bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ตะลุยมาเก๊า อัพเดทมุมฮิต พิชิตมุมใหม่ สไตล์ชิลๆ (ตอนที่ 2)

calendar_month 31 ม.ค. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 13,083 / เที่ยวต่างประเทศ

ตอนที่ 2 ของทริป “มาเก๊า” ที่ทางชิลไปไหน ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวมาเก๊า
ร่วมกับวันเดอร์ฟูลแพ็คเกจ(บริษัททัวร์) และสายการบินแอร์เอเชีย มาดูกันต่อเลยจ้า....

 

Day 2

 

เช้าวันที่ 2 หลังจากทานเบรกฟาสต์ที่โรงแรมกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่เป้าหมายแรก นั่นคือโบสถ์เพนญา ตอนแรกพี่หงส์ไกด์ของเราบอกว่า สถานที่แห่งนี้มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งของมาเก๊า แต่กรุ๊ปทัวร์เขาไม่ได้มากันนะ ทีแรกก็แอบงงๆ นิดนึงว่าถ้าสวยแล้วทำไมไม่มาเที่ยวกัน แต่พอเราลงจากรถบัสและเริ่มเดินเท้าไปโบสถ์เพนญา เราก็รู้เหตุผล

 

 

 

โบสถ์เพนญ่า

โบสถ์เพนญาสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1622 ตั้งอยู่บนยอดเขา รถบัสของคณะทัวร์ขึ้นไม่ได้นะคะ ต้องเดินขึ้นเนินเขา แต่เป็นถนนดีรถเก๋งวิ่งได้นะคะ ไม่ใช่ทางทุรกันดารอะไร แต่ก็ไกลอยู่เป็นกิโลเชียวแหละ ด้วยเหตุนี้เอง หลายๆ คนที่มาเที่ยวมาเก๊ากับกรุ๊ปทัวร์จึงไม่ได้มาเยี่ยมชมโบสถ์เพนญา
 
 
 
เที่ยวมาเก๊า, โบสถ์เพนญา, วัดดอาม่า, บ้านแมนดาริน, ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล, พระวิหารแห่งมาเก๊า, จัตุรัสเซนาโด้, ถนนแห่งความสุข, ย่านคาสิโนและสถานบันเทิง
 
เที่ยวมาเก๊า, โบสถ์เพนญา, วัดดอาม่า, บ้านแมนดาริน, ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล, พระวิหารแห่งมาเก๊า, จัตุรัสเซนาโด้, ถนนแห่งความสุข, ย่านคาสิโนและสถานบันเทิง เที่ยวมาเก๊า, โบสถ์เพนญา, วัดดอาม่า, บ้านแมนดาริน, ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล, พระวิหารแห่งมาเก๊า, จัตุรัสเซนาโด้, ถนนแห่งความสุข, ย่านคาสิโนและสถานบันเทิง
 
  
จากจุดที่เรายืนอยู่หน้าโบสถ์เพนญา เราสามารถชมวิวเมืองมาเก๊าได้ด้วยแหละค่ะ
 
 
เสร็จจากโบสถ์เพนญา เราก็เดินลงเขามา(ทางเดิม) เพื่อจะไปต่อกันที่วัดอาม่า โดยไม่ต้องขึ้นรถบัสค่ะ เดินไปไม่ไกลมาก
 
 
 
 
 

วัดอาม่า

วัดอาม่า หรือเรียกอีกชื่อว่า วัดม่าก๊อก วัดนี้เป็นวันเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า ตามตำนาน "อาม่า" องค์นี้ คือหญิงสาวนามว่า "หลิงม่า" อาศัยเรือชาวประมงเดินทาง แต่มีเหตุกาณณ์หนึ่งที่เกิดพายุ เรืออื่นๆ อัปปางกันหมด มีเพียงเรือลำนี้ที่หลิงม่าอาศัยมาเท่านั้นที่สามารถกลับมาถึงฝั่งได้ และทันทีที่หลิงม่าก้าวเท้าขึ้นฝั่ง ท่านก็ลอยขึ้น หายไปบนท้องฟ้า ชาวประมงจึงเชื่อว่า ท่านเป็นเทพธิดาแห่งท้องทะเล ชาวประมงจึงได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นการบูชา
 
  
วัดอาม่าจึงเป็นสถานที่สำคัญของการมาเยือนมาเก๊า เราจะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวจากกรุ๊ปทัวร์ต่างๆ จะแห่แหนกันมาสักการะเจ้าแม่อาม่ากันเนืองแน่น
 
 
 
 
 
 
จากวัดอาม่า พี่หงส์ไกด์สาวของเราบอกว่าจะพาเดินไปต่อกันที่สถานที่แห่งหนึ่ง ที่พูดได้เลยว่า Unseen ของมาเก๊า และยังไม่ค่อยมีกรุ๊ปทัวร์ได้ไปชม ที่นั่นคือบ้านแมนดาริน
 
 
 

บ้านแมนดาริน 

ระยะทางจากวัดอาม่าเดินมาบ้านแมนดารินนั้นไม่ได้ไกลมาก จะเป็นถนนและตรอกแคบๆ สองข้างทางมีอะไรสวยๆ ให้ดูตลอดทาง แต่เหตุที่สถานที่นี้ยังเป็นสถานที่ Unseen ก็คงเพราะรถบัสไม่สามารถเข้ามาได้ค่ะ
  
 
บ้านแมนดารินหลังนี้เป็นของเฉิง กวนยิง นักประพันธ์จีนผู้มีชื่อเสียง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1869 เป็นบ้านโบราณที่ผสมผสานระหว่างจีนกับความเป็นตะวันตก และมีกลิ่นอายความเป็นอินเดียด้วย แต่เมื่อเราได้เดินดูรอบๆ ทั่วบริเวณแล้วไม่อยากจะเรียกว่าบ้านโบราณเลยค่ะ น่าจะเรียกว่า “คฤหาสน์โบราณ” จะดีกว่า
 
 
 
 
 
 
 
เสร็จจากบ้านแมนดาริน เราเดินมาขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปกันต่อ จุดหมายคือ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล
 
 
 
 

ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล

ที่เรียกว่าซาก ก็เพราะสิ่งที่หลงเหลือให้เราเห็นอยู่นี้ เป็นพียงด้านหน้าของโบสถ์ ซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1602 และถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1835 เดิมสถานที่นี้ในอดีต เป็นโบสถ์มาแตร์เดอี วิทยาลัยเซนต์ปอล และป้อมปราการของมาเก๊า
 
 
 
 
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลกลายเป็นแลนด์มาร์กที่มีคุณทางประวัติศาสตร์ และมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติของมาเก๊า ที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปกันที่นี่ 
 
 
 
จากนั้นเราก็เดินผ่านย่านช้อปปิ้งในเขตซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล เพื่อไปทะลุที่พระวิหาร
 
 
 
 

พระวิหารแห่งมาเก๊า

พระวิหารนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1622 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ทั้งเสา ฝาผนัง และหอระฆังคู่ ตอนที่เรามาพระวิหารแห่งนี้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย อาจจะเป็นเพราะว่าต้องเดินเท้ามาไกลด้วย เราเลยอาศัยเป็นที่นั่งพักผ่อนสักครู่ 
 
ยิ่งนั่งมองพระวิหาร เหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างในใจเราสงบได้อย่างน่าประหลาด 
 
 
 
จากพระวิหารแห่งมาเก๊า เรายังคงเดินเท้าแบบไม่ต้องพึ่งพารถบัส และตอนนี้ก็ได้เวลาช้อปปิ้งของสาวๆ แล้วล่ะค่า
 
 
 
 

จัตุรัสเซนาโด้

จัตุรัสเซนาโด เป็นย่านช้อปปิ้งแบรนด์เนมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาจับจ่าย แต่ที่เราเห็นว่าสถาปัตยกรรมของอาคารในย่านนี้ดูสวยงามแบบโคโลเนียลเนี่ย ไม่ใช่การสร้างขึ้นมาใหม่นะคะ เป็นของเก่าที่มีมานานแล้วค่ะ
 
 
อาคารต่างๆ ในบริเวณจัตุรัสเซนาโด เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคม เป็นอนุสรณ์สถานที่สวยงาม มีอาคารสำคัญๆ หลายอาคาร มีลักษณะโดดเด่นด้วยพื้นถนนที่ปูลาดด้วยกระเบื้องเป็นลอนคลื่น

 
 
 
 
และติดกับอาคารช้อปปิ้งต่างๆ ก็มี โบสถ์เซนต์ดอมินิค อันสวยงามด้วยค่ะ
 
 
 
จากจตุรัสเซนาโด้ เดินเท้าไปไม่ไกล เราก็จะพบกับจุดแวะชมที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่ง
 
 
 

ถนนแห่งความสุข 

จากเซนาโด้ฯ เราเดินตามไกด์พี่หงส์ข้ามถนนมา ยังไม่ทันตั้งตัวก็มาโผล่ที่  “ถนนแห่งความสุข” นึกว่าจะไกลที่ไหนได้ ใกล้เซนาโด้นิดเดียวเองค่ะ 
 
ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่าในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นย่านโคมแดงในมาเก๊า จึงเรียกว่าถนนที่จะนำความสุขมาให้(แก่หนุ่มๆ) แต่ ณ ปัจจุบัน ถนนสายนี้ไม่ได้มีบรรยากาศเช่นนั้นแล้ว กลายเป็นย่านที่พักราคาประหยัด เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร และร้านค้าประเภทต่างๆ
 
 
 
 
 
 
 

ย่านคาสิโน และสถานบันเทิง

เสร็จจากย่านเซนาโด้ เราก็เดินๆๆๆ มาเยี่ยมชมบรรยากาศของย่านสถานบันเทิงในมาเก๊า พี่หงส์เล่าให้ฟังว่าคาสิโนที่มาเก๊านั้น ออกแบบโดยเน้นหลักฮวงจุ้ยทุกรายละเอียด เพื่อมุ่งกรีดกระเป๋า(เชิงสัญลักษณ์นะคะ ไม่ได้กรีดจริง)จากนักพนันที่เข้ามาเสี่ยงโชคกันที่มาเก๊า
 
 
 
 
 
   
และจบทริปของวันนี้ด้วยการไปชมระบำน้ำพุหน้าโรงแรม Wynn และไปอิ่มอร่อยมื้อเย็นกัน ก่อนเข้าที่พักค่ะ
 
 
  
 
 
ยังไม่จบนะคะ ทริป ตะลุยมาเก๊า 3 วัน 2 คืน
อัพเดทมุมฮิต พิชิตมุมใหม่  ยังเหลืออีก 1 วัน
จะเป็นยังไง ติดตามกันนะคะ 
 

อ่านต่อตอนที่ 3

 



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close