ชิลไปไหนชวนแพ็คกระเป๋าออกเดินทาง ขับรถเช็คอินแลนด์มาร์ค 3 จังหวัด กำแพงเพชร-พิจิตร-นครสวรรค์ 2 วัน 1 คืน ทริปสั้นๆ แต่ได้รูปเป็นพัน! งานนี้เพื่อนสาวเรารีเควสท์ จัดพร็อบแน่นๆ ไปเที่ยวเช็คอินถ่ายรูปเน้นๆ กับโลเคชั่นที่เที่ยวสวยๆ ที่เรายกให้เป็น Unseen แห่งภาคกลางเลยก็ว่าได้ เพราะมีที่เที่ยวไฮไลท์ที่คนทั่วไปอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก จะมีที่ไหนบ้าง...สตาร์ทรถแล้วตามไปเที่ยวกันเลยดีกว่า!


เราทำเวลาออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่เพราะอยากเก็บที่เที่ยวให้ได้มากที่สุด ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็มาถึงกำแพงเพชร แวะเที่ยวที่แรกกันที่น้ำตกคลองลาน น้ำตกสวยชื่อดังประจำจังหวัดกำแพงเพชร ไฮไลท์ที่นี่คือเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง 100 เมตร เป็นจุดเช็คอินห้ามพลาดที่ใครแวะมากำแพงเพชรต้องแวะมาเที่ยวกันที่นี่


สำหรับพิกัดการเดินทางมายังน้ำตกคลองลานนั้นหาไม่ยาก ตั้งอยู่ในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติคลองลาน จ.กำแพงเพชร เราจ่ายค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท และค่ารถยนต์พาหนะอีกคันละ 30 บาท จากนั้นขับรถเข้าไปจอดบริเวณลานด้านหน้าทางเข้าน้ำตกเลยค่ะ


จากป้ายด้านหน้า เราเดินเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร เดินไปตามเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติเลียบริมธารน้ำตกไปเรื่อยๆ ทางเดินค่อนข้างเรียบไม่ขรุขระ อาจมีต้องไต่โขดหินหรือขอนไม้ขึ้นไปชมน้ำตกใกล้ๆ บ้าง แต่เพื่อให้ได้มุมภาพสวยๆ ต้องยอมออกแรงกันนิดหน่อย ช่วงหน้าฝนแบบนี้ น้ำที่น้ำตกคลองลานปริมาณกำลังพอดี เหมาะจะลงเล่นน้ำ สัมผัสละอองน้ำเย็นๆ ที่ฟุ้งกระจายท่ามกลางผืนป่าเขียวขจี  บรรยากาศสดชื่นมากๆ เลยค่ะ

น้ำตกคลองลาน

เปิด 08.30 - 16.30 น.

ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติคลองลาน ต.คลองลานพัฒนา อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร

โทร. 088 – 4079915


เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันจนจุใจ เราเปลี่ยนชุดแล้วขับเข้าไปทางตัวเมืองกำแพงเพชร แวะเติมพลังให้ทั้งรถและคนกันที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก สุวรรณกิจก๊าซ แอนด์ ปิโตรเลียม ตั้งอยู่โดดเด่นริมถนนพหลโยธิน ใกล้แยกนครชุม เติมน้ำมันเสร็จปุ๊บ เพื่อนสาวขอตัวพุ่งตัวเข้าร้าน Inthanin ก่อนเป็นอันดับแรก ตอนแรกยังแอบนึกว่าเพื่อนคงง่วงจัดเลยอยากโด๊ปกาแฟ แต่ที่ไหนได้...คือนางอยากจะรีบไปถ่ายรูปจ้า! เพราะว่ารอบๆ ร้านเค้าตกแต่งร้านได้สวยเก๋สะดุดตา งานเซลฟี่รัวๆ ก็มาเลยค่ะทีนี้


นอกจากกำแพงศิลาแลง ที่เป็นสัญลักษณ์ของกำแพงเพชรแล้ว บริเวณรอบร้านยังจัดเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ทั้งน้ำตกและสะพาน รวมทั้งยังมีแปลงดอกไม้ให้นักท่องเที่ยวได้แวะจิบกาแฟ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย น่าเสียดายที่วันที่เราไปนั้นดอกไม้ยังไม่บาน แต่ก็ได้ถ่ายรูปกับสะพานและน้ำตกจำลองแทน


เซลฟี่เสร็จ แวะไปเติมพลังกับเครื่องดื่มๆ เย็นชื่นใจที่ร้าน Inthanin กันต่อ เราสั่งเมนูชุดใหญ่ทั้งชาเย็น, ชาเขียว และโกโก้เย็นมาคลายร้อน ความดีงามคือทาง Inthanin เค้าใช้แก้วไบโอคัพที่ผลิตจากพืช 100% สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และยังดีไซน์ฝาแก้วแบบใหม่ ไม่ต้องใช้หลอด ดื่มสะดวก แถมยังช่วยรักษ์โลก ตอบโจทย์ทั้งคนรักกาแฟและสิ่งแวดล้อมสุดๆ เลยค่ะ ส่วนโชเฟอร์และตากล้องขอสั่งกาแฟอย่างม็อคค่าและคาปูชิโน่ร้อนมาแก้ง่วง ซึ่งทางร้านก็คัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพดี อาราบิก้าแท้ 100% รับรองถูกใจคอกาแฟ และถ้าหิวที่ร้านก็มีเมนูเบเกอรี่อย่างครัวซองต์ให้สั่งมารองท้องอีกด้วย


นั่งจิบกาแฟชิลๆ ชมสวนสวยและน้ำตกจำลองกันไปพลาง บรรยากาศดีเว่อร์...ไม่น่าเชื่อว่าที่กำแพงเพชรจะมีร้านกาแฟบรรยากาศดีซ่อนตัวอยู่ภายในปั๊มน้ำมันแบบนี้ ใครเป็นสายคาเฟ่ห้ามพลาด


พร้อมแล้วออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่ “อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร” ไปเช็คอินแลนด์มาร์คสำคัญทางประวัติศาสตร์กันบ้าง กำแพงเพชรได้ชื่อว่าเป็นเมืองหน้าด่านของอาณาจักรสุโขทัยในอดีต ที่นี่จึงหลงเหลือร่องรอยความรุ่งเรืองทางอารยธรรมแห่งเมืองกำแพงเพชรโบราณ ซึ่งเราก็ไม่พลาดมาตามรอยประวัติศาสตร์กันที่นี่


สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาชมความงามของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สามารถขับรถเข้ามาเที่ยวชมได้ด้วยตัวเอง ค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะก็อาจติดต่อขอใช้บริการรถรางนำเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้ หลังจากซื้อบัตรแล้วจะได้แผ่นพับที่มีข้อมูลพร้อมแผนที่อุทยานฯ ซึ่งเราสามารถค่อยๆ ขับรถเที่ยวชมไปแต่ละจุดได้เรื่อยๆ ด้วยตัวเอง


จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะชม คือ วัดพระแก้ว พระอารามหลวงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางเมืองเช่นเดียวกับวัดมหาธาตุสุโขทัย และวัดพระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยา สิ่งก่อสร้างภายในวัดเรียงเป็นแนวยาวขนานกับกำแพงเมืองด้านทิศใต้ มีทั้งเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ ฐานไพทีที่มีโกลนศิลาแลงพระพุทธรูปประทับ ฯลฯ ซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้อย่างงดงาม


อีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ คือ “วัดช้างรอบ” ซึ่งถึงแม้ยอดเจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่จะหักหมดแล้ว แต่ก็ยังคงความยิ่งใหญ่งดงาม โดยเฉพาะฐานล่างที่ประดับด้วยช้างปูนปั้นทั้งหมด 64 เชือก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง


ขับรถไปไม่ไกลจากวัดช้างรอบ เป็นที่ตั้งของ “วัดพระสี่อิริยาบถ” สิ่งก่อสร้างสำคัญภายในวัดคือ วิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางค์ยืนขนาดใหญ่ทางด้านทิศตะวันตก พระพักตร์มีลักษณะศิลปะสุโขทัย หมวดกำแพงเพชร คือ พระนลาฏกว้าง พระหนุเสี้ยม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวที่ยังคงสมบูรณ์ สมกับที่เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมร่วมกับเมืองสุโขทัยและเมืองศรีสัชนาลัย จากที่เราเคยคิดว่าเที่ยวโบราณสถานจะต้องน่าเบื่อ บอกเลยว่าต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ประทับใจจนอยากกลับมาเยือนอีกครั้งเลยค่ะ


สัมผัสประวัติศาสตร์เมืองโบราณกันจนเต็มอิ่มแล้ว เราไปเช็คอินเข้าที่พักกันที่ White Wall Riverfront Hotel ที่พักเปิดใหม่ในอำเภอเมืองกำแพงเพชร ที่นี่เป็นที่พักแบบบูทีคโฮเทลเล็กๆ มีทั้งหมดแค่ 7 ห้อง แต่บอกเลยว่าแต่ละห้องตกแต่งได้สวยเก๋ น่าพักมากกกก... ไม่รู้มาก่อนเลยว่าที่กำแพงเพชรจะมีที่พักสวยๆ บรรยากาศดี แถมยังอยู่ติดริมแม่น้ำแบบนี้ด้วย


ไฮไลท์ที่นี่คือห้องพักที่มีอ่างอาบน้ำในห้องนอน สามารถแช่น้ำชมวิวแม่น้ำปิงชิลๆ ไปด้วยได้ ภายในตกแต่งสวยสไตล์รัสติกอาร์ท เน้นความเป็นพื้นถิ่นแบบผสมผสาน ถ่ายรูปออกมาดูเก๋ชิคมากเว่อร์!


มื้อเย็น เราไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารและคาเฟ่สุดเก๋ภายในโรงแรม ที่มีบริการทั้งอาหาร เบเกอรี่และเครื่องดื่ม ลองสั่งอิตาเลียนโซดามาจิบชิลๆ ระหว่างรออาหาร บรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ


เมนูแนะนำห้ามพลาดของที่นี่ มาแล้วต้องสั่งคือ Steak Pork chop สูตรเฮลธ์ตี้ ที่หมักด้วยกรรมวิธีไล่เลือดออกจากชิ้นเนื้อและกระดูก จากนั้นนำมาหมักกับเครื่องปรุงจนได้รสชาติที่แท้จริงของเนื้อ บอกเลยว่าอร่อย เนื้อนุ่มมากๆ  ถ้าใครกลัวอ้วนก็ยังมีเมนูเบาๆ อย่างซีซาร์สลัดและกรีนสลัด สลัดผลไม้ผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะม่วง, เสาวรส และส้ม ฯลฯ ราดด้วยน้ำสลัดรสสดชื่น  ถ้าหากใครไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถแวะมาทานอาหารได้ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 10.00-19.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดถึง 22.00 น. )


ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง “ทาร์ตแมงโก้” ท้อปปิ้งด้วยหน้าผลไม้สดต่างๆ อย่างมะม่วง, สตรอว์เบอร์รี่, เชอร์รี่, บลูเบอร์รี่ ฯลฯ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นมะม่วงและผลไม้ อร่อยจนอดใจไม่ไหว...เผลอแป๊บเดียวหมดจานเลยทีเดียว!

ราคา :เริ่มต้น 1,800-2,300 บาท (ราคารวมอาหารเช้า)

ที่ตั้ง : ถนนวังยาง ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร

โทร. 080-3614656


ตอนเช้าเราตื่นอย่างสดชื่น ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเก็บของเช็คเอาท์ออกเดินทางกันต่อ แวะไปเที่ยวที่สถานีรถไฟพิจิตร ไปถ่ายรูปกับสถานีรถไฟสีชมพูสุดคลาสสิค ที่ติดอันดับ Top 10 สถานีรถไฟที่สวยที่สุดในเมืองไทยกันค่ะ


ใกล้ๆ กันกับสถานีรถไฟพิจิตร มีทางเดิน Skywalk “ชานชาละวัน” ทางเดินลอยฟ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ซึ่งเป็นเหมือนสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองพิจิตร ที่นี่มีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมากกก...ใครมาเที่ยวพิจิตรห้ามพลาดเลยค่ะ


จากนั้นเราขับรถไปเที่ยวกันต่อที่วัดท่าหลวง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเมืองพิจิตรและยังเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำน่าน ไปสักการะไหว้พระขอพรหลวงพ่อเพชร พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสนที่มีอายุกว่า 800 ปี ซึ่งหล่อด้วยทองสำริดทั้งองค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนออกเดินทางกันต่อ


ขับรถตะลอนเที่ยวกันจนเริ่มหิว เราไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านศาลาข้าวปุ้น ร้านอาหารไทย-อีสาน บรรยากาศสุดร่มรื่นของเมืองพิจิตร มีศาลาในสวนไผ่สีเขียวร่มรื่นให้เราได้นั่งทานอาหาร รับลมเย็นๆ ชมวิวไปด้วยได้


เราสั่งเมนูจัดเต็มชุดใหญ่ ทั้งส้มตำ, ขนมจีนที่มีให้เลือกทั้งน้ำยาและแกงเขียวหวาน รวมทั้งเมนูเด็ดอย่างต้มยำปลาคัง รสแซ่บจัดจ้าน อร่อยทุกจานเลยค่ะ


อิ่มแล้วไปเที่ยวกันต่อ! มาพิจิตรทั้งที ต้องไม่พลาดแวะมาเช็คอินที่ “บึงสีไฟ” นอกจากที่นี่จะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศแล้ว ยังมีสวนสาธารณะที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองพิจิตร และยังเป็นต้นกำเนิดตำนานพื้นถิ่นอย่างไกรทอง โดยมีแลนด์มาร์คอย่างรูปปั้นพญาชาละวัน จระเข้ตัวยักษ์ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันด้วย


จากนั้นเราขับรถมุ่งหน้าไปเที่ยวกันต่อ ระหว่างทางขอแวะจิบกาแฟที่ร้าน Inthanin สาขาสถานีบริการน้ำมันบางจากบึงนาราง กันซะหน่อย ภายในร้านตกแต่งสวย บรรยากาศดูโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกบานใหญ่ล้อมรอบ สามารถมองออกไปเห็นวิวสวนสีเขียวร่มรื่นสบายตา


นอกจากเมนูเครื่องดื่มอย่างกาแฟแล้ว ทางร้านยังมีเบเกอรี่อย่างเค้กเสาวรส, บลูเบอร์รี่ ฯลฯ ให้เลือกสั่งมาอิ่มอร่อยกันด้วย แถมยังมีโปรโมชั่นดีๆ รักษ์โลก หากเรานำแก้วมาเองจะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 5 บาทอีกด้วยค่ะ ดีต่อใจ ดีต่อโลกสุดๆ


เติมพลังแก้ง่วงกันแล้ว ปิดท้ายเราไปเช็คอินกันที่ “พาสาน” สัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดของจังหวัดนครสวรรค์กันค่ะ


พาสาน มาจากคำว่า “ผสาน” ที่เกิดจากการรวมตัวกันของแม่น้ำ 4 สาย อย่าง ปิง,วัง, ยม, น่าน ซึ่งค่อยๆ ผสานกันจนเป็น 2 สาย คือ แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน จนมารวมกันเป็นหนึ่งคือแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ นั่นเอง


ไฮไลท์คือทางเดินชมวิวที่ทอดยาวของอาคารที่สร้างขนานไปกับแนวแม่น้ำทั้งสองสายอย่างแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ก่อนจะไปบรรจบกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถมองเห็นวิวรอบด้านได้แบบพาโนรามา


ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมากกก... เราถึงขนาดตั้งใจเตรียมชุดไว้มาเปลี่ยนเพื่อถ่ายรูปที่นี่กันโดยเฉพาะเลยทีเดียว


นอกจากจะเป็นจุดเช็คอินแลนด์มาร์คถ่ายรูปสุดชิลแห่งใหม่แล้ว ตัวพาสานยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารที่ดีไซน์เป็นรูปทรงเก๋แปลกตา ใครมาเที่ยวนครสวรรค์ต้องไม่พลาดมาเช็คอินกันทุกคน สำหรับพิกัดก็หาไม่ยากเลยค่ะ พาสานตั้งอยู่ที่แหลมเกาะยม อำเภอเมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ด้านหน้าทางเข้ามีที่จอดรถรองรับนักท่องเที่ยวสะดวกสบาย ที่สำคัญคือ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย คือดีงามมมม...


ถึงแม้ว่าวันที่เราไปจะมีพายุฝนช่วงเย็นพอดี เลยอดเห็นความงดงามของพระอาทิตย์ตกริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็นับว่าคุ้มค่าที่ได้มาเช็คอินแลนด์มาร์คของนครสวรรค์แห่งนี้ ใครมีโอกาสลองพาครอบครัวหรือชวนเพื่อนขับรถมาเที่ยวตามรอยพวกเรากันดู แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ รอให้คุณมาเช็คอินกันอีกมากมายเลยจริงๆ ค่ะ