสของน้ำนั้นใสจนสามารถเซลฟี่ใต้น้ำกันได้เลย ปลาเล็กปลาน้อยก็เยอะมากๆ เรียกว่าดำน้ำเล่นทุกวันจนมีปลาเป็นเพื่อน


  

 


 
มาดูภาพใต้น้ำลึกของช่างภาพใต้น้ำกันบ้าง ได้เจอทั้งเต่า ฉลาม และฝูงอีเกิ้ลเรย์ ได้เห็นภาพแล้วทำให้ผมอยากกลับไปเรียนดำน้ำแบบ Scuba ให้เป็นซะตอนนั้นเลย




ขอบคุณภาพสวยๆ จากคุณ 
Varakorn Kuldilok (Scuba Ball)

 
จุดนี้เป็นจุดที่เรียกว่า  Vilingili สามารถเห็นฝูงโลมาว่ายน้ำไปมาตลอดเวลา โลมาที่นี่คุ้นชินกับคนมาก พอเรือล่องไปใกล้จุดที่โลมากำลังหากิน จากที่สังเกตฝูงโลมาจะหากินกันเป็นฝูง พอพวกเขาเห็นคนหรือเรือมาใกล้ๆ ก็จะโดดขึ้นเหนือน้ำโชว์กันบ้าง และจะมาว่ายน้ำเล่นข้างๆ เรือบ้าง น่ารักมากๆ เลยครับ



 

 
มาถึงคืนที่อยู่บริเวณเกาะ Booddoo ทางไกด์บอกเราว่าจะสามารถเห็นฉลามวาฬได้ทั้งวัน เพราะพวกมันจะมากินแพลงก์ตอนตัวเล็กๆ ที่มาใกล้ไฟเรือ โดยเรือสำราญแถวนั้นจะมีประมาณ 5 - 6 ลำ ฝูงฉลามวาฬทั้งเล็กใหญ่ก็จะแบ่งกันไปกินอาหารใกล้ๆ เรือแต่ละลำ โดยผลัดกันมากินเป็นเวลา จากที่สังเกตุเห็นยิ่งเวลาดึกๆ ประมาณเที่ยงคืน จะเป็นเวลาของขาใหญ่ ที่ขนาดตัวนั้นยักษ์มากๆ ใหญ่เท่าประมาณเรือสปีดโบ๊ทได้เลย และผมก็ได้มีโอกาสลงไปดำน้ำใกล้ๆ ฉลามวาฬ ในตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ ครับ แอบกลัวเพราะใต้น้ำยิ่งมืดๆ มองไม่ค่อยเห็นชัด และเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เห็นตัวฉลามวาฬตัวเป็นๆ ใกล้ขนาดนี้ ถึงตัวเขาไม่ทำร้ายคน แต่เราก็ไม่ควรไปใกล้ตัวเขามากเกินไป เพราะจะไปรบกวนการกินอาหารของเขา เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นครั้งหนึ่งในชีวิตเลยครับ
 



 
ในที่สุดก็มีวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ เรายังอยู่ที่บริเวณเกาะ Booddoo ในเย็นวันนั้นทางไกด์นำทางของเราก็ให้นั่งเรือเล็ก ไปเล่นน้ำและถ่ายภาพ Sunset กันถึงบนชายหาดเลย บริเวณรอบๆ เกาะก็เดินเล่นได้ เหมือนเป็นทะเลแหวกมีทางเล็กๆ ให้เดินไปกลางทะเล พอพระอาทิตย์ใกล้ตกสีสันของท้องฟ้าสะท้อนลงมากับท้องทะเลทำให้ผมอยากหยุดเวลาอยู่ตรงนั้นนานๆ เพื่อเก็บภาพประทับใจเอาไว้


 




 
มาดูหน้าตาอาหารบนเรือ MV Crown กันบ้าง จากการสอบถามเชฟเรื่องอาหารก็ได้ความว่าเชฟเป็นคนประเทศศรีลังกา เครื่องปรุงในกับข้าวส่วนใหญ่จึงหนักไปทางเครื่องเทศของคนอินเดีย โดยในทุกมื้อก็จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ให้เราตัก ในทุกๆ วัน ก็สับเปลี่ยนไปเมนูไปเรื่อยๆ บางทีเขาก็ทำเมนูเดิมให้เราทาน ส่วนรสชาตินั้นก็ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยครับ



 



ภายในห้องอาหาร ก็จะมีพนักงานของเรือ MV Crown 2 คนนี้คอยบริการเราตลอดในทริปนี้

 

 
มาต่อกันที่บริเวณจุดที่เรียกว่า Maareha Kandu เป็นจุดที่มีฝูงฉลามเยอะที่สุด และเป็นไดฟ์ที่ค่อนข้างมีความยากในการดำลงไปใต้น้ำ โดยไกด์นำทางอารีและมูซาก็จะเป็นคนแบ่งทีมว่า ทีมไหนจะต้องไปจุดไหนตามความยากง่ายของกระแสน้ำด้านล่าง และในช่วงบ่ายๆ วันนั้นเขาจะพาไปดำน้ำดูการให้อาหารปลาฉลามของชาวบ้าน ที่จะมารุมกินอาหารเป็นฝูงกันเลย น่ากลัวจนผมไม่กล้าลงไปใกล้น้ำเลยครับ กลัวว่าฉลามมันจะคิดว่าเราเป็นอาหาร โดยจริงๆ แล้วฉลามก็มีหลากหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก็หากินเองตามธรรมชาติ แต่ชาวบ้านที่นี่เลือกที่จะให้อาหารมัน คงเหมือนการอยู่อาศัยกันเหมือนแบบพึ่งพากัน เพราะที่มัลดีฟส์แทบจะไม่เห็นเรือประมงเลยสักลำ เห็นแต่เรือสำราญและเรือขนส่ง ระบบนิเวศแบบนี้ก็เหมือนเกื้อหนุนกันทุกฝ่าย
 


มาดูภาพบรรยากาศด้านล่างกันบ้าง ฝูงฉลามนับร้อยว่ายเวียนกันมาไม่ขาดสาย คุณตะวันซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการดำน้ำมานาน บอกว่าฉลามสายพันธุ์นี้คือ Oceanic Blacktip 
ตัวฉลามเขาไม่คิดว่านักดำน้ำเป็นอาหาร แต่ทางที่ดีให้ทำตัวนิ่งๆ ไว้อย่าตื่นกลัว และทางที่ดีอย่าเข้าไปใกล้มันมาก



ขอบคุณภาพสวยๆ จากคุณ Tawan Buasuwan
 
เวลาผ่านไปถึงคืนปาร์ตี้ โดยค่ำคืนนี้เราจะปาร์ตี้กันบนเกาะนี้ ซึ่งเป็นเกาะร้างเล็กๆ ที่ไม่มีเจ้าของ แต่ก่อนที่จะขึ้นฝั่งในช่วงที่รอพนักงานเซตสถานที่และอาหาร เราก็ถ่ายรูปเล่นกันหัวเรือจนเมมเต็มเลยทีเดียว ดังนั้นจะมีเพียงกลุ่มเราที่ปาร์ตี้กันและทานอาหารในค่ำคืนแสนพิเศษนี้
 
โดยส่วนใหญ่แล้วเกาะทางมัลดีฟส์บางเกาะจะเป็นเกาะส่วนตัวต้องขออนุญาตก่อนขึ้นไปบนฝั่ง ไม่งั้นจะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย 
 
 

ขอบคุณภาพจาก Lake Heaven Resort

 


 

 
พอทานอาหารเสร็จ ก็มีเครื่องดื่มและเสียงเพลงให้ได้ขยับตัว Dance กันภายใต้ดวงดาวเต็มท้องฟ้า และทุกคนก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวในหลายๆ วันที่ผ่านมาอย่างสนุกสนาน บรรยากาศในตอนนั้นชิลสุดๆ ไปเลย



 
ก่อนวันสุดท้ายหลังจากดำน้ำมาทั้งวัน ก็มาถึงเกาะนี้ที่เป็นเกาะร้างเช่นกัน ท้องฟ้าวันนั้นก็เป็นใจอีกหนึ่งวัน เรานั่งเรือเล็กๆ ไปเล่นน้ำกันที่เกาะ พร้อมกับเก็บแสงสุดท้ายที่จะลาไปแล้วมัลดีฟส์




 

 
ก่อนถึงวันเดินทางกลับ เรามาเดินเล่นกันในเมือง Kooddoo กันก่อน ก็เดินหาซื้อของฝากและดูบรรยากาศเล่นรูปเล่นความเป็นอยู่ของบ้านเมืองชาวมัลดีฟส์ว่าเป็นแบบไหน คงคล้ายๆ เหมือนกับประเทศอินเดียมีเสียงเพลงละหมาดดังมาจากมัสยิดของชาวบ้าน แต่โชคร้ายวันสุดท้ายนั้นฝนตก ก็เลยต้องนั่งรอฝนกันอยู่สักพัก ก่อนที่จะได้กลับมาที่เรือ MV Crown อีกครั้ง

 


 
 



 
ในที่สุดก็มาถึงวันที่ต้องกลับ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาฝนยังคงตกมาเรื่อยๆ ก่อนกลับเราก็ถ่ายภาพหมู่พร้อมขอบคุณลูกเรือทุกคนที่มีส่วนช่วยให้ทริปนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน ในขากลับก็ต้องมาขึ้นเครื่องที่ kooddoo airport จากนั้นไปต่อเครื่องบินที่ Male เหมือนเดิมเพื่อกลับเข้ากรุงเทพฯ วันนั้นพวกเรามาถึงกรุงเทพฯ ก็ค่ำเลย 19.30 น. เพราะเวลาบ้านเราเร็วกว่า 2 ชั่วโมง




 
กินก็ทะเล นอนก็ทะเล ตื่นขึ้นมาก็ยังเจอทะเล อยู่กับทะเลในทุกวัน แต่ผมไม่เคยจะเบื่อเลย .. วันเวลาบนเรือนั้นผ่านไปเร็วมาก ตอนแรกยังคงรู้สึกว่าเหมือนอยู่บนเรือโจรสลัด ผจญภัยออกไปตามล่าหาขุมทรัพย์อะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายแล้วทริปนี้การที่มาได้อยู่บนเรือ MV Crown ทั้งหมด 7 คืน กลับได้ทั้งมิตรภาพดีๆ เทคนิคต่างๆ ของการดำน้ำ ได้เห็นทรัพยากรทางทะเลที่สมบูรณ์ และสิ่งต่างๆ อีกมากมาย จึงถือว่าทริปนี้ได้พบเจอสมบัติล้ำค่าแล้ว ใครที่ชอบทะเลและโลกใต้น้ำคงจะต้องมาเห็นทะเลที่มัลดีฟส์ดูสักครั้ง จะต้องเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน

ขอบคุณกิจกรรมดีๆ ของทาง Lake Heaven Resort 
แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้า 

 
12
Photo and story  : ชิไปไหน










 
 





 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai