bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ภูเก็ต...อิ่มท้องอิ่มใจภายใน 2 วัน

calendar_month 21 พ.ย. 2014 / stylus Admin Chillpainai / visibility 22,536 / รีวิวที่เที่ยว


 

PHUKET TRIP : 2 วัน 1 คืน ...อิ่มท้องอิ่มใจไปแค่ 2 วัน

 

 

 

 

เกาะภูเก็ต เมืองทรงเสน่ห์แห่งภาคใต้ ใครๆ ก็คงถอดใจหากมีวันหยุดแค่ 2 วัน 1 คืน

 

                 แต่ช้าก่อน... เราจะมาพิสูจน์ให้ดูเอง ว่าวันเวลาที่ดูเหมือนจะน้อยนิด เราก็ไปได้หลายที่อยู่นะ เพื่อนๆ เตรียมตัวเกาะเป้ชิลจัง แล้วตะลุยไปพร้อมกับเรา ในทริป 2 วัน 1 คืนแบบชิลๆ เน้นกินพุงกาง และที่เด็ดแห่งภูเก็ตกันแจ้

***ทริปภูเก็ตนี้ ไม่มีทะเลนะจ๊ะ และเป็นช่วงฝนกระหน่ำซัมเมอร์เซลมาก 

 
 
 
เดินทางโดยเครื่องบิน
 

           เวลาเร่งรัดแบบนี้ ยานพาหนะที่เป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดก็คือ เครื่องบิน นั่นเอง ปัจจุบันนี้มีสายการบินมากมายที่ให้เอื้อมถึงในราคาไม่แพงนัก ไม่ต่างกับนั่งรถทัวร์หรือเดินทางเอง แถมยังประหยัดเวลามากกว่าซะด้วย ลงเครื่องก็เที่ยวต่อได้เลยไม่เพลียอ่อนแรง 

 

บ๊ายบาย สุวรรณภูมิจ๋า แล้วพี่จะกลับมาพรุ่งนี้น้า

 

            แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 10 นาที เครื่องบินก็แตะสนามบินนานาชาติภูเก็ต ทีมงานไม่รอช้า เมื่อไปรับกระเป๋าที่โหลดเรียบร้อย ก็ออกเดินทางเข้าตัวเมืองภูเก็ตด้วยรถตู้โรงแรม

 

             เที่ยงแล้ว ภูเก็ตแดดเปรี้ยงไม่ต่างกับกรุงเทพฯ เลยแฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า ได้เวลาเติมพลังท้องด้วยร้านอาหารขึ้นชื่อบนถนนเทพกระษัตรี ชิมเมนูของชาวใต้แบบท้องถิ่นหรอยๆ ที่ ร้านวันจันทร์ (One Chun Cafe n' Restaurant)

           

             อร่อยลิ้นกับข้าวกล้องร้อนๆ และกับข้าวแสนถูกปากมากมาย ปลากะพงเจี๋ยนขิง ไข่เจียวปูฟู หมูฮ้องต้นตำรับ แกงปูใบชะพลูที่กินคู่กับเส้นหมี่ ฟินมากกก และสะตอผัดกะปิกุ้งที่หรอยถูกใจทุกคน ใครไม่เคยกินสะตออาจแปลกลิ้นสักหน่อย แต่สะตอร้านนี้ ไม่คาว ไม่ขม คอนเฟิร์ม !

          เมื่ออิ่มท้องก็ต้องย่อย เดินย่อยพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมดั้งเดิมที่ พิพิธภัณฑ์ไทยหัว อ๊ะๆ ได้ยินคำว่าพิพิธภัณฑ์แล้วอย่าเพิ่งหนีไปหลับนะเพื่อนๆ รับรองไม่น่าเบื่อหรอกน่า อิอิ

 

 

           พิพิธภัณฑ์ไทยหัว ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่าภูเก็ต มีลักษณะพิเศษที่ตัวอาคารแบบชิโนโปรตุกีส แต่เดิมเป็นโรงเรียนของชาวจีนฮกเกี้ยน เราจะได้เรียนรู้หัวใจของการศึกษา การพยายามปลูกฝังวัฒนธรรมและจริยธรรมผ่านห้องต่างๆ ที่จัดไว้เป็นอย่างดี มีสื่อการเรียนรู้ทั้งแบบเสียงและวิดีโอ เสมือนไปเดินเล่นในโรงเรียนจีนโบราณเลย

 

 

              แล้วก็ไปต่อที่ บ้านพระพิทักษ์ชินประชา บ้านที่จัดชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์และด้านบนสำหรับอยู่อาศัย มีไกด์กิตติมศักดิ์คือสะใภ้รุ่นที่ 4 ...ป้าแดง ที่ตอนนี้ถ้านับตามรุ่นทายาทลูกหลานบ้านนี้ก็ถึงรุ่นที่ 6 แล้ว 

 

 

               ป้าแดงต้อนรับอย่างแข็งขันและพาเดินชมอย่างละเอียด เฟอร์นิเจอร์และข้าวของทุกชิ้นคือของที่ตกทอดมาจากดั้งเดิมไม่ใช่ของใหม่ เพราะฉะนั้นบ้านและเฟอร์นิเจอร์ในบ้านนี้มีอายุมากกว่า 100 ปีแทบทุกชิ้น

 

 

              บ้านพระพิทักษ์ชินประชาเป็นบ้านหลังแรกที่สร้างแบบชิโน โปรตุกีส หรือแบบจีนฮกเกี้ยน สร้างในปี พ.ศ.2446 หรือรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เราจะได้เห็นเครื่องใช้สมัยก่อนรวมถึงเครื่องแต่งกายแบบ บาบ๋า ย่าหยา ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวฮกเกี้ยน และยังมีชุดให้ผู้เยี่ยมชมได้ลองใส่และถ่ายรูปที่ระลึกอีกด้วย ตบท้ายด้วยของหวานเพิ่มความชุ่มคอ น้ำอัญชันผสมมะนาว 

 

 

รองเท้าที่ปักทุกเม็ดด้วยมือ 

บ้านพระพิทักษ์ชินประชามี 2 หลัง นี่คือหลังใหญ่ที่เปิดเป็นร้านอาหาร 

           

               เดินเล่นมาทั้งวัน ประทับใจกับสถาปัตยกรรมโบราณและวัฒนธรรมมาก็เยอะแล้ว ให้ร่างกายได้พักผ่อนคลายก่อนกินอาหารเย็น ที่ที่จะฝากกายในคืนนี้คือ โรงแรมเบส เวสเทิร์น ป่าตอง บีช (Best Western Patong Beach) 

 

โรงแรมเครือใหญ่ เพิ่งเปิดใหม่เดือนตุลาคม 2557 สะอาดสะอ้านมาก

นอกจาก wellcome drink ที่ล็อบบี้แล้ว ยังได้ขนมบนห้องอีก ได้ของกินอีกแล้ว 

น่าสลดใจที่ถ่ายรูปอาหารเย็นทันแค่นี้ เพราะหิวมาก โซ้ยแหลกลืมโลก หุหุ เขินจัง

ชั้น 7 บริการสระว่ายน้ำและนั่งชิลชมวิว ฟินมาก

 

             อิ่มหนำพอสมควร พักท้องให้ย่อยอาหารสักพัก คณะเดินทางก็ส่งอมยิ้มให้กัน นั่นคือสัญญาณดี คืนนี้จะออกไปท่องราตรีกัน!

             แต่... อะจ๊ากกก!! ฝนดันตกลงมา ทำให้แผนที่จะเดิน บางลา Walking Street ล่มซะนี่ บางลาคือซอยรื่นเริงประจำถิ่นภูเก็ต ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด แต่เราพลาดซะแล้ว โธ่ แต่ไม่เป็นไร รอฝนหยุดก่อนเนอะ

 

 

              กว่าฝนจะหยุดบางลาก็กร่อยแล้ว จึงยกเลิกไปโดยปริยาย กลายเป็นเวลาออกเดินทางล่าร้านอร่อยแทน นั่งรถชมวิวเมืองภูเก็ตให้ตื่นตาตื่นใจสักพักก็แวะร้านโกชัยปาท่องโก๋ ร้านยอดนิยมของคนพื้นที่ ที่มีทั้งปาท่องโก๋ และอาหารตามสั่ง ให้ครบครัน แน่นอน ไม่พลาดที่จะสั่งปาท่องโก๋มาลอง แทบจะถ่ายรูปไม่ทันเพราะความอร่อย แป้งไม่อมน้ำมัน กินแล้วรู้สึกได้ว่าไม่อ้วนแน่นอน (มั้ง 555 ) 

 

 

              เวลาก็ล่วงเลยเกือบเที่ยงคืนแล้ว อาหารค่ำที่กินไปก็เริ่มย่อยหมดแล้ว ผู้คนเริ่มบางลง รถสัญจรน้อยคัน ตระเวณนั่งรถสักพักจึงได้เวลาแวะร้านยอดนิยมอีกที่ 

 

 

              ที่แม้บรรยากาศโดยรอบจะเงียบงันเพราะความดึกเพียงใด แต่ร้านนี้ก็ไม่หวั่น  ลูกค้าเข้าแน่นต่อเนื่อง คึกคักตลอดเวลา นั่นก็คือร้าน โกเบ๊นซ์ข้าวต้มแห้ง ข้าวต้มที่ไม่มีน้ำเจิ่งนองแต่ก็ลื่นคอ

 

         

      ไปครั้งนี้ไม่ได้สั่งข้าวต้มแห้งเพราะมีคนบอกว่าต้มเลือดหมูก็เด็ดไม่แพ้กัน (แอบเสียดายนิดๆ) เลยขอลองต้มเลือด เพราะกลัวหนักท้องก่อนนอน อร่อยติดใจจริงๆ สมแล้วที่ไปยืนรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง และเพราะร้านเต็มเลยขอใส่ถุงกลับมากินที่โรงแรมแทน

 

อร่อยมาก นึกขึ้นได้ว่าต้องถ่ายก็ตอนใกล้หมดแล้ว 555 ให้เยอะมากจริงๆ 

 

           อิ่มแล้ว เม้ามอยกับเพื่อนร่วมทางจนเริ่มเคลิ้ม คิดถึงที่นอนนุ่มๆ แล้ว ...ราตรีสวัสดิ์ทุกคน

 

 

วันที่ 2

            ตามตารางปกติ ต้องลุกขึ้นมากินอาหารเช้าที่โรงแรม แต่ถามว่าได้กินมั้ย... ไม่ เพราะ...ไม่ตื่น ฮ่าๆๆ เพราะเรากะจะเก็บท้องไว้กินร้านตอน 11.00 น. แทนไง (เหรอ? ตื่นสายแล้วอ้างโคตรๆ 555)

 

       

    ถึงจะเร็วไปหน่อย แต่ก็พอเนียนกินอาหารเที่ยงได้แล้ว มีคนกระซิบว่า หมี่ฮกเกี้ยนต้องที่นี่เท่านั้น ร้านหมี่ต้นโพธิ์

             อากาศร้อนๆ แบบนี้ น้ำแตงโมคือเครื่องดื่มที่เดอะเบสท์มากๆ นำด้วยของเบาๆ ขึ้นชื่ออีกแล้ว บอกแล้วว่ามาทริปนี้ไม่ธรรมดา ชุดหมูสะเต๊ะและไส้สะเต๊ะ ราคาเบาๆ ทอดมันปลาน่ารักจิ้มลิ้ม และห่อหมกปลา อร่อยฟิน~

 

สาบานว่าทั้งหมดนี่คืออาหารรองท้อง 

 

               เมื่อจานหลักมาถึง ก็จัดแจงถ่ายรูปตามประเพณี ดีที่มีของกินเล่นก่อนหน้านี้มาเบรก ไม่งั้นน้ำลายคงหกใส่หมี่ฮกเกี้ยนเป็นแน่ (ฮาาา...) เมนูแนะนำที่ป้าเจ้าของร้านแนะนำก็คือ หมี่ฮกเกี้ยน หมี่ต้มยำ หมี่ต้มยำแห้ง และก็หมี่ผัดขี้เมา โชคดีที่ไปกันเยอะ จึงได้ยลโฉมอาหารในเมนูแนะนำเกือบทั้งหมด อิอิ

 

รออะไรล่ะ โซโล่กันเล้ยยย

     
     อร่อย อร่อย และอร่อยมากกกค่ะ โดยเฉพาะผัดหมี่ต้มยำแห้ง มันแซ่บ...เผ็ดร้อนได้ใจลิ้นไทยๆ มากฮร่ะ เมนูต้มยำแบบน้ำก็ซดซี้ดซ้าดกันทั้งโต๊ะ เป็นที่ถูกอกถูกใจกันจริงๆ

 

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ หุหุ

 

สถานีต่อไปคือวัดฉลอง ...หรือวัดหลวงพ่อแช่ม ลุย!

 

คำขวัญภูเก็ต ...ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม

 

        

    หลวงพ่อแช่ม ท่านคือพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงด้วยเกียรติประวัติบารมี ในสมัยก่อนท่านเป็นขวัญกำลังใจและให้ของขลังแก่ชาวบ้านจนสามารถทำให้โจรอั้งยี่ที่ยึดเมืองภูเก็ตยอมแพ้ และได้แสดงบารมีแก่พระสนมใน รัชกาลที่ 5 ที่ป่วยหนักจนหาย และอื่นๆ อีกมากมาย จนขึ้นชื่อว่าสามารถขอสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ

 

       

     และก็น่าจะจริงดังว่า เพราะเมื่อกำลังไหว้พระอยู่ดีๆ ก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงประทัดอยู่เรื่อยๆ เพราะนั่นคือสัญญาณที่บอกว่ามีประชาชนจำนวนมากมาบนหลวงพ่อด้วยประทัดนั่นเอง

 

 

            มาวัดฉลอง ต้องไปเยือนกุฏิหลวงพ่อ เข้าไปกราบไหว้หุ่นจำลอง รู้สึกสงบ เย็นใจ และเย็นชื่นใจชื่นใจจริงๆ เพราะกุฏิจำลองแห่งนี้เขาติดแอร์ด้วย อิอิ

 

เข้าโบสถ์ทั้งที เซียมซีสักหน่อย จะโชคดีมั้ยน้า

ไม่พลาดที่จะขอปิดทองหลวงพ่อ หลวงพ่อให้พรหนูด้วยนะคะ สาธุ…

ส่องเด็กน้อย

 

               กราบนมัสการ ลาหลวงพ่อไปเติมทริปให้เต็มด้วยสถานีสุดท้าย เราจะไปชมวิวกันที่วัดบนเขา ณ วัดพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือวัดพระใหญ่ (Big Budha) พระพุทธรูปคอนกรีตเสริมเหล็กประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว ใหญ่ขนาดกว้าง 25.45 เมตร สูง 45 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 8 ชั้น!!

 

เห็นพระลิบๆ แล้ว ใหญ่มากกก   

   

           ผ่านป่าสองข้างทางที่ร่มรื่น จนถึงจุดหมายของเรา ปากทางเข้าวัดมีบริการให้ผ้าคลุมสำหรับนักท่องเที่ยวที่นุ่งขาสั้นแบบไม่เสียค่าบริการ บริเวณฐานข้างล่างร่มเย็นเนื่องจากบนเขาที่มีป่าล้อมรอบอุณหภูมิเย็นกว่าข้างล่างมาก สูดลมเย็นพร้อมวิวเมืองภูเก็ตและหาดราไวย์ด้านล่าง

 

             ดูวิวแล้วหันซ้ายขวาก็จะเจอระฆังใหญ่ที่ไม่มีไม้ให้ตี อย่าเพิ่งสงสัย เพราะที่นี่เค้าใช้มือกัน!   

            วิธีการคือใช้มือลูบบริเวณปุ่มกลางของระฆัง ให้ 2 มือลูบสลับไปมา ระฆังจะสั่นเบาๆ แล้วไม่กี่สิบวินาทีก็มีเสียงหง่างดังขึ้นเรื่อยๆ กังวานเพราะพริ้งมากๆ

            ก่อนขึ้นไปสักการะพระใหญ่ แวะทำบุญกระเบื้องหินอ่อนก่อนสักนิด แผ่นเล็ก แผ่นใหญ่ แล้วเขียนชื่อตัวเอง อธิษฐาน จะได้ไว้ประกอบเป็นส่วนหนึ่งของวัดแห่งนี้

ใครอยากรับพร ต่อแถวเลยฮ๊าฟ

ระหว่างทางขึ้นไป ข้างทางมีต้นไม้ และมีลิง นั่งหน้ามึนมาก 

ถึงแล้ว! ใหญ่มากกก เทียบกับพระที่กำลังเดินได้เลย

ที่นี่มีสวดภาณยักษ์ด้วยนะคะ หรือจะเจริญภาวนา นั่งสมาธิก็ต้อนรับตลอด

กระเบื้องที่เขียนไว้ จะมาประกอบแบบนี้

 

            ...วิวสวย อากาศดี พระใหญ่อลังการ เป็นการปิดท้ายทริปที่เพอเฟ็กสุดๆ สำหรับทริปนี้ คนไม่นิยมเข้าวัดยังตื่นเต้นเลย (เอ๊ะ...ใครนะ) ส่วนคนชอบวัดรับรองปลื้มแน่

             ลงเขามา แวะร้านน่านั่งสักหน่อย We Cafe  ร้านนี้ขายกาแฟสด เบเกอรี่ และสลัดออร์แกนิคปลูกเองด้วย ขนมถูกปากเป็นบางเมนู มีเค้กจากมะม่วงด้วยแหละ รสชาติแปลกดี อิอิ

 

อันนี้โปรดปราน บราวนี่โรยผงโกโก้

 

            เย็นแล้วต้องรักษาเวลา เดี๋ยวตกเครื่อง จึงต้องรีบเดินทางไปสนามบินด่วนจี๋ แต่ยังไงก็ต้องแวะร้านขายของฝาก คุณแม่จู้ ซื้อของกินของอร่อยกลับไปตุนที่บ้าน ร้านอยู่ระหว่างทางไปสนามบินพอดี ตอนนี้ออกแนวรีบซื้อรีบกลับ เพราะมัวเอ้อระเหยที่วัดนานไปหน่อย 

 

ก่อนเข้าต้องติดสติ๊กเกอร์ มีส่วนลดให้ด้วย

สแกนเรดาห์หาน้ำพริกกุ้งเสียบ น้ำพริกกุ้งเสียบ ฮุ่ยเล่ฮุ่ย

และแล้วด้วยความไวของฝีเท้า 4 คูณ 100 เมตร เราก็ไปถึงเกตก่อนเวลาออกเล็กน้อยพอดี 

 

เครื่องขึ้นแล้ว เดินทางถึงสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพค่ะ ถึงประมาณทุ่มกว่าๆ แฮปปี้ดี๊ด๊ามาก 

 

 

 

 

สุดท้ายขอฝากไว้ว่า หากใครมีเวลาสัก 2 วัน 1 คืน ...

ลองเก็บทริปภูเก็ตนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเพื่อนๆ ไว้พิจารณานะคะ 

 

 

 

โดยชิลไปไหน

 



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close