bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

เที่ยวเชียงคาน แบบไม่ต้องกลัวขึ้นคาน!! (ตอนที่1)

calendar_month 24 มี.ค. 2013 / stylus Admin Chillpainai / visibility 68,790 / รีวิวที่เที่ยว

เมื่อแรกที่ได้ยินว่าฉันกำลังจะไปเที่ยวที่ไหน คนใกล้ตัว ทั้งเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องต่างพากันออกปากไต่ถามด้วยความห่วงใยว่า ไปที่นี่คนเดียว คิดดีแล้วเหรอ? ไม่กลัวเจออาถรรพ์รึไง? มีที่อื่นตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่ไป ฯลฯ สารพัดข้อทักท้วงสงสัย ทั้งที่ปกติแล้วอิฉันจะไปหัวหกก้นขวิดที่นี่ไหน ไม่เห็นจะมีใครสนใจเล๊ยย..(ให้ตายเถอะโรบิ้น)

ฉันจึงแกล้งทำเป็นหูทวนลม เดินเชิดแบบสวยๆ ซ้อนท้ายพี่วินไปตีตั๋วรถทัวร์ไปเชียงคานที่หมอชิต โดยไม่ฟังเสียงนกเสียงกาที่ดูเป็นกังวลกับสถานภาพไร้คู่ของตัวเอง
 

ให้มันรู้ซะบ้างว่า ผู้หญิง (โสด) คนเดียวก็เที่ยวได้ย่ะ ชิส์...

เหตุผลที่ฉันเลือกเชียงคานเป็นจุดหมายปลายทางในครั้งนี้ ก็เพราะอยากไปสัมผัสเสน่ห์เมืองเล็กริมชายโขงที่ใครต่อใครร่ำลือว่าสวยสงบนักหนา บ้างก็ว่าที่นี่เหมือนปายเมื่อสักสิบปีที่แล้ว บางคนถึงขนาดเปรียบเทียบกับบ้านพี่เมืองน้องอย่างวังเวียงกับหลวงพระบางไปโน่น แหม...ชักอยากจะเห็นเมืองนี้ไวๆ แล้วสิ

หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน รถก็มาจอดแวะส่งผู้โดยสารที่ตัวเมืองเลย ฉันลืมตาตื่นมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้ายังมืดอยู่เลยหลับต่อ มาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อกระปี๋...เอ๊ย บัสโฮสเตสประกาศว่า ถึงเชียงคานแล้วววว..

แต่ยังหรอกค่ะ เพราะจุดจอดรถบัสน่ะอยู่ในเขตเมืองใหม่ของเชียงคาน ไม่ใช่เส้นริมโขงอย่างที่เราเคยเห็นในโปสการ์ดหรือในทีวี ฉันมัวแต่ชะเง้อดูนั่นดูนี่ เลยต้วมเตี้ยมลงมาเป็นคนสุดท้าย กว่าจะแบกกระเป๋าเป้ใบเขื่องที่กระเป๋าช่วยลากลงมาจากใต้ท้องรถขึ้นไหล่ได้ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกระจายกันไปหมดแล้ว

เอ แล้วจะไปทางไหนดีล่ะเนี่ย? เหลียวซ้ายแลขวาก็พอดีไปสบตากับคุณลุงหน้าตาใจดี ยืนพิงพาหนะหน้าตาคล้ายตุ๊ก ตุ๊กที่จอดรออยู่ใกล้ๆ หลังจากสบตากันไปมาสักพักจนคุณลุงแน่ใจว่าฉันคงไม่กัด เย้ยย...ไม่ใช่ละ ลุงแกคงพอดูออกว่าฉันเป็นนักท่องเที่ยว เลยเสนอบริการรถรับส่งให้

สรุปแล้ว วันนี้ฉันเลยได้ซิ่งเจ้าสกายแล็ปคันโก้โต้ลมหนาวจนหน้าชาไปจนถึงที่พักในย่านริมโขงจนได้

 


 

แต่อุปสรรคยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะปรากฏว่าฉันมาถึงเร็วเกินไป ที่พักที่จองไว้ยังมีแขกพักอยู่ ต้องรอสายๆ โน่นกว่าจะเช็คอินได้ แต่หลังจากเห็นสภาพทุลักทุเลกึ่งบ้าหอบฟางเล็กๆ ของฉันแล้ว พี่เจ้าของเกสต์เฮาส์คงสงสาร เอ่ยปากให้เข้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ได้ แถมยังให้ยืมปั่นจักรยานไปตลาดเช้าอีกแน่ะ แหม...คนเมืองนี้ใจดีจัง เช้าแรกในเชียงคานจึงเริ่มต้นแบบประทับใจสุดๆ

 

1. ปั่นจักรยานชมเชียงคานยามเช้าๆ

ฉันกางแผนที่เล็กๆ วาดด้วยมือแล้วถ่ายเอกสารขนาด A4 ที่พี่เจ้าของเกสต์เฮาส์ให้มา แล้วปั่นจักรยานเลาะไปตามเส้นริมโขง บ้านไม้เก่าแก่สีน้ำตาลหลายหลังเรียงรายขนาบข้างลำน้ำโขง ประตูบานเฟี้ยมหน้าบ้านส่วนใหญ่ยังปิดสนิท มีเพียงคนเฒ่าคนแก่และนักท่องเที่ยวที่ตื่นเช้ามาใส่บาตร น่าเสียดายที่วันนี้ฉุกละหุกเกินไปเลยใส่บาตรไม่ทัน ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะแก้ตัวให้ได้ ตั้งปณิธานแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปั่นๆๆ กันต่อไป เหงื่อยังไม่ทันซึม (เพราะอากาศหน๊าว...หนาว) เราก็มาถึงตลาดเช้าเมืองเชียงคานกันแล้ว

โอ้โห...ของกินมากมายชวนน้ำยายไหยย..ทั้งนั้น นั่นข้าวจี่สีทองอร่าม แม่ค้าเพิ่งชุบไข่แล้วปิ้งบนตะแกรงร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมจนท้องร้องจ๊อกๆ แถมยังมีผักและของกินพื้นบ้านนานาชนิดละลานตา เป็นเหมือนซูเปอร์มาเก็ตแบบชาวบ้านที่คุณจะไม่มีทางได้เห็นเด็ดขาดในเมืองหลวง ชมวิถีชาวบ้านพอหอมปากหอมคอแล้ว จัดการซื้อข้าวจี่ใส่ถุงแล้วก็ปั่นข้ามถนนกลับมาฝั่งเดิม ที่ปากซอย 10 ริมถนนเส้นบนนั่นเอง คือที่ซึ่งเราจะมาฝากท้องมื้อเช้ากัน

“มาที่นี่แล้วไม่ได้กินข้าวเปียกเส้น ก็เหมือนมาไม่ถึงเชียงคาน” นักเดินทางสาวรุ่นพี่ที่เคยขึ้นคาน เอ๊ย! มาเที่ยวเชียงคานบ่อยๆ บอกไว้ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ เธอย้ำนักย้ำหนาว่า มาแล้วต้องมากินให้ได้ โดยเฉพาะเจ้านี้ที่ออกรายการทีวีและนิตยสารมานักต่อนัก ไหนๆ มาแล้วก็ต้องพิสูจน์กันสักหน่อย ว่าจะอร่อยขนาดไหน

ข้าวเปียกเส้นหรือก๋วยจั๊บญวน นับเป็นอาหารท้องถิ่นของเชียงคาน และร้านข้าวเปียกเส้น ซอย 10 ก็มีลูกค้าแน่นร้านตั้งแต่หกโมงเช้าจรดเย็น นอกจากข้าวเปียกเส้นเหนียวนุ่มแล้ว ยังมีโจ๊กหมู กับเกาเหลาเลือดหมูรสเด็ดไม่แพ้กันให้อร่อยด้วย ^0^

ที่สำคัญ ที่นี่เค้าใจดี บริการน้ำมะตูมร้อนๆ บวกปาท่องโก๋ฟรี...อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ “ฟรี” จริงๆ สวดยอด!!

อิ่มท้องแล้ว ก็คว้าพาหนะคู่ชีพไปท่องเมืองเชียงคานกัน ปั่นจักรยานเล่นไปตามถนนเส้นริมโขง สำรวจห้องแถวไม้เก่าที่ยังหลงเหลือจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของเชียงคาน แต่ที่มีมากมายให้เห็นผ่านตาไม้แพ้กันก็คือ “วัด” นั่นแสดงให้เห็นว่าคนเชียงคานยังผูกพันและศรัทธาในศาสนาอย่างเหนียวแน่น

วัดแรกที่เราจะพาไปเยือน ตั้งอยู่เลียบเส้นถนนชายโขง ชื่อว่า วัดศรีคุณเมือง วัดนี้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะแบบล้านนาผสมล้านช้างที่งดงามแปลกตา หน้าโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพชุดทศชาติชาดกซึ่งวาดขึ้นใหม่แทนของเดิม ใครที่ชอบงานแนวพุทธศิลป์น่าจะเดินดูได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

กราบพระขอพรเสร็จแล้ว (สาวโสดอย่างฉันอธิษฐานอะไรคงไม่ต้องบอก อิอิ) กำลังจะปั่นจักรยานผ่านระหว่างซอย 6 กับ ซอย 7 ไป (ที่เชียงคานจะแบ่งถนนเส้นบนกับเส้นล่างริมโขงเป็นซอยๆ) ก็เบรกเอี๊ยดแทบไม่ทัน...เพราะเห็นป้ายเล็กๆ ริมทางว่า “แหนมคลุกแม่แห่ว” แหม...อย่างนี้ต้องแวะซะหน่อย

แม่แห่ว ป้าแห่ว หรือยายแห่ว ตามแต่ใครจะเรียก กำลังยำแหนมคลุกให้ลูกค้าที่ต่อคิวซื้ออย่างขะมักเขม้น สอบถามได้ความว่า กิจการแหนมคลุกตกทอดในครอบครัวกว่า 60 ปี จนมาถึงยุคของยายแห่ว แหนมคลุกข้าวทอดสูตรเด็ดครองใจนักท่องเที่ยวและชาวบ้านท้องถิ่นมาช้านาน เพิงเล็กๆ ของยายแห่วเปิดขายตั้งแต่เช้า กระทั่งแค่บ่ายหน่อยๆ ก็หมดเกลี้ยง ใครชอบเผ็ดจัดจ้าน เปรี้ยว หวาน มัน เค็มแบบไหน ยายแห่วจัดให้ รสชาติดีมั่กๆ ใครมาเชียงคานอย่าพลาด ของเค้าอร่อยจริง..คอนเฟิร์ม!

ว่าจะพาตระเวนเที่ยววัด ไหนไถลออกนอกทางมาเรื่องของกินซะได้ ^^” เหลือบมองนาฬิกา อ้าว..เกือบได้เวลาเช็คอินแล้วนี่นา ต้องรีบเอาจักรยานไปคืนพี่เค้าซะด้วย เผื่อจะมีลูกค้าอื่นมาเช่าต่อ ความจริงแล้วยังมีอีกหลายวัดที่เป็นแหล่งรวมศรัทธาของชาวเมืองเชียงคาน เช่น วัดมหาธาตุ, วัดป่ากลาง, วัดท่าคก ฯลฯ ล้วนแต่เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองทั้งนั้น เอาไว้วันหลังจะพาไปสำรวจกันแบบละเอียด แต่วันนี้ต้องรีบทำเวลา

 

2. แว๊นมอไซค์ เที่ยวรอบๆเชียงคาน

มาถึงที่พัก รีบเก็บกระเป๋า อาบน้ำ แล้วออกไปเช่ามอเตอร์ไซค์ บ่ายนี้เราจะออกไปแว๊นเที่ยวนอกเมืองกัน จุดหมายแรกอยู่ที่ วัดภูช้างน้อย ที่ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่แห่งเมืองเชียงคาน จากยอดภูสามารถมองเห็นวิวเมืองเชียงคานอย่างชัดเจน ปล.ทางเข้าภูช้างน้อยจะอยู่บนถนนก่อนถึงเมืองเชียงคานประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้าปั่นจักรยานมาก็พอเหนื่อยนิดหน่อย

แต่ถ้าใครคิดจะมาต่อที่นี่ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน คงต้องสำรวจความฟิตกันสักนิด เพราะตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานราว 8 กิโลเมตร ที่นี่มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการสร้างมณฑปครอบ นอกจากนี้ยังมีพระเจ้าใหญ่พุทธฉัพรรณรังสี พระพุทธรูปปูนปั้นสีขาวองค์ใหญ่ซึ่งชาวบ้านเคารพศรัทธาเป็นอันมาก

ส่วนที่ยกตำแหน่ง (ความไกล) ให้ คงเป็น ภูพระใหญ่ เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานไปทางตะวันตกเกือบ 20 กิโลเมตร แต่แม้จะอยู่ค่อนข้างไกล แต่ความสวยและวิวที่นี่นั้นคุ้มค่ากับการดั้นด้นมา เพราะบริเวณนี้เป็นจุดที่แม่น้ำเหืองไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ถือเป็นจุดแรกซึ่งน้ำโขงไหลเข้าภาคอีสาน มองเห็นดินแดนเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว ยิ่งหน้าหนาวตอนเช้าๆ จะเห็นสายหมอกจางๆ ลอยเหนือแม่น้ำโขง (ดีนะที่ฉันมาตอนสายแดดค่อนข้างแรง ไม่งั้นต่อมโรแมนติกคงทำงานหนักน่าดู - -“)

ลืมบอกไปว่า บนยอดภูแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของพระนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์ หรือพระใหญ่ ที่พุทธศาสนิกชนไม่ควรพลาดหาโอกาสมาสักการบูชา

เกือบเที่ยงแล้ว ชักหิวอีกแล้วสิ...กางแผนที่มองหาที่ฝากท้องมื้อนี้ จนไปสะดุดเข้ากับ แก่งคุดคู้ รู้มาว่าที่นี่ สวยที่สุดในฤดูแล้ง แต่ถึงมาเที่ยวหน้าหนาวก็ไม่ควรพลาด เลยตัดสินใจขับตามแผนที่มาเรื่อยๆ ระหว่างทางที่จะไปแก่งคุดคู้มีเพิงขายมะพร้าวอ่อนแก้วตลอดทางอยู่หลายเจ้า ซึ่งที่เชียงคานเป็นแหล่งผลิตและส่งออกเพียงแห่งเดียวของประเทศเชี่ยวนะ เห็นนักท่องเที่ยวจอดแวะซื้อกันคนละถุงสองถุง แต่ฉันทำใจแข็ง มุ่งหน้าไปแก่งคุดคู้ก่อน ไว้ค่อยมาซื้อตอนขากลับ

และแล้วก็มาถึงแก่งคุดคู้ ภาพลำน้ำโขงสีน้ำตาลไหลโค้งลัดเลาะไปตามทิวเขา ทักทายเราเป็นภาพแรก มิน่าใครๆ ถึงชอบมาพักผ่อนริมแม่น้ำโขงกันที่นี่ แถมหากน้ำลดมากๆ เราสามารถลงไปเดินเล่นบนหาดทรายและหาดหินได้เลย มาถึงแก่งคุดคู้ทั้งทีอย่าพลาดเมนูปลาแม่น้ำโขงและกุ้งเต้น ชิมข้าวปุ้นฮ้อน หรือเส้นขนมจีนสดกินกับผักลวกและน้ำจิ้มที่ร้านต้นสน

  

อิ่มอร่อยกันจนลืมเวลา เหลือบมองนาฬิกาข้อมืออีกที นี่มันบ่ายเเล้วสินะ ได้เวลาเเว๊นกลับเข้าในตัวเมืองเชียงคานแล้ว ในเมืองเชียงคานยังมีร้านน่ารักๆให้ได้เดินดูอีกเพียบเลย อดใจรออีกหน่อย...ติดตามสกู๊ปเที่ยวเชียงคานสไตล์สาวโสดๆ ภาค 2 เร็วๆนี้จ้าาาา :))


 

เรื่องโดย : สเลเต


ปล. หากใครต้องการ วิธีการเดินทาง แผนที่ รวมที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว เมืองเชียงคาน คลิ๊กที่นี่ จร้าาา ^^/

จองที่พักแบบ Online ได้ทันที
agoda_but.jpg


เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close