bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ปี 2559 เตรียมปรับขึ้นในปีหน้านี้

calendar_month 23 ก.ค. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 25,287 / ข่าวท่องเที่ยว

 
ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ปี 2559 เตรียมปรับขึ้นในปีหน้านี้
 
           ภาษีรถยนต์ทุกชนิดจะมีการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในปีหน้านี้ (พ.ศ.2559)เป็นต้นไป ซึ่งจะคิดตามอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบแบบเดิม ทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-10 % โดยรถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อย จะเสียอัตตราภาษีต่ำกว่ารถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มาก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย
 
 
เปรียบเทียบภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่ 
 

 

ความแตกต่างของภาษีสรรพสามิตรถยนต์ปี 2559 แต่ละประเภทดังนี้
 
แบบที่ 1 : อีโคคาร์ เฟส 2

อัตตราภาษีปรับให้ถูกลง 

           เนื่องจากอีโคคาร์ เฟส 2 เป็นประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ทั้งประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายรวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นรถที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย 

-อีโคคาร์ เฟส 2 ที่ปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษีเพียง 14 %
-ถ้าเกิน จะเสีย 17 % เท่ากับ อีโคคาร์ เฟส 1
 
แบบที่ 2 : รถเก๋ง/เอสยูวี ไม่เกิน 2,000 ซีซี

ภาษีขึ้น 3-10 %


           รถยนต์นั่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด มีตั้งแต่ รถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จนถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายรุ่น ที่หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยลง รวมทั้งเอสยูวีบางรุ่นด้วย

โดยในอัตราภาษีแบบเก่า จะเสียเพียง 25 % เท่านั้น
-ส่วนอัตราใหม่ ถ้าปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 30 %
-ส่วนรถบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ จะเสีย 25% เท่าเดิม

 
รถยนต์คอมแพคท์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1,780-2,000 ซีซี และรองรับน้ำมัน E85 อัตราเดิมเสีย 22 %
- ส่วนอัตราใหม่ รุ่นที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียเพิ่มเป็น 25 %
- ส่วนรุ่นที่ปล่อยในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียเพิ่มเป็น 30 %
- ส่วนรถที่รองรับน้ำมัน E20 จากเดิมเสีย 25 % ก็จะต้องเพิ่มเป็น 30 % หรือ 35 % ตามปริมาณการปล่อยไอเสีย

รถยนต์นั่งขนาดกลางและเอสยูวีหลายรุ่น ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รถระดับนี้ ส่วนใหญ่ยังคงปล่อยไอเสียในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตรอยู่ ดังนั้นจะเสียภาษี 35 % หรือ 30 % ขึ้นกับน้ำมันที่รองรับ
 
           นอกจากนี้ รถยนต์ระดับพรีเมียม ตั้งแต่ขนาดซับคอมแพคท์ จนถึงขนาดกลางหลายรุ่น ก็จะถูกคิดภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยไอเสียด้วย
 
แบบที่ 3 : เก๋ง/เอสยูวี 2,001-2,500 ซีซี

ภาษีแพงขึ้น 
ซึ่งแบบเดิมเสียภาษีเพียง 30 % และ 27 % ขึ้นอยู่กับว่ารองรับน้ำมัน E20 หรือ E85 


อัตราใหม่
        รถที่ปล่อยไอเสีย 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร ดังนั้นจะถูกเพิ่มภาษีเป็น 35 % สำหรับรถที่รองรับน้ำมัน E20 และ 30 % สำหรับบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 
 
แบบที่ 4 : พิคอัพ ปล่อยไอเสียเกิน 200 กรัม/กิโลเมตร

ต้องจ่ายเพิ่ม
พิคอัพที่ปล่อยไอเสียไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษีดังต่อไปนี้
- 3 %
สำหรับรุ่นไม่มีแคบ 
- 5 % สำหรับรุ่นมีแคบ 
- 12 % สำหรับรุ่น 4 ประตู

         แต่ถ้าปล่อยเกินจากนี้จะเสียเพิ่มขึ้นเป็น 5 % 7% และ 15 % ตามลำดับ ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่มีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งจะส่งผลให้โดนขึ้นภาษีเกือบทุกรุ่น
 
แบบที่ 5 : พีพีวี รถพิคอัพดัดแปลง หรือพีพีวี ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 3,250 ซีซี
จ่ายภาษีเพิ่ม  จากเดิมเสียภาษี 20 % ทุกรุ่น 
 
อัตราใหม่
- 25 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร
- 30 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสียเกิน 
200 กรัมต่อกิโลเมตร
           
        จากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ๋นั้นยังมีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร หมายความว่า ในปี 2559 รถพีพีวี จะเสียภาษีแพงขึ้นอีก 10 % แทบทุกรุ่น
 
แบบที่ 6 : ไฮบริด
เสียเท่าเดิม ภายใต้เงื่อนไขใหม่ จาก
เดิม รถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี จะเสียภาษี 10 % เท่ากัน
 
- รถยนต์ไฮบริดที่ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น จึงจะเสียอัตราเดิมที่ 10 %
- ถ้ามากกว่านั้น ภาษีจะเพิ่มเป็น 20 %



         การปรับอัตราภาษีใหม่นี้เป็นผลดีต่ออนาคตในระยะยาว และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการยานยนต์ไทย และกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงานและปล่อยไอเสียต่ำให้คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น




ข้อมูลจาก www.motorexpo.co.th
เรียบเรียงโดย ทีมงานชิลไปไหน
เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close