bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

MINI Wanderluster ทริปขับรถเที่ยวตะลุยเมืองรอง เช็คอินแลนด์มาร์คสุดฟิน

calendar_month 05 มิ.ย. 2019 / stylus Admin Chillpainai / visibility 15,280 / ทริปตัวอย่าง


เชื่อว่าทุกคนต้องมี “รถในฝัน” สักคัน ที่อยากจะขับออกไปตะลุยเที่ยวแบบโรดทริปสักครั้งในชีวิต เราเองก็เช่นกัน...เมื่อมีโอกาสได้ร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้ามินิ ที่ทาง MINI Thailand จับมือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทริปสุดพิเศษ “MINI Wanderluster” ชวนเที่ยวเมืองรองทั่วไทย ฉลองครบรอบ 60 ปีมินิ ลัดเลาะตั้งแต่ภาคกลาง เหนือ อีสาน ตะวันออก ไปจนถึงภาคใต้ ทั้งหมดกว่า 20 จังหวัด กับระยะทาง 3,160 กม. พวกเราชาวชิลไปไหนเลยไม่ลังเล...ที่จะออกเดินทางไปตามเส้นทางเที่ยวไทยเท่ๆ และเก็บเรื่องราวความสนุกในทริปนี้มาฝากทุกคนกัน

f514c5a72651a128221af4a85d8e7184c332a0da.jpg


ทริปนี้เราได้ทั้งขับรถในฝันอย่างมินิ ยานยนต์สไตล์บริติชสุดคลาสสิค ตะลอนทัวร์บนเส้นทางภาคเหนือถึงอีสาน กับรูทเชียงใหม่-ลำปาง-อุตรดิตถ์-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น ร่วมกับ MINIsters แฟนพันธุ์แท้มินิที่มาร่วมขบวนโรดทริปกันอย่างอบอุ่น บรรยากาศจะสนุกสนานขนาดไหน กระโดดขึ้นรถแล้วไปกันเลย!

7b9c8d23c2fcce3803aa0157c33c4de73e8b295c.jpg


เช้าวันที่ 3 ของทริป เราไปรวมพลออกสตาร์ทกันที่โชว์รูม MINI Barcelona Motor Chiangmai เพื่อพบกับ MINI Wanderlusters ชาวเชียงใหม่ ทั้งมินิคลาสสิค และ New MINI ที่มาร่วมจอยทริปค้นหาแรงบันดาลใจไปตลอดเส้นทาง

c29c5ac06242979b8872356f0f6522ba667fbb65.jpg


จุดหมายแรกของเราอยู่ที่ “ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย” องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ที่นี่เป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างที่แต่เดิมเคยเป็นพื้นที่สัมปทานป่าไม้มาก่อน และได้มีการฝึกช้างเพื่อใช้งานในการลากจูงไม้ ต่อมาเมื่อสิ้นสุดการทำสัมปทานป่าไม้ จึงได้ปรับให้เป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างและเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมความน่ารัก แสนรู้ ของช้างไทย

cb86186b067db5a4690a18972f273de888ac826d.jpg


สำหรับค่าเข้าชมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย นักท่องเที่ยวชาวไทยต้องซื้อบัตรบริเวณทางเข้าด้านหน้า โดยแบ่งเป็นตั๋วเข้าชมการแสดงช้างคนละ 100 บาท และค่าขึ้นรถราง 25 บาท พอได้ตั๋วแล้วเราก็นั่งรถรางเพื่อไปชมการแสดงช้างอีกที แต่ทริปนี้เรามาแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ MINI Wanderluster ทางทีมงานเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม จอดรถแล้วเดินขึ้นรถรางกันได้เลย!

7a828dab80838cf8fbd52ac28758d5ff4d66337c.jpg


พอมาถึงลานแสดงช้าง เราก็นั่งประจำที่เตรียมชมการแสดงกันได้เลย โดยทางศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง จะเปิดการแสดงช้าง 3 รอบต่อวัน แบ่งออกเป็นรอบ 10.00 น., 11.00 น. และ 13.30 น. ซึ่งวันนี้เราได้ชมการแสดงรอบแรกของวัน มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมารอชมการแสดงช้างกันคึกคัก โดยมีผู้บรรยายการแสดง 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

5565b81f6179f5bfc4ef1bae94e5e416683e01e9.jpg


ช้างที่ทางศูนย์นำมาโชว์การแสดงให้นักท่องเที่ยวชม มีจำนวน 14 ตัว แต่ละตัวอายุตั้งแต่ 4-38 ปี ซึ่งผ่านการฝึกมาอย่างดีจากควาญช้าง สามารถโชว์การแสดงทั้งลากไม้ซุง, โชว์ใส่หมวกให้ควาญ, วาดภาพ หรือแม้แต่โยนลูกบอลให้นักท่องเที่ยวรับใส่ตะกร้าได้อีกด้วย น่ารักและแสนรู้มากๆ

32c4ad76a9f37e0ef9f8b9e75702d024ddc141a5.jpg


หลังจากจบการแสดงช้างที่ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เราก็ไปให้อาหารน้องช้างกันค่ะ นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารตะกร้าละ 20 บาทเป็นรางวัลให้ช้างแสนรู้ แถมยังถ่ายรูปคู่กับช้างได้อย่างใกล้ชิดกันด้วย

c3245106a7c8f097897049bfbd2c85d729263d77.jpg


จากนั้น เราก็ขับรถจากศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย แวะเติมน้ำมันเต็มถังที่ปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ลำปาง อีกหนึ่งสปอนเซอร์ใจดีที่สนับสนุนการเดินทางทริป MINI Wanderluster ในครั้งนี้

6738daed535363cb182dc5aaa3ffbc53e418d5de.jpg


เติมพลังให้รถแล้ว ไปเติมพลังให้คนกันบ้าง...เราไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหาร All Rice (ออลไรซ์) ร้านอาหารสไตล์กลาสเฮาส์หรือเรือนกระจกดีไซน์เก๋ ท่ามกลางวิวสวนสวย ร้านอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองลำปาง ที่นี่เน้นเสิร์ฟเมนูอาหารไทยอร่อยๆ หลากหลายเมนู อาทิ ต้มแซ่บเอ็นแก้วหมู, แกงคั่วเห็ดเผาะหมูย่าง ฯลฯ ไปจนถึงเมนูซีฟู้ดที่ทางร้านใช้วัตถุดิบอาหารทะเลสดๆ ส่งตรงจากมหาชัย เรียกว่าใครแวะผ่านมาเที่ยวลำปาง ต้องหาโอกาสมาทานอาหารอร่อยๆ ที่นี่กันสักครั้ง27f3ee5d92607d91250e72a3859f534945efb502.jpg


อิ่มแล้วล้อหมุนไปเที่ยวกันต่อ ที่อินทรา เอาท์เลท ลำปาง เพื่อไปชมแลนด์มาร์คใหม่อย่างกำแพงกราฟฟิตี้ (Graffiti) ที่ทาง MINI Thailand และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยช่วยให้ศิลปินรังสรรค์ผลงานขึ้น เป็นจุดเช็คอินใหม่ของลำปาง ใครมาเที่ยวต้องไม่พลาดแวะมาถ่ายรูปสวยๆ กันที่นี่

15f0705970d50ea968876c5e7721f0ced7f5096c.jpg


นอกจากถ่ายรูปกับกำแพงกราฟฟิตี้แล้ว ที่อินทรา เอาท์เลท ยังมีแลนด์มาร์คอย่างหลักกิโลเมตรยักษ์และถ้วยตราไก่ยักษ์ สัญลักษณ์ของลำปาง ให้เราได้ไปถ่ายรูป หรือจะเลือกเดินช้อปงานเซรามิกสวยๆ ติดมือกลับไปเป็นที่ระลึกก็มีให้เลือกมากมายเลยค่ะ

1d846936da82e8266bea3b91fa464aacfb6b127f.jpg


จากนั้นเราขับรถจากตัวเมืองลำปาง มุ่งหน้าไปที่อำเภอแม่ทะ เพื่อไปชมวัดพระธาตุดอยพระฌาน วัดสวยสุดอันซีนแห่งเมืองลำปาง ตัววัดตั้งอยู่บนยอดเขาสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ล้อมรอบได้แบบพาโนรามา

b177f3d07c6796e6b6c0482879a2710c8fdd5f81.jpg


สำหรับการเดินทางมายังวัดพระธาตุดอยพระฌาน ถ้าหากมาเที่ยวในวันเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวต้องใช้บริการรถรับส่งจากลานจอดรถด้านล่างของวัดขึ้นมาด้านบนเท่านั้น เนื่องจากถนนทางขึ้นค่อนข้างแคบและชัน รถสวนกันได้ลำบาก แต่เรามาวันธรรมดาเลยเลือกขับรถขึ้นมาแทน งานนี้ทั้งมินิคลาสสิคและ New MINI อย่าง Country Man ได้โชว์ศักยภาพรถขับขึ้นเขากันสบายๆ

ef5842d216ed55551e3a24a6f25e281b0a0a0ab9.jpg


เมื่อมาถึงด้านบนวัด บอกเลยว่าวิวสวยคุ้มค่ามากๆ แนะนำให้ไปสักการะองค์พระธาตุสีขาวเก่าแก่ซึ่งบนยอดฉัตรเป็นสีทองอายุกว่า 100 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน

211d7e036897bac94a75c33ce55d48a8e989018d.jpg


จากนั้นค่อยเดินเที่ยวชมรอบๆ บริเวณ ซึ่งไฮไลท์ของวัดพระธาตุดอยพระฌานแห่งนี้ คือ พระอุโบสถศิลปะแบบล้านนาร่วมสมัยที่งดงาม ท่ามกลางวิวภูเขาที่โอบล้อม 360 องศา และยังมีระเบียงชมวิวสวยที่หากมาเที่ยวในช่วงเช้าตรู่ของฤดูฝนและฤดูหนาว เรายังจะได้มีโอกาสเห็นวิวทะเลหมอกขาวๆ ที่สวยงามอีกด้วย

e648270d71929a22346a395a4902ec600041089a.jpg


หลังจากไหว้พระ ชมวิว อิ่มบุญอิ่มใจกันแล้ว พวกเราขับรถลงจากดอยไปจิบกาแฟชิลๆ กันต่อที่ “ร้านกาแฟสดถิ่นไทย” ร้านกาแฟท้องถิ่นชื่อดังของเมืองลำปาง ความพิเศษของที่นี่คือเราจะได้จิบกาแฟที่ทางร้านคั่วเอง ในบรรยากาศบ้านไม้เก่าท่ามกลางสวนสีเขียวร่มรื่น แนะนำลองสั่งเมนูเด็ดอย่าง “กาแฟถิ่นไทย” กาแฟเย็นหอมเข้มกลมกล่อมกำลังดี ดื่มแล้วสดชื่นมีแรงขับรถเที่ยวกันต่อแน่นอนค่ะ

87f93f769a712ec488310d49776b6c534b335e8c.jpg


จากนั้นเราบอกลาเมืองรองสุดน่ารักอย่างลำปาง มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างเส้นทางบนถนนสายแพร่-ลำปาง ยังมีอีกหนึ่งวัดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดชม นั่นคือ “วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม” อ.เด่นชัย จ.แพร่

0df529b6e2ad4691793df50e0b7bef21cb76d341.jpg


วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมในแบบฉบับล้านนาประยุกต์ ที่ผสมผสานจุดเด่นของศิลปะต่างๆ ทั้งบันไดนาค 7 เศียร ศิลปะเก่าแก่แบบขอม, พระบรมธาตุ 30 ทัส ศิลปะเชียงแสนจากแคว้นสิบสองปันนา หรือประติมากรรมรูปสัตว์หิมพานต์ในคัมภีร์ของพุทธศาสนาอย่างนกหัสดีลิงค์ศิลปะแบบล้านนาที่มีหัวเป็นช้าง โดยมีไฮไลท์อย่างพระนอนขนาดยักษ์ให้เราสักการะและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันด้วย

e2e7ca51aae541adbb70627163a09809fb4b71d7.jpg


จากนั้นขับยาวๆ มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุตรดิตถ์ แวะสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ก่อนจะไปทานอาหารเย็นและเข้าที่พัก พักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราต้องขับรถทางไกลกันอีกเกือบ 400 กม. เลยทีเดียว

2e179f1b00f8cf7c48f37f88ce6e76d26b3407e7.jpg


วันที่ 4 ของทริป วันนี้เราจะขับรถเที่ยวจากอุตรดิตถ์-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น โดยแวะไปเที่ยวอำเภอลับแลก่อน พิกัดแรกที่เราจะไปเช็คอินกันวันนี้ คือร้านกาแฟชื่อดัง “เฮือนลับแล” ซึ่งที่นี่ไม่ได้เสิร์ฟแค่เมนูกาแฟ แต่ยังมีอาหารท้องถิ่นที่จัดเป็นเมนูไฮไลท์ประจำเมืองลับแลให้เราได้ชิมกันอีกด้วย

d97cbb8cb57379ca663f7a544937241731192ab0.jpg


ร้านเฮือนลับแลตั้งอยู่บนถนนเส้นเขาน้ำตก ห่างจากน้ำตกแม่พูลแค่ 700 เมตร ตัวร้านตกแต่งในสไตล์เรือนไม้มีกลิ่นอายความเป็นล้านนา มีทั้งโซนในห้องแอร์และที่นั่งในสวน บรรยากาศภายในร้านร่มรื่นมากๆ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และยังมีลำธารเล็กๆ ให้นั่งเล่นเอาเท้าจุ่มน้ำกันด้วย

e2e5988de4c0ab1b67003d0a94d144ea3f1a596a.jpg

d4ae303d61cd2f432761556393f309c9cf6bf6e9.jpg

9253c314be172cd72e047506aad278a97f653563.jpg


นอกจากเมนูอาหารพื้นเมืองอย่าง “ข้าวพันผัก” อาหารโบราณท้องถิ่น มาถึงเมืองลับแลทั้งที ห้ามพลาดต้องลองชิมทุเรียนหลง-หลินลับแล ทุเรียนพันธุ์ท้องถิ่นชื่อดังของเมืองอุตรดิตถ์ ที่ทางร้านเฮือนลับแลเสิร์ฟเป็นเมนูทั้งของหวาน เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม เช่น เมนู “หลงลับแลเดอลุกซ์โทสต์” ที่ทางร้านใช้ทุเรียนหลงลับแลแท้ๆ นำมาทำเป็นของหวาน เสิร์ฟพร้อมกับโทสต์กรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับข้าวเหนียวมูน และไอศครีมกะทิ ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มอย่าง “หลงลับแลสมูทตี้” ที่ใช้ทุเรียนหลงลับแลนำมาปั่น รสชาติหวานมัน คนรักทุเรียนรับรองฟิน!

f32e7fcf4ee6c1a9d44dc62f841d44783eccd64a.jpg

cc4f316311c9765122a9cc009f5f0646908b1532.jpg


ชิมเมนูทุเรียนหลงลับแลกันจุใจแล้ว เราอำลาเมืองลับแล อุตรดิตถ์ ล้อหมุนออกเดินทางกันต่อ เสียดายที่ทริปนี้เรามีเวลาจำกัด แต่บอกเลยว่าแค่หนึ่งคืนที่ได้มาเที่ยวที่นี่...ก็ตกหลุมรักเมืองนี้ซะแล้วล่ะ!

544caf3f4304968388689d8712308df9a5254827.jpg


เราขับรถมาตามถนนเส้นรูท 12 มุ่งหน้าสู่เขาค้อเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่ร้าน “ครัวชมวิว เขาค้อ ลูกเจ้าคุณ” ร้านนี้มองเห็นวิวเขาค้อสวยสมชื่อ บรรยากาศร้านโล่ง โปร่งสบาย ภายในบริเวณร้านมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟสด ร้านขายเสื้อผ้าและของฝาก โดยที่นี่เน้นอาหารไทยและอาหารพื้นบ้าน เมนูเด็ดของร้าน อาทิ ไก่ดำต้มสมุนไพร อาหารพื้นเมืองที่มีเฉพาะที่ร้านนี้เท่านั้น รวมทั้งน้ำพริกม้ง ทานคู่กับไข่เจียวม้งที่ใส่ขิง พริก กระเทียม และเกลือปรุงรสแทนน้ำปลา นอกจากนี้ ยังมีเมนูหมูแดดเดียว, ต้มยำปลาคัง, ปลาทับทิมผัดกะเพรากรอบ และยำผักกูดกุ้งสดรสชาติดี ใครมาเที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ แวะมาฝากท้องที่นี่กันได้เลย

e4b2f03248cd2869b5855dc1be5c938fcb3f9679.jpg


จากนั้นไปแวะพักรถเติมน้ำมันที่ปั๊มเอสโซ่ หล่มสัก ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง หลังจากนี้เราจะขับรถกันอีกยาวๆ เกือบ 3 ชั่วโมง

26555d1e2d525792b416e9998b2b784d53e92e11.jpg


เส้นทางที่เราใช้คือทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงหล่มสัก-ชุมแพ วิ่งผ่านเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ถนนเส้นนี้นับเป็นอีกเส้นหนึ่งที่สวยมากๆ ถ้ามาช่วงปลายฝนหรือหน้าหนาวบางคนอาจจะได้ลุ้นเจอหมอกสวยๆ ระหว่างทาง แต่ถึงวันนี้จะไม่มีหมอก แค่ได้มองเห็นอุโมงค์ต้นไม้สวยๆ ผ่านภูเขาและป่าสองข้างทางก็สดชื่นไม่แพ้กันเลย

c6e23600fb09fd560c2c8a4439342f9edda5e510.jpg


จากนั้นเรามุ่งหน้าสู่อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น เดินทางต่อไปที่สวนเกษตรมีกิน (MEKIN FARM) เพื่อเที่ยวชมบรรยากาศฟาร์มสเตย์สุดน่ารักแห่งเมืองขอนแก่น ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักกันมากนัก

374a469ca5f2d65081306d7ba267daf189de9bee.jpg


วันนี้พวกเราชาว MINI Wanderlusters มาบุก MEKIN FARM พร้อมสายฝนที่โปรยปรายชุ่มฉ่ำในตอนเย็นพอดี ขับรถมาบนถนนราดยางและคอนกรีตมาหลายวัน เปลี่ยนมาวิ่งบนทางดิน ล้อเลอะโคลนและน้ำฝนที่เอ่อขังตามพื้นดูบ้าง ก็ได้บรรยากาศลุยๆ ไปอีกแบบ

d63ddc128e1db2de7dee35db235ea07a6e17e97b.jpg


นอกจากได้มาพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ที่นี่ เรายังจะได้สัมผัสวิถีเกษตรของคนรุ่นใหม่อย่างคุณปู-จงรัก จารุพันธุ์งาม เจ้าของสวนเกษตรมีกิน หญิงสาวที่ตัดสินใจพลิกฟื้นที่ดิน 5 ไร่ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยที่ใช้สารเคมีมาก่อน เธอค่อยๆ ใช้วิธีห่มดินตามแนวพระราชดำริในหลวง ร.9 และเริ่มปลูกข้าว ทำนา และปลูกพืชแบบเกษตรผสมผสาน จนกลายมาเป็น “สวนเกษตรมีกิน” ฟาร์มสเตย์เรียบง่าย บรรยากาศอบอุ่น ที่เธออาศัยอยู่พร้อมกับครอบครัว ทั้งแปลงนาของคุณพ่อที่ลงมือไถหว่านเอง หรือแปลงผักสวนครัวของคุณแม่ที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมี พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่อยากมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ ใครจะรู้ว่าเป็นเกษตรกรก็ฮิปสเตอร์ได้เหมือนกันนะ

fc2780ec7d176a78c427f815ab60b9e1333dac12.jpg

c0c62a8fb7a3c4073bfb1f278b10592741b40162.jpg


กระท่อมเถียงนาหลังนี้ คือที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศเรียบง่ายของฟาร์มสเตย์แบบไทยๆ อยู่แบบใกล้ชิดกับธรรมชาติจริงๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรา นอกจากที่นอนและมุ้งเท่านั้น ราคาคืนละ 800 บาท พร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น ซึ่งตอนนี้ทางสวนเกษตรมีกินกำลังสร้างฟาร์มสเตย์แบบบ้านพักเพิ่มอีก 3 หลัง ใครสนใจมาพักที่นี่รอติดตามได้จากเพจ MEKIN FARM สวนเกษตรมีกิน กันได้เลย

cad19ce5d36bfe4095c79adda816e9a58c7d063d.jpg


นอกจากจะเปิดเป็นที่พักแนวฟาร์มสเตย์แล้ว ที่นี่ยังเปิดให้เที่ยวชมแบบ 1 Day Trip โดยการติดต่อล่วงหน้า สำหรับกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้มาทำที่สวนเกษตรมีกิน มีหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการทดลองดำนา, เกี่ยวข้าว, ทำขนม, คอร์สทำเครื่องดื่มสมุนไพรจากสิ่งที่มีในสวน ฯลฯ เหมาะสำหรับเด็กๆ และครอบครัว บรรยากาศอบอุ่นเหมือนมาเที่ยวบ้านญาติจริงๆ

d373afb990debff2eb0fa77d5fb5272070327d59.jpg

e0e1ee92b1b71964980e19085b05c3694b930bf0.jpg


หลังจากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานกันแล้ว เราร่ำลาครอบครัวเกษตรกรสุดน่ารักแห่งสวนเกษตรมีกิน ขับรถเข้าตัวเมืองขอนแก่นเพื่อไปทานมื้อค่ำกันที่ร้าน Eatiny ร้านอาหารสุดหรู บรรยากาศดี ใจกลางเมืองขอนแก่น

ebde296b9aeabcd6dc5be4539ad390cf02374bbe.jpg


มื้อนี้อบอุ่นมากๆ เพราะนอกจากชาว MINI Wanderlusters แล้ว ยังมีตัวแทนจาก Sky Autohaus ผู้แทนจำหน่าย MINI ของขอนแก่นมาร่วมดินเนอร์มื้อพิเศษกับพวกเราด้วย

3902e8398d91456887fe0ebeeed539d063dccfc5.jpg


เรียกว่าเป็นทริปที่ครบเครื่องจริงๆ ได้ทั้งทานของอร่อยชื่อดัง เช็คอินที่เที่ยวแลนด์มาร์ค ขับรถไปตามเส้นทางเมืองรองที่สวยงามและมีเสน่ห์ และยังไม่จบทริปเพียงเท่านี้ เพราะ MINI Wanderluster จะยังออนทัวร์ไปตามเส้นทางทั่วประเทศ ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ภาคตะวันออกและภาคใต้กันต่อจนถึงวันที่ 9 มิถุนายน เป็นเวลาทั้งหมด 14 วัน 13 คืน


ใครสนใจอยากรู้ว่า MINI Wanderluster จะพาเราไปเปิดมุมมองใหม่ เที่ยวเมืองไทยแบบเท่ๆ ที่ไหนกันต่อ รอติดตามชมผ่านทางแฟนเพจมินิ ประเทศไทย https://www.facebook.com/MINI.Thailand/ กันได้เลย



เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai