bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

รีวิว น่าน : นอนกลางดิน กินกลางดาว (กางเตนท์ส่องทางช้างเผือกที่ผาลมแคมป์ แล้วไปพักที่อุ่นไอมาง ณ สปัน)

calendar_month 15 มี.ค. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 216,045 / รีวิวที่เที่ยว

    

รีวิว น่าน : นอนกลางดิน กินกลางดาว

(กางเตนท์ส่องทางช้างเผือกที่ผาลมแคมป์ แล้วไปพักที่อุ่นไอมาง ณ สปัน)
 

 “ไปน่านอีกแล้วเหรอ น้องต้องชอบน่านมากๆแน่เลย” คำถามจากพี่ที่ออฟฟิศ

 หลังจากขอลางานวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เพื่อกลับไปน่านเป็นครั้งที่ 3

 โดยครั้งนี้ตั้งใจไปขึ้นดอยบริเวณน่านใต้ แต่ก็ไม่วายต้องขับไปน่านเหนือ ปัว บ่อเกลือและสปัน อีกครั้ง
 

 
 การเดินทางครั้งนี้ 3 วัน 2 คืน เป็นทริปเล็กๆ 13-15 กุมภาพันธ์
 น่านเหนือจรดใต้ ทั้งดอยผาลม (ทางเดียวกับดอยเสมอดาว) เสาดินนาน้อย เวียงสา อ.เมืองน่าน บ่อเกลือ สปัน ปัว วังศิลาแลง

 นั่งรถทัวร์บางกอกบัสไลน์แบบรถนอน นอนยาว 10 กว่าชั่วโมง รถออกจากศูนย์สมบัติทัวร์ วิภาวดีตอน 20.40 ถึงน่าน 7โมง

 สลบตลอดทาง ตื่นมาสดชื่นพร้อมอากาศ 10 องศาเบาๆ

 โบกสองแถวไปตลาดเช้าคนละ 20 บาท แวะหาไรทานที่ตลาดเช้า ถือโอกาสใส่บาตรด้วยครับ


 แล้วเดินไปนั่งรอพี่ๆที่ ร้านกาแฟอเมซอนที่น่านที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดภูมินทร์

 ถือเป็นร้านอเมซอนที่บรรยากาศดีงามตามครรลองสุดๆ ปล. บาริสต้างานดีมาก
 


 ดื่มด่ำกับกาแฟดีๆ นั่งชมวัดภูมินทร์ไปด้วย



 หลังจาก พี่กบ ตากล้องเซเลบเมืองน่าน แห่งปัว แกลลอรี่ เดินทางมาถึง เราก็วางแผนการเตรียมตัวขึ้นดอยผาลม อ.นาน้อย
 โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่ ผาลมแคมป์ ซึ่งเป็นพื้นที่กางเต็นท์ส่วนตัวที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด
 ตั้งอยู่ในหุบเขาแบบ in the middle of nowhere
 น้ำไฟมีจำกัดมาก สิ่งอำนวยความสะดวกจะเป็นแค่แบบพื้นฐานในการดำรงชีวิตอยู่รอด
 เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวนอกแผนที่และรักการผจญภัย สัญญานโทรศัพท์มีแค่เอไอเอสแบบเบาๆพอให้ได้ติดต่อโลกภายนอก
 และต้องเดินทางด้วยรถ 4x4 เท่านั้น เนื่องจากเป็นถนนลูกรัง ขรุขระ และชันมากในบางที


 อ่านมาตรงนี้ อาจมีคำถามว่าแล้วจะมาทำไม ลำบากขนาดนี้
 คำตอบคือ ความส่วนตัว ความสวยงาม และการท้าทายตัวเองเนี่ยแหละครับ
 และที่สำคัญเพื่อไปดูทางช้างเผือกด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต


 เราออกจาก อ.เมืองน่าน แวะซื้อเสบียงที่บิ๊กซี ซื้อหมู มาม่า หนมปัง แฮม น้ำดื่ม ผักและอื่นๆเล็กๆน้อยๆ
 เพียงพอสำหรับไปปาร์ตี้ ปิ้งย่างกันบนดอยและอาหารเช้า
 เมื่อได้ครบก็ขับลงไปทางน่านใต้ ผ่าน อ.เวียงสา ขับไปประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงทางขึ้นดอยเสมอดาวที่โด่งดัง
 พี่ออส เจ้าของผาลมแคมป์จะรออยู่ที่ทางจอดรถของดอยเสมอดาว เพื่อเปลี่ยนไปรถ 4x4 พวกเราก็ขนเสบียงขึ้นรถ พร้อมออกเดินทาง



 ดอยผาลม จะขับเลยดอยเสมอดาวครับ อย่างที่บอกคือทางค่อนข้างขรุขระ ต้องใช้ 4X4 หรือรถกะบะครับ



 ขับขึ้นเขาลงดอยผ่านไร่ข้าวโพดและทิวเขามาสัก 40 นาที พอมีมุมให้แวะถ่ายรูปสวยๆ
 วิวสองข้างทางออกแนว แอฟริกา ทุ่งหญ้าสีทองสวยงามครับ





 วิวระหว่างทาง สวยดีครับ สวยแบบแห้งๆ ส้มๆ



 แล้วเราก็มาถึง ผาลมแคมป์ พี่ออสได้เตรียมเตนท์ไว้แล้ว 2 หลัง นอนได้หลังละ 2 คนสบายๆ



 บรรยากาศตอนเห็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าส่วนตัวมากครับ อยู่ท่ามกลางหุบเขา ไม่มีผู้คนรบกวน  
 หลังจากเอาของลงจากรถ เรารีบเดินไปด้านหลังดอย เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกดิน
 บรรยากาศดีมากๆครับ อากาศเย็นๆ แสงสวยๆ



 หลังดื่มด่ำกับซันเซทสวยๆแล้ว ก็มาเตรียมของสำหรับปิ้งย่างยามเย็น
 ทางที่พักมีเตาแก็สปิ๊กนิคพร้อมกะทะสำหรับปิ้งย่างไว้ให้พร้อม เราแค่เตรียมวัตถุดิบที่ชอบมาครับ




 เริ่มปฏิบัติการปิ้งย่างกลางดอย เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ อาหารที่พวกผมซื้อมา ก็เน้นสำหรับการปิ้งย่างครับ




 อากาศค่อยๆเย็นลง หมู่ดาวต่างๆเริ่มแสดงตัว แต่แอบเฟลหน่อยๆตรงที่ไม่ใช่คืนเดือนมืด ก็เลยกังวลว่าจะมองไม่เห็นทางช้างเผือก
 สักประมาณ 4 ทุ่ม พระจันทร์เริ่มรู้งาน ค่อยๆเฟดตัวเองออกจากท้องฟ้า ปล่อยให้หมู่ดาวนับพันๆดวงได้เปล่งแสงออกมา
 พวกเรานั่งคุยกัน เล่นเกมส์ไปด้วยดื่มเบียร์เย็นๆ ไปด้วย จนล่วงเข้าเที่ยงคืน
 เข้าสู่คืนเห็นความรัก 14 กุมภาพันธ์ คุยกันสักพักก่อนแยกย้ายกันไปเข้าเตนท์ของตัวเอง
 ความหวังเริ่มปรากฏ พี่ออสชี้ๆให้ดูว่าเริ่มเห็นหางช้างบ้างแล้ว พวกเราตั้งปลุกไว้ตอน 4.30



 และนี่คือครั้งแรกของผมกับทางช้างเผือกด้วยตาตัวเอง ถือว่าเป็นของขวัญวันวาเลนไทนส์ละกันนะ หาซื้อไม่ได้นะเนี้ย
 


 ผมค่อยๆเก็บเกี่ยวทางช้างเผือกครั้งแรกของชีวิตไปสักพัก ก่อนจะกลับเข้าไปพักผ่อนในเตนท์อย่างมีความสุข และ อิ่มเอม
 ถึงแม้จะไม่ได้ชัดเจนมาก เพราะฟ้าไม่ได้เปิดแบบสุดๆ แต่ก็อิ่มใจครับ



 ตื่นเช้ามาประมาณ 6 โมงนิดๆ มารอดูพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกเบื้องล่าง กับอากาศเย็นสบายแบบสุดๆ



 ปิ้งมาร์ชเมลโลแก้หนาวด้วย เรียกได้ว่าครบสูตรการแคมป์ปิ้งในฝัน





 จัดแจงเตรียมอาหารเช้ากัน มีทั้งมาม่า และ ขนมปังแล้แต่ชอบ รวมถึงของที่เหลือๆจากเมื่อคืนด้วยครับ





 กินกันพออิ่ม ก็ถึงเวลาเก็บของลงดอย ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปกันต่อนิดๆหน่อยๆ ครับ








 พี่ออสมาส่งที่เดิมคือตรงลานจอดรถของดอยเสมอดาว แล้วก็ขนย้ายสัมภาระกันก่อนจะบ๊ายบาย
   

 สำหรับใครที่สนใจจะขึ้นมาพักผ่อนนอนเต็นท์บนดอยส่วนตัวแบบนี้
 มาเองอาจจะไม่สะดวก ผมขอแนะนำให้ติดต่อได้ที่พี่ออสเจ้าของโดยตรงครับที่   0817833687
 หรือติดตามได้ที่ facebook ของ ผาลมแคมป์
 ราคาก็ตามตกลงกันเลยครับ พี่ออสถ่ายรูปเก่งด้วย แกเป็นคนสอนตั้งกล้องถ่ายทางช้างเผือก  


 หลังจากลงมาจากดอย ระหว่างทางกลับ อ.เมือง เราจะผ่านเสาดินนาน้อย



 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์เอาไว้อย่างสวยงาม
 เสาดินนาน้อย ทำให้ผมนึกถึงตอนไปเที่ยวเมือง goreme, Cappadocia ประเทศตุรกีครับ ที่นี่ออกแนวประมาณ mini Goreme



 เล็กๆน้อยๆ ก่อนจะขับกลับไปที่ ตัว อ.เมืองน่าน



 ระหว่างทางเราจะผ่าน อ.เวียงสา ผมแวะร้านกาแฟน่ารักๆ สไตล์ล้านๆ ชื่อร้าน จ๊างน่าน คอฟฟี่ แอนด์ แกลอรี่
 กาแฟอร่อยราคาถูก แก้วละ 35-40 แถมวันที่ไป เป็นวันวาเลนไทนส์ เลยได้แถมฟรีอีกแก้ว



 ร้านจะตกแต่งแนวศิลปะเก่าๆของ จ.น่าน มีรูปภาพและของประดับเก่าแก่มากมาย





 ที่สะดุดตาที่สุด คือรถเมล์เก่า ที่ด้านในได้ระยุกต์มาเป็นที่นั่งดื่มกาแฟชิคๆครับ



 เดินเข้ามาด้านในรถเมล์





 แล้วพวกเราก็เดินทางกันต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยัง อ.เมือง เพราะมีนัดกันทานอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ล่าสุด
 ที่บอกเลยว่า สดมากกก และราคาถูกมากด้วยครับ เดี๋ยวผมค่อยทะยอยมาลงต่อนะครับ กลับบ้านก่อน
 แล้วก็ยังมีการเกินทางไปที่ อุ่นไอมาง ณ สปัน  รีสอร์ทน่ารักและอบอุ่นมากๆ ริมแม่น้ำ ที่หมู่บ้านสปัน
 

 เรากลับมาถึง อ.เมืองน่านประมาณ 11 โมงนิดๆ ได้แวะทานอาหารญี่ปุ่น ร้านเปิดใหม่ล่าสุด (เปิดวันแรก)
 ชื่อร้าน กรรณิการ์ คาเฟ่ ที่ดั้งเดิมเจ้าของร้านจะเปิดเป็นธุรกิจค้าส่งปลาแซลมอนเพียงอย่างเดียว



 แต่เนื่องจากพี่เจ้าของตั้งใจให้คนน่านได้มีโอกาสทานอาหารญี่ปุ่นคุณภาพแบบสดๆ ในราคาไม่แพง จึงได้ตัดสินใจเปิดร้านร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆขึ้นมา โดยเน้นไปที่ความสดของ แซลมอน ซาชิมิ ที่บอกได้เลยว่าสุดจริงๆ อย่างแซลมอนจานนี้ก็ 300 กว่าบาทเองครับ



 ครั้งแรกกับซุปหัวปลาแซลมอน ชอบสุดๆๆๆ กลมกล่อม อูมามิมากๆๆ



 หลักฐานว่าเด็ดจริง



 นอกจากพวกแซลมอนแล้ว ก็ยังมีพวกข้าวอกงและซูชิต่างๆ





 นอกจากอาหารญี่ปุ่นแล้ว ทางร้านยังขายเบเกอรี่และกาแฟ รวมถึงน้ำผลไม้ปั่นอร่อยๆอีกด้วย



 ถึงแม้จะตั้งใจเปิดเพื่อคนน่าน แต่คนกรุงหรือนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็สามารถแวะไปได้ครับ
 เผื่อใครทานอาหารเมืองมาหลายมื้อแล้ว ลองมาทานอาหารญี่ปุ่นที่น่าน ก็แปลกดีนะ 555+ ประมาณ เจแปนนีส เจแปนน่าน  
 ร้านตั้งอยู่ใน อ.เมือง แถวสมุนเทวราช(สวนตาล) จ - ศ เปิด 15.00 - 21.00 ถ้าวันหยุด เปิด 11.00-21.00
 โทรถามได้ที่ 0956900808


 หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็พร้อมที่จะออกเดินทางขึ้นดอยอีกครั้ง
 โดยครั้งนี้จะกลับไปที่ อุ่น ไอ มาง ณ สปัน
 รีสอร์ทเล็กๆที่อบอุ่นมากกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาเพื่อพักผ่อน ปล่อยใจไปกับบรรยากาศริมคลอง



 โดยต้องขับผ่าน ปัว แล้วขึ้นไปทางบ่อเกลือ ผ่าน 1715 ครับ





 ขับเลยบ่อเกลือมานิดหน่อยครับ  ก็จะเจอทางเข้า สปัน ก็ขับเข้ามานิดหน่อยจะเจอรีสอร์ทนึงก่อน อันนั้นยังไม่ใช่นะครับ
 ต้องขับเลยมาในหมู่บ้านจะเจอรีสอร์ทอยู่ทางขวา





 ครั้งที่แล้วไปแล้วไม่ได้พักเนื่องจากห้องพักเต็ม ครั้งนี้เราเลยทำการจองมาเนิ่นๆ ได้ห้องฝั่งตรงข้าม
 ห้องพักมีทั้งแบบบ้านไม้เป็นหลังๆ และกระโจมริมน้ำ



 มีมุมสวยๆหลายๆมุมให้ถ่ายรูป







 เราได้เดินสำรวจรอบๆหมู่บ้านด้วยครับ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ผู้คนใจดี เห็นเราเดินไปก็ทักทาย ถามไถ่ บางคนก็ชวนให้ทานข้าว






 เราเดินเล่นซักพักก็กลับไปทานอาหารสำหรับอาหารเย็น จะคิดเป็นหัวๆละ 120 บาท
 โดยจะมีอาหารบ้านๆประมาณ 4 อย่าง แต่รสชาตเด็ดสุด โดยเฉพาะน้ำพริกมะกอกกับผักสดที่อร่อยจนต้องสั่งกลับบ้าน
 ที่เหลือก็จะมี ไข่เจียว ผัดผัก ต้มแซ่บไก่ครับ





 เราเข้านอนกันก็เที่ยงคืนกว่าๆ จริงๆคือนั่งคุยกันได้ต่อ แต่อากาศเย็นมากๆๆ จนร่างกายต้องการไปซุกตัวบนเตียงอุ่นๆ



 ตื่นเช้ามา พร้อมหมอกหนาจัด ปกคลุมทั้งหมู่บ้านได้บรรยากาศสวยงามอีกแบบครับ





 บริเวณห้องทานอาหารครับ มาดื่มกาแฟอุ่นๆ



 ต้องรีบออกมาแต่เช้า ประมาณ 7 โมง อาหารเช้ายังเตรียมไม่เสร็จ มีแค่บางส่วน เสียดายมากๆครับ



 อุ่นไอมาง ณ สปัน เป็นโฮมสเตย์เล็กๆนะครับ ถ้าจะมารบกวนจองล่วงหน้านานๆครับ  

 ติดต่อสอบถามเรื่องห้องพักได้ที่หมอเอก  081-374-7004 หรือ Line ID: plawannoinoi


 เรากลับมาที่ อ.ปัวเพื่อมาเก็บตกสถานที่ unseen ที่ไม่เคยได้มาสัมผัส นั่นคือ วังศิลาแลง



 เห็นรูปมานาน อยากจะไปสัมผัสกับความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในหุบเขา จนวันนี้ได้โอกาสมาสักที  วังศิลาแลง  หรือชื่อเดิมคือ วังบอก เกิดจากรอยเลื่อนปัว จึงทำให้ตรงกลางมีน้ำไหลตลอดปี มากน้อยขึ้นอยู่กับฤดูกาล การเดินทางมาจะจอดรถที่ ฟาร์มเห็ดโอมสเตย์ก็ได้ หรือจะเอารถไปจอดหน้าโครงการเลยก็ได้ครับ ไม่ไกลจากตัวเมืองปัว ทางเดินอาจจะต้องใช้ความพยายามนิดนึง เพราะเป็นการเดินขึ้นเขาประมาณ 700 เมตรก็จะเจอกับความงดงามที่ซ่อนอยู่ครับ จะเห็นเชือกไว้ให้เกาะตอนปีนลงไปครับ เพราะค่อนข้างชัน



 น้ำเย็นมากๆๆๆๆ บางช่วงลึก บางช่วงตื้น





 เดินทุลักทุเลในบางครั้ง



 แต่ก็เป็นสถานที่ที่แนะนำมาให้ลองแวะมาครับ ลำบากนิดนึงแต่สวยมาก
 สำคุญนะครับ ถ้ามาหน้าน้ำหลากจะเข้าไม่ได้นะครับ เพราะน้ำจะสูงมาก


 
 ใช้เวลาที่วังศิลาแลงประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ หิวสุดเลยแวะไปทานอาหารฝรั่ง เชฟจาก เลอ คาดองเบลอ
 ชื่อว่าร้าน Little La Cuisine เป็นตัวเลือกที่ไม่ธรรมดาสำหรับคนมาเที่ยวปัว



 ร้านตั้งอยู่ที่ตลาดล่าง เข้ามาจากถนนใหญ่นิดหน่อย  ร้านตกแต่งเป็นแนวโมเดริน
 ตอนไปถึงมีลูกค้านั่งทานอยู่เกือบเต็มร้าน ทั้งคนปัวน นักท่องเที่ยวไทย และ ฝรั่งครับ



 เราสั่งกันค่อนข้างเยอะ เพราะหิวมาก โดยมีทั้ง สปาเกตตี้ผัดเบคอนแห้ง สปาเก๊ตตี้ซีฟู๊ด  ผักโขมอบชีส สลัดกุ้ง



 และมีก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เผื่อใครไม่ถนัดอาหารฝรั่ง อร่อยเชียว



 มีของหวาน เบเกอรี่ด้วยนะครับ  รสชาติอร่อย ถูกต้อง



 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 091-801-0889 รับรองไม่ผิดหวังครับบบบ
 
 ถึงแม้จะเป็นการกลับมาน่านคั้งที่ 3 แต่ความรู้สึกดีๆที่ จ.เล็กๆจังหวัดนี้ก็ยังเต็มเปียมครับ
 และมั่นใจครับ ว่าคงมีครั้งที่ 4 5 6 ไปเรื่อยๆ เพราะมีอีกหลายที่ในน่านที่ผมยังไมได้ไปสัมผัส
 มาเที่ยวน่านทุกครั้ง ได้รับการต้อนรับที่ดีจากพี่ๆน้องๆที่น่าน



 ต้องขอขอบคุณครูโจแอน และ พี่กบตากล้องเซเลบเมืองน่านที่พาน้องเที่ยวน่านและดูแลเป็นอย่างดีครับ

 สำหรับใครที่สนใจมาพักผ่อนที่ผาลมแคมป์ หรือ อุ่น ไอ มาง ณ สปัน หรือต้องการไกด์ตากล้อง เที่ยวด้วยได้รูปสวยๆด้วย ก็ติดต่อพี่กบ แห่ง ปัว แกลอรี่ได้ที่ 061-542-2919 หรือสามารถไปชมผลงานได้ที่ https://m.facebook.com/patcha.karat หรือผลงานตามสนามบิน หรือตามโปสการ์ดต่างๆ ที่โชว์ไว้ทั่วเมือง



  น่านครั้งต่อไปไปที่ไหน คอยติดตามนะครับ



 ขอบคุณรีวิวดีดีจากคุณ .. Chytae



  

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close