bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ 3 วัน 2 คืน เอื้อมมือคว้าทะเลหมอกสุดฟิน

calendar_month 20 ส.ค. 2018 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 230,404 / ทริปตัวอย่าง


“ หมอกจางๆ และควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้
อยากจะถามดู ว่าเธอเป็นดังหมอกหรือควัน ~ “


เดินทางทีไรอดใจไม่ไหวที่จะเสียบหูฟังเปิดเพลงนี้ทุกที อย่างที่ใครเค้าว่ากันไว้ท่าจะจริง ว่า บทเพลงมักจะเพราะที่สุดเวลาเราเดินทาง แต่ถ้ามีวันหยุดแล้วยังไม่รู้ว่าจะเดินทางไปไหนดี แนะนำเลยว่าให้ลองคิดถึง “เขาค้อ” อำเภอสุดฮิตติดลมบนของจังหวัดเพชรบูรณ์ที่เที่ยวได้เที่ยวดีทุกฤดู โดยเฉพาะกับใครที่อยากสัมผัสอากาศหนาว ทะเลหมอกขาว หนา นุ่ม ปักหมุดที่นี่ไว้รับรองไม่ผิดหวัง

อยากรู้ว่าจะฟินขนาดไหนก็รีบตามเรามา เดี๋ยวพาไปตะลุยเขาค้อให้หมอกโอบกอดแบบฟินสุดๆ ในเวลา 3 วัน 2 คืนกัน แล้วจะได้รู้ว่าเพชรบูรณ์แห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่มะขามนะจ๊ะ...

4a091a7360607a96d0aa16e45aa3b75b3d940fa3.jpg

e010c292f77065c4b6ac0d765aa94b9f4ab30063.jpg

ครั้งนี้เราตั้งต้นออกเดินทางจากกรุงเทพในเวลาเช้ามืดเพราะเลี่ยงรถติดและขับสบายกว่าตอนกลางวันเยอะเลย พลพรรคพร้อม รถพร้อมก็ออกเดินทางกัน โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรีเลยไปจนถึงสวนพฤกษศาสตร์ (พุแค) เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอชัยบาดาล อำเภอศรีเทพ อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ขับมาตรงไปจนถึงสามแยกนางั่ว เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 2258 มุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกของเรานั่นก็คืออุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง หรือที่เขาเรียกกันว่าทุ่งสะวันนาแห่งผืนป่าเมืองไทย

1c519939959d5d8bcf9b58cf2a1424101e6085d7.jpg

ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงแล้วล่ะค่ะ ซึ่งอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงนั้นนับเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 789,000 ไร่ กินพื้นที่ 2 จังหวัด คือจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งในส่วนที่เราจะเที่ยวกันในวันนี้นั้นจะอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์

รถที่เราขับมาเป็นรถเก๋งธรรมดาสามารถจอดได้บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่ สล.8 ( หนองแม่นา ) ไม่สามารถขับเข้าไปภายในอุทยานแห่งชาติได้ค่ะ เพราะจะต้องใช้รถกระบะ ท้องสูง Hi-Lander หรือ รถขับเคลื่อน 4 ล้อขับเข้าไปเท่านั้น เราเลยติดต่อให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยหารถให้เพื่อเดินทางไปชมป่าสนที่ทุ่งนางพญาเมืองเลน และจุดชมวิวศาลาดุสิตา โชคดีได้รถของพี่สมร เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เป็นรถกระบะ ค่ารถพี่สมรคิดแบบเหมาราคา 1000 บาท สามารถนั่งได้ถึง 6-7 คน

518e464378e3d22ad01b2af6697c5924e8857505.jpg

เส้นทางที่ขับไปเป็นดินค่ะ บางช่วงนั้นมีหลุมลึกและน้ำขัง ขนาดรถพี่สมรที่เป็นกระบะแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ยังมีลื่นแฉลบเลยล่ะค่ะ ดังนั้นใครที่จะเอารถเก๋งธรรมดาเข้ามาเลิกคิดได้เลย เพราะทางค่อนข้างโหด และอาจจะติดหล่ม ลำบากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาลากออกไปอีก

เรานั่งโยกเอนไปตามจังหวะรถที่ไต่ไปบนทางดินที่ขรุขระและบางช่วงสูงชัน จนเหมือนไส้ในท้องจะปั่นมารวมกัน แต่วิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยป่าสน ขุนเขา และทุ่งหญ้าสีเขียว ก็ช่วยให้ผ่อนคลายอาการเมารถไปได้ดีเลยล่ะค่ะ พี่สมรเล่าว่าช่วงหน้าฝนแบบนี้ทุ่งหญ้าจะเป็นสีเขียว แต่ถ้ามาช่วงหน้าหนาวทุ่งหญ้าจะเป็นสีเหลืองทองสวยงามไปอีกแบบ

c3c1d202a070b183cd965150737a9eac476d5eac.jpg

แวะถ่ายรูปวิวทุ่งหญ้าและภูเขาบริเวณจุดชมวิวศาลาดุสิตา ในช่วงยามเช้าตรงนี้จะเต็มไปด้วยหมอกสีขาว ปกคลุมทุ่งหญ้าสวยงามมากๆ

c280fa5d766550fd3bb9ddc9ebf925be781e6718.jpg

เราใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมาถึงทุ่งนางพญาเมืองเลน ซึ่งเต็มไปด้วยป่าสน บรรยากาศเหมือนเมืองนอกเลยล่ะค่ะ มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะเลย แค่ได้มานั่งแหงนมองต้นสนสูงชะลูด สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เงี่ยหูฟังเสียงสายลมที่พัดแผ่วเบา ก็ทำให้เราลืมเรื่องราววุ่นวายในชีวิตได้แล้ว

31cd6989ed6ada951c166118d1a2339c457d8ca8.jpg

568e245410f376c73bfee6feb6edbe7087d0f4d4.jpgออกจากทุ่งแสลงหลวงเราก็มุ่งหน้าไปคลายร้อนที่ “น้ำตกศรีดิษฐ์” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อแต่ก่อนเข้าไปเที่ยวชมก็อย่าลืมซื้อบัตรเที่ยวชมจากเจ้าหน้าที่อุทยานด้วยนะ โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 20 บาท จากนั้นเอารถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ เราจะเดินเท้าเข้าไปกัน ระยะเวลาจากลานจอดรถไปถึงน้ำตกประมาณ 300 เมตร ซึ่งตามสองข้างทางก็จะมีร้านอาหารให้เลือกทานเพียบเลยค่ะ

ส่วนด้านขวามือ ตรงลานกว้างๆ ก่อนถึงน้ำตก เป็นเรือนพลับพลาหลังเล็ก ซึ่งในอดีตเมื่อปีพ.ศ. 2527 เคยใช้เป็นที่ประทับทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพื่อประทานแนวทางการพัฒนา อำเภอเขาค้อให้เจริญรุ่งเรือง

728b8ceaa0f4849e97ff74f57d9c1e10d7dda0d5.jpg

ในอดีตน้ำตกศรีดิษฐ์ เคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพผกค. ที่ได้ทำการสู้รบกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ทิ้งหลักฐานร่องรอยทางประวัติศาสต์ที่ยังหลงเหลือไว้มากมาย กระทั่งกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบัน

โดยการชมน้ำตกสามารถชมได้ทั้งด้านบนจากจุดที่เรายืนอยู่ ซึ่งจะเห็นน้ำตกในมุมกว้างเต็มตา กับอีกทางคือการเดินลัดเลาะ ลอดซุ้มป่าไผ่ลงไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานไม้ ชนิดที่ยังเดินไม่ทันถึงตัวน้ำตกดี ก็ได้ยินเสียงซู่ซ่า และละอองน้ำปลิวมาแต่ไกล ก่อนที่ภาพของน้ำตกขนาดใหญ่โตก็ปรากฎสู่สายตาในที่สุด
c249112d8b8c1d413801ac6bde1fbdd5a7826071.jpg

น้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นน้ำตกชั้นเดียวมีสายน้ำไหลฉ่ำเย็นตลอดทั้งปี โดยสายน้ำที่ไหลผ่านหน้าผาหินกว้าง มองผ่านๆ คล้ายกับม่านน้ำอันแสนลึกลับ เสียงดังกระหึ่มก้องไปทั่วทั้งป่า นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยบรรดาผีเสื้อหลากสีสันที่พากันบินมากินดินโป่ง บินวนเวียนให้เราเห็นกันอย่างใกล้ชิด

71d8ff6f0da26b73bcea831aacab044c99440423.jpg

เที่ยวกันตั้งแต่เช้าจนบ่ายเลยแวะมาเช็คอินที่พักของเราคืนนี้ค่ะนั่นก็คือ เขาค้อเบย์เบย์ อีกหนึ่งที่พักบนเขาค้อ ที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก และทะเลหมอกยามเช้าได้แบบเต็มตา เขาค้อ เบย์ เบย์นั้น มาจากคำว่า "Bay" ที่แปลว่า "อ่าว" ในภาษาอังกฤษ ด้วยจุดเด่นของโลเคชั่นที่ด้านหน้าเป็นวิวอ่างเก็บน้ำรัตนัย และจุดชมทะเลหมอก จึงกลายมาเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง

f5b22a6af5133a5b2357aae4159b9cc66bfc18a4.jpg

ในส่วนของห้องพักนั้นมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ ตกแต่งแตกต่างกันออกไปไม่เหมือนกันในแต่ละห้อง แต่ทุกห้องจะมีระเบียงด้านหน้า มีพื้นที่ไว้สำหรับนั่งเล่นรับลมชมวิว

c94494130fb43b5672ea2c121beaa1ebfa52df28.jpg

510cfd94c606a73887895150536c897b8a1319bb.jpg

นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ส่วนกลางยังมาพร้อมระเบียงขนาดใหญ่ สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น มีเก้าอี้โยกไว้ให้นั่งถ่ายรูปเล่นชิคๆ สามารถมองเห็นวิวได้กว้างกว่าแบบพาโนรามา ทั้งวิวเขาและหมอกด้านล่าง บอกได้เลยว่าฟินสุดๆ !

271f426ef6181ed40c28f962fa644a8effc12632.jpg

ยามเย็นเรามาทานอาหารอร่อยที่ร้านเชย์ลองเบย์ (Chaylongbay) ร้านอาหารอร่อย บรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ใกล้กับที่พักของเรา ตัวร้านแบ่งโซนเป็นโซนเอาท์ดอร์ และโซนอินดอร์ ในช่วงฤดูหนาวจะมีการแสดงดนตรีสดด้วยค่ะ

187c899b55beb4658bf55777dc65c1ab53647aaa.jpg

คืนนี้เขาค้ออากาศเย็นสบายเลยขอจัดชุดหมูกระทะร้อน มาปิ้ง มาย่าง พร้อมซดน้ำซุปร้อนๆ ก็ทำให้มื้อนี้เป็นมื้อที่อิ่มอร่อยและฟินไปกับบรรยากาศเย็นๆ ที่เราไม่สามารถสัมผัสอากาศแบบนี้ได้จากในเมืองหลวง

b405b7469ae8c6ae26babd37e8dded8d2ac78500.jpg


488d99b94d41f3791790e9b8bda0dd447167a836.jpg

เช้านี้เราตื่นกันตั้งแต่ตีห้า เพื่อเดินทางไปตามหาพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกที่ “จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ”

จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ จุดชมวิวทะเลหมอกยอดนิยมที่เพิ่งเป็นที่รู้จักเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการเป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้แบบ 360 องศาเหนืออำเภอเขาค้อ

7441f7b67ccf0933ba8a4f108e6ebf9079c10cc7.jpg

คำว่า “โง๊ะ” ในภาษาชาวบ้านพื้นถิ่นสมัยก่อน แปลว่า “โค้งงอ” ส่วน “ตะเคียน” นั้น ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่ามาจากการที่มีต้นตะเคียนตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์สำคัญทางการทหาร ที่อดีตเคยเป็นที่ตั้งของฐานทหาร ช่วงยุคคอมมิวนิสต์นั่นเองค่ะ

จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 900 เมตร ด้านบนเป็นลานกว้าง  คล้ายรูปวงรี มีศาลาเล็กๆ ของเจ้าหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย จากตรงนี้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพด้านล่างของเขาค้อได้อย่างชัดเจน ส่วนด้านหลังเป็นวิวรอยต่อของจังหวัดพิษณุโลก
f139ddbcb6c6db192a907c6597beddc6146def2b.jpg

ไฮไลท์ของที่นี่ อยู่ตรงที่การมาเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้น จากฟ้าสีเข้มกระทั่งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มสดใส อาบไล้ไปทั่วทั้งหุบเขา โดยเฉพาะยามที่แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องกระทบเข้ากับไอหมอก ยิ่งสวยงามราวกับภาพวาด

55fadc35e0a24eedc395c2d0fc07e2e9cb3b49a3.jpg

ไม่ไกลกันยังมีป้ายและหลักกิโลยักษ์สำหรับให้ใช้เป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินอีกด้วย

15affd2af50fa64278239605995ce14ccab35c28.jpg

ส่วนใครที่อยากพักค้างคืน สัมผัสความฟินให้มากกว่านี้ ที่นี่ก็เปิดเป็นจุดกางเต็นท์ด้วยนะคะ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเองจะอยู่ที่ คนละ 100 บาท ส่วนเช่าเต็นท์ของเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องนอน พักได้ 3 คน ราคาอยู่ที่หลังละ 450 บาท รับได้ประมาณ 60 เต็นท์เท่านั้น

ดังนั้น ใครที่มีโอกาสได้พักที่นี่ ก็จะสามารถชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้แบบ 2 in 1 ในที่เดียวนั่นเอง โอ้โห สุดยอดไปเลย !

มาเขาค้อจะให้ถึงเขาค้อ แน่นอนว่าต้องมีชื่อ “ทุ่งกังหันลม” ติดอยู่ในลิสต์ ไม่งั้นคงต้องได้กลับมาซ่อม เพราะถือว่ามาไม่ถึงแลนด์มาร์คสำคัญ !
c0236c801e548928df147e75ac9b2ce4ffcd83bb.jpg

ไม่ว่าจะอยู่ตรงมุมไหนก็เห็นโดดเด่นมาแต่ไกลด้วยกังหันลมสีขาวขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนภูเขา จากการเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเขาค้อ พอถึงแล้วสามารถจอดรถถ่ายรูปได้เลย มีระเบียงชมวิว เหมาะแก่การถ่ายรูปเซลฟี่สุดๆ หรือใครอยากไปถ่ายรูปแบบใกล้ๆ ก็เสียค่าเข้าแค่คนละ 40 บาท มีรถรางนำเที่ยวชมรอบๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีแวะให้ถ่ายรูปหลายจุด และจุดสุดท้ายยังเป็นทุ่งดอกไม้สวยๆ ปิดทริปนั่งรถเล่นอย่างสวยงาม

80e76f2545f93324a59f75dd736a7a1c5a2b4981.jpg

และใกล้กับทุ่งกังหันลมยังมีทุ่งเวอร์บีน่า ทุ่งดอกไม้สีม่วงสดใสซึ่งตั้งอยู่ในไร่สตรอว์เบอร์รี Gb เขาค้อ สามารถเข้ามาชมได้ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ แต่จะมีกล่องบริจาคสำหรับบำรุงไร่ตามกำลังศรัทธา ใครมาเที่ยวที่นี่ก็ช่วยดูแลต้นไม้ ดอกไม้ อย่าไปเด็ด หรืออย่าเข้าไปในสถานที่ที่เขาห้าม จะได้มีดอกไม้สวยๆ ให้เราได้ชมไปนานๆ กันนะคะ

3ee1eb5e796bc71680c10fafcf285f70195c7533.jpg

เซลฟี่กับดอกไม้จนหนำใจท้องเริ่มร้อง เราเลยมาแวะเติมพลังกันที่ร้าน Jolly Café ซึ่งตั้งอยู่ใน Jolly Land Starlight Amphitheater เขาค้อ ตัวร้านตกแต่งน่ารักสไตล์คันทรี่ฟาร์มในยุโรป มีอาคารตรงกลางที่ทำเป็นเหมือนโรงนา เปิดโล่ง ไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่ก็เย็นสบาย และยังมีอาคารหลังเล็กๆ ที่ทำเป็นที่ขายของที่ระลึก มุมถ่ายรูปเก๋ๆ อีกมากมายเลยล่ะค่ะ

cb891c5f6d835fc405d128409096559da33ce26e.jpg

c9eb48365eb6b5afc63f7860f070bb4e4914be62.jpg

ซึ่งอาหารของทางร้านจะเน้นใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น และจากต่างประเทศ และใช้โรสแมรีที่มางร้านปลูกเองนำมาประกอบอาหาร เมนูอาหารมีทั้งเสต็ก พาสต้า สลัด และพิซซ่าซึ่งเป็นเมนูเด็ดของร้านเลยล่ะค่ะ

9c5ddfea2f881d190664ccc9e2762e4431cfdb8b.jpg

ทานอาหารอร่อยกันจนอิ่มตื้อก็ถึงเวลามาพักผ่อนให้เต็มอิ่มกับที่พักวิวหลักล้านของเขาค้อนั่นก็คือ “At Tree Resort”

3518a744dcbc15bf347da5a4396ea5d49c73db6a.jpg

dbbbc48991014ec8530ec9507265cda486cdf31e.jpg

การออกแบบผสมผสานระหว่างความโมเดิร์นลอฟท์สุดทันสมัย มาประยุกต์เข้ากับไอเดียสุดคลาสสิคอย่างหมวกทรงกะโล่ของชาวม้ง ชนพื้นเมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ จนกลายมาเป็น At Tree เขาค้อ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และทัศนียภาพสุดโรแมนติกของเขาค้อ

7ee440d9fd7b985d55b315149e5ce164d561fe41.jpg

โดยมีบรรยากาศสุดฟินด้านหน้าเป็นระเบียงสำหรับชมวิวอ่างเก็บน้ำรัตนัย และทะเลหมอกได้กว้างถึง 180 องศา แถมเช้าไหนโชคดี ยังมีโอกาสได้ลุ้นเห็นทะเลหมอกได้แบบใกล้ชิด ตั้งแต่หน้าประตูห้องนอนกันเลยทีเดียว

bb1f958c3dd530e1db3b8dc5d449c9f9f7f0c690.jpg


80b228f902c5089cfe232192491fe8ce85b5d007.JPG

เช้านี้ตื่นมาเจอหมอกที่มาทักทายจากปลายเตียงฟินสุดๆ กันไปเลยล่ะค่ะ

b84d9ae384258044a1bc300114d08494f33837fb.jpg

ทานอาหารเช้าอร่อยของที่พักที่มีให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์ ทั้ง เมนูไส้กรอก แฮม ขนมปัง ไข่ดาว สปาเก็ตตี้ ข้าวต้ม สลัด ผลไม้ น้ำผลไม้ กาแฟ เป็นอาหารเช้าที่อิ่มอร่อยมากๆ ค่ะ

0d6cd40df9521d453f9d7ba621e2c8963e96cd58.jpg

ก่อนขับรถกลับกรุงเทพฯ แวะไปสักการะวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดที่เป็นแลนด์มาร์คจุดสำคัญของ จ.เพชรบูรณ์

c14ab201347337b737387db5f08f54152b16f714.jpg

อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ตั้งตระหง่านท่ามกลางสายหมอกและขุนเขา ยิ่งใหญ่และงดงามมากๆ ค่ะ

ff84fdc1e171bce5e8aecb687ebaffa6cd1f1fe9.jpg

เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ใครที่เดินทางมาเยี่ยมชมที่นี่ขอให้อยู่ในอาการสำรวมด้วยนะคะ

5cfae7bf284eeb62b178ce8276f805ea8c37febc.jpg

แวะมาทานกาแฟอร่อยและซื้อของฝากที่ไร่กาแฟจ่านรินทร์ ซึ่งที่นี่ยังเปิดไร่ให้คนทั่วไปได้เข้าไปเยี่ยมชมการทำการเกษตรแบบผสมผสานด้วยนะคะ

2b0b054e0b4f720e340d76270c029b9e19d2081a.jpg

พี่เล็กเจ้าของไร่พาเราไปภายในไร่ที่มีทั้งต้นกาแฟ กล้วย อาโวคาโด แมคคาเดเมีย และอีกมากมาย ที่พี่เล็กกับพี่จ่านรินทร์ช่วยกันปลูกขึ้นมา โดยไม่ใช้สารเคมี เพราะพี่เล็กเล่าให้ฟังว่าเรากินอย่างไรก็ปลูกให้คนอื่นกินแบบนั้น ต้นไม้ทุกต้นของที่นี่ผ่านการลองผิด ลองถูก จนตอนนี้ผลิตภัณฑ์ในไร่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของคนซื้อมากๆ ค่ะ

3b1069fe0f4f887b2635c0979cd3db73f8fb8498.jpg

กาแฟจากไร่ นำมาคั่วภายในโรงคั่วของพี่จ่านรินทร์ ที่เปิดโรงคั่วให้เราได้ชมวิธีการทำกาแฟอย่างใกล้ชิด

2fea834c611c835f69db100068b14ab268220426.jpg

จากต้นกาแฟ ก็กลายเป็นกาแฟหอมๆ อร่อยๆ ให้เราได้ทาน บอกเลยค่ะว่าได้มาชมกระบวนการตั้งแต่การปลูก การคั่ว แบบนี้ทำให้เรากินกาแฟได้อร่อยมากขึ้น

177573da03ee678d0539f30c176a21baa49a3001.jpg

ผลิตภัณฑ์ของไร่กาแฟจ่านรินทร์ที่ให้เราได้เลือกซื้อไปเป็นของฝากกลับบ้าน งานนี้รับรองว่าคนรับมีความสุขแน่ๆ

bb42f39dccd2d7e4e6fe35562c55e860d8da1514.jpg


รู้ตัวอีกทีเวลา 3 วัน 2 คืนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นึกแล้วก็ขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ กับการลองเปิดใจมาเที่ยว “เขาค้อ” เพราะมันจริงอย่างที่หลายคนเคยบอกกับเราเอาไว้ว่า ‘ แค่เปิด โลกก็เปลี่ยน ‘ ครั้งหน้าเราคงมีความมั่นใจกล้าออกไปเผชิญกับประสบการณ์ใหม่ๆ มากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะ แต่ที่แน่ๆ  หลังจากนี้ต้องมีทริปเขาค้อครั้งที่ 234 ตามมาอีกแน่นอนจ้า !

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน