ทริป 3 วัน 2 คืน เที่ยวหมู่บ้านชาวเขา ดูนาขั้นบันได นอนโฮมสเตย์หลังเล็กในเชียงใหม่ จังหวัดที่ใครๆก็หลงรัก
- สกู๊ป > ทริปตัวอย่าง โพสเมื่อ : 31/03/2565



Story & Photo : แก๊งค์ลูกแมว
มีเวลา 3 วัน 2 คืน และอยากหลบหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ ผู้คนมากมาย คงไม่มีที่ไหนเหมาะจะให้เราไปใช้ชีวิตช้าลง แบบอำเภอเล็กๆในเชียงใหม่อย่างอำเภอกัลยาณิวัฒนากันอีกแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าแพลนของเราในการไปเชียงใหม่ครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง ก็ตามไปดูกันเล้ยยย...


เยี่ยมชมโครงการหลวง นอนโฮมสเตย์ชาวเขา
06.40 น. เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปยังจังหวัดเชียงใหม่กันด้วยเครื่องบิน
07.55 น. ใช้เวลาเพียงชม.กว่าๆ จากกรุงเทพฯก็แลนด์ดิ้งถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ แต่ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นในแพลน เราแวะมาฝากท้องเติมพลังกันที่ร้านโจ๊กต้นพยอม โจ๊กเจ้าเก่าขึ้นชื่อใกล้สนามบินเชียงใหม่กันก่อน เพราะเช้าๆ แบบนี้โจ๊กหมูหน้าตาหอมน่าทาน และปาท่องโก๋ดิพกำลังรออยู่




10.00 น. อิ่มท้องกับมื้อเช้าจนพลังเหลือเฟือแล้ว เป้าหมายแรกที่เรามา คือ การเยี่ยมชม "โครงการหลวงหนองหอย" ที่อ.แม่ริม 1 ใน 38 ศูนย์โครงการหลวง 5 จังหวัดภาคเหนือ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนงานวิจัย ทดสอบพืชผักเมืองหนาวชนิดใหม่ๆ รวมถึงเป็นการส่งเสริม-รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากชาวเขา และเกษตรกรทดแทนอาชีพเดิมอย่างการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของชาวเขาให้ดีขึ้น ที่สำคัญการรับซื้อผลผลิตทุกครั้งต้องผ่านห้องตรวจวัดระดับสารเคมี ด้วยโรงคัดบรรจุที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อคำนึงถึงถึงผู้บริโภคให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเป็นหลัก จึงมั่นใจได้ว่าพืชผักของที่นี่ปลอดสารพิษแน่นอน






1. กิจกรรมปลูกต้นไม้ให้เป็นป่า จัดขึ้นทุกปี เพื่อคืนพื้นที่ป่า โดยปีนี้ปลูกที่ม่อนร่อง
2. กิจกรรมการทำแนวกันไฟ เพื่อส่งเสริมให้มีป่าไม้อยู่รอดเพิ่มมากขึ้น จัดขึ้นเฉพาะช่วงเดือนม.ค. - ก.พ.





12.00 น. : ถึงเวลากลางวัน เรามาหาอะไรทานกันที่ "บ้านสวนแม่ริม" ร้านอาหารริมน้ำบรรยากาศดี ร่มรื่นด้วยต้นไม้รายล้อม คลอเคล้าไปกับเพลงคันทรีเบาๆ ช่วยให้เจริญอาหาร ถ้าใครอยากชิมอะไรใหม่ๆ เราขอแนะนำให้ลองสั่งอาหารตามฤดูกาลดูสิ






13.00 น. ออกเดินทางต่อไปยังอ.กัลยาณิวัฒนา โดยเส้นทาง 1095 เชียงใหม่ - ปาย
17.00 น. เรามาถึงอ.กัลยาณิวัฒนา อำเภอเล็กน่ารักแต่แสนอบอุ่น ก่อนจะนัดพบกับหัวหน้าชุมชนหน้าอบต.บ้านจันทร์ เพื่อนั่งรถปิ๊คอัพของชุมชน เข้าไปยังอำเภอห้วยฮ่อม ที่พักของเราในคืนนี้








มื้อเย็นวันนี้ พี่เล็ก นภาพร หรือ พี่แจพอ ในภาษาปาเกอะญอ ทำเมนูแกงหมูต้มยำ น้ำพริกปลาย่าง ผักหนาม และไข่เจียวให้เราทาน ปิดท้ายด้วยผลไม้อย่างสับปะรดรสชาติหวานฉ่ำ ใครอยากมาที่นี่แล้วกลัวว่าจะทานอาหารไม่ได้ ตัดปัญหาไปได้เลย เพราะทุกมื้อในแต่ละวันจะมีไข่เจียวรวมอยู่ด้วย แต่สำหรับเราดันติดใจอาหารชาวบ้านของที่นี่เข้าซะแล้วสิ

หลังจากท้องอิ่มแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัย นี่คือหน้าตาโฮมสเตย์ของเรา เนื่องจากอำเภอกัลยาณิวัฒนาตั้งอยู่ในหุบเขาและอากาศค่อนข้างหนาวเย็นในช่วงกลางคืน ที่นี่จึงไม่มีพัดลม เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องทำน้ำอุ่น มีแค่มุ้งหนึ่งหลัง และผ้าห่มนวมหลายผืนไว้คอยบริการ ส่วนเราที่ยังไม่ง่วงก็ออกมาเดินเล่นรับลมหนาว แหงนหน้ามองดูาวที่เต็มท้องฟ้าดื่มด่ำในความสวยงามของธรรมชาตินั่งคุยกับพี่เล็กที่ระเบียงบ้านจนพอใจ ก็ได้เวลาเข้านอนสักที แค่นี้ก็หลับฝันดีแล้วจ้า

เกร็ดน่ารู้ : ปัจจุบันกลุ่มเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนเหล่อชอมีโฮมสเตย์จำนวน 3 หลัง ราคา 150 บาท/คน/คืน ค่าอาหาร 70 บาท/คน/มื้อ และกำลังจะขยายจำนวนโฮมสเตย์เพิ่ม
การเดินทาง : มีรถโดยสารสองแถวสีเหลือง (เชียงใหม่-สะเมิง-วัดจันทร์) ทุกวันจากสถานีขนส่งช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ แต่ควรตรวจสอบเวลารถก่อนเดินทาง

เดินเล่นบนนาขั้นบันได ชมวิหารเจดีย์ใส่แว่นตา

Tip :
- การเดินชมนาขั้นบันได ใช้ระยะเวลาเดินทางนานพอสมควร
- หากวันไหนฝนตกอาจมีทากดูดเลือด ควรฉีดซอฟเฟลหรือทาโลชั่นกันยุงป้องกันไว้ล่วงหน้า
- ในบางช่วงอาจมีโคลน หรือเลนลื่นๆ หากกลัวรองเท้าผ้าใบสกปรก แนะนำว่าใส่รองเท้ายางหรือรองเท้าแตะดีกว่า








พักจนหายเหนื่อยแล้วก็เดินทางต่อ เพื่อไปสู่เป้าหมายต่อไป



Tip :
- ฤดูหนาวช่วงเดือนม.ค. - ก.พ. จะหนาวมาก
- ช่วงเดือนพ.ย.ของทุกปีจะเป็นช่วงเกี่ยวข้าวต้นฤดูหนาว ได้ความสวยงามไปอีกแบบ
- ในช่วงสิ้นปีจะมีประเพณีชาวบ้าน คือ การมัดมือ (ผูกข้อมือ) โดยคนแก่ปีละ 2 ครั้ง




13.30 น. : รับประทานกลางวันด้วยฝีมือชาวบ้านกันอีกสักมื้อ
15.00 น. : บ่ายๆแบบนี้เราบุกป่าฝ่าดงด้วยรถปิ๊คอัพชุมชนเพื่อหนีร้อนมาพึ่งลมเย็นๆกันที่อ่างเก็บน้ำ "นาอูหรู่" หรือ "น้ำออกรู" ตามชื่อที่มาของต้นกำเนิดแหล่งน้ำในภาษาบ้านเรา นอกจากจะเป็นแหล่งต้นน้ำแล้ว บริเวณนี้ยังถือเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลาด้วยนะ คงไม่ต้องบอกเลยใช่มั้ยว่าปลาของที่นี่จะตัวใหญ่มากขนาดไหน








17.30 น. : ถัดมาจากวิหารใส่แว่นตา เรามาแวะไหว้พระพุทธเมตตามหามารดรธรณีศรีสุพรรณกัลยา สีขาวล้วนองค์ใหญ่ภายในวิหารไม้สักทองที่ตัววิหารเหลืองอร่ามดูสวยงาม สมเป็นสถาปัตยกรรมล้านนาของทางภาคเหนือ เลยถือโอกาสทำบุญ อธิษฐานขอพรไปอีกรอบ มาเที่ยวแล้วยังได้ทำบุญอีกแบบนี้ อิ่มอกอิ่มใจจริงๆเลย


กลุ่มเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนเหล่อชอ
- ค่าผู้นำเที่ยวศึกษาวิถีชีวิตในชุมชน 300 บาท/วัน/กลุ่มไม่เกิน 10 คน
- ค่าผู้นำเที่ยวเดินป่าศึกษาธรรมชาติ 600 บาท/วัน/กลุ่มไม่เกิน 5 คน
- ค่าชมกิจกรรม กลุ่มอาชีพ เช่น ทอผ้า ปักผ้า จักสาน 100 - 600 บาท/กิจกรรม/กลุ่มไม่เกิน 10 คน
- ค่าบริการรถนำเที่ยวภายในหมู่บ้าน 200 - 500 บาท/คัน (รับได้สูงสุด 10 คน)
- ค่าบริการรถเดินทางระหว่างตำบล 2,000 บาท/คัน (รับได้สูงสุด 10 คน)
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : คุณฤทธิศักดิ์ ศรวันเพ็ญ โทร.080-859-2978

สูดโอโซนยามเช้า ช้อปของฝากแบบจุใจที่ดอยคำ
เสียดายว่าเช้านี้ฟ้าปิด แถมยังมีเมฆมาก เพราะฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล ใกล้จะตกอีกรอบ เลยอดได้เก็บภาพสวยๆ ตอนที่แดดยามเช้าส่องผ่านป่าสนเกิดเป็นหมอกจางๆ ลอยอยู่เหนือผิวน้ำแบบปางอุ๋งเลย
08.00 น. : รับประทานอาหารเช้าก่อนเดินทางต่อ



09.00 น. : ออกเดินทางต่อไปยัง อ.เชียงดาวจ้า
12.00 น. : ก่อนจะถึงปลายทางสุดท้าย เราแวะมาหาอะไรทานกันที่ "ร้านพรเพ็ญขาหมูเสวย" ร้านขาหมูขวัญใจของชาวเชียงดาว และนักเดินทางขาจรทั้งหลาย เพราะเป็นเวลาเที่ยงคนเลยค่อนข้างเยอะเล็กน้อย แต่รอไม่นาน ขาหมูขาใหญ่ก็มาเสิร์ฟ เนื้อนุ่มมาก แถมน้ำราดยังอร่อยกำลังดี ไม่เลี่ยนเลย









เราเดินชมประวัติโครงการกว่าจะมาเป็นโครงการหลวงและกระบวนการผลิตสินค้าอย่าง "ดอยคำ" ไปเรื่อย จนในที่สุดก็มาถึงห้องสุดท้าย คือ ห้องจำหน่ายของฝากในนามดอยคำนั่นเอง ต้องขอบอกเลยว่า โรงงานหลวงแห่งนี้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมอาหาร และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดโรงงานสีเขียวด้วยล่ะ ส่วนของฝากก็มีให้เราเลือกช้อปกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะของกิน หรือของใช้ล้วนแล้วแต่จำหน่ายในราคาที่สมเหตุสมผล ที่สำคัญยังถือเป็นการช่วยอุดหนุนผลผลิตของเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย


16.00 น. : ตอนนี้เราเดินทางกลับมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่แล้ว และกำลังเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เพื่อเช็คอินกลับกรุงเทพ
การเดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ ถือว่าคุ้มสุดๆเลยล่ะ จากเดิมที่เคยหลงรักเชียงใหม่อยู่แล้ว วันนี้เรายังได้พบเห็นเชียงใหม่ในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่เคยพบเจอ ยังไงถ้ามีเวลาว่างก็ลองมาเที่ยวกันดูนะจ๊ะ แล้วคุณจะหลงรักเชียงใหม่เพิ่มขึ้นแบบเราแน่นอน

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เรื่องโดย
ADMIN
Chillpainai