bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

5 ที่เที่ยวญี่ปุ่นยอดฮิตเดินทางง่าย ถึงเป็นมือใหม่หัดเที่ยวก็สบาย ไปได้ไม่ต้องกลัวหลงทาง

calendar_month 22 พ.ค. 2017 / stylus Admin Chillpainai / visibility 27,056 / เที่ยวต่างประเทศ



- JAPAN 1st. TIME -

สำหรับใครที่เพิ่งบินลัดฟ้ามาเที่ยวแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้เป็นครั้งแรก แต่กลัวจะงงๆ
ไปไม่ถูก หรืออยากเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแบบฮอตฮิตแต่ก็กลัวหลงทาง ตามมาทางนี้
เพราะชิลไปไหนมี 5 ที่เที่ยวญี่ปุ่นยอดฮิตเดินทางง่ายไว้เป็นไกด์นำทางมาแจก
คราวนี้ล่ะถึงเป็นมือใหม่หัดเที่ยวก็สบาย ไปได้ไม่ต้องกลัวหลงทางแน่นอนจ้าาา ~


06
 

ภูเขาไฟฟูจิ

       "ฟูจิซัง" หรือ "ภูเขาไฟฟูจิ" สัญลักษณ์ที่เปรียบเสมือนแลนมาร์คประจำประเทศแบบที่ใครเห็นเป็นต้องรู้จัก กับเจ้าภูเขาไฟขนาดใหญ่ยักษ์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ด้านบนปกคลุมด้วยหิมะสีขาวหนาวเย็นตลอดทั้งปี ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามราวกับภาพวาดจึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย เราสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากสถานที่หลายแห่งโดยรอบทะเลสาบคาวาคุจิโกะ แต่จะสวยเป็นพิเศษบริเวณสวนสาธารณะโออิชิในช่วงกลางเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกรกฎาคมที่ดอกลาเวนเดอร์จะเบ่งบานสะพรั่ง นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวไว้ว่า หากใครมีโอกาสได้มาเห็นฟูจิซังตอนฟ้าเปิด แปลว่า จะโชคดีตลอดไป ส่วนถ้าใครโชคร้ายมาในวันที่ฟูจิซังขี้อาย (มองไม่เห็น) ก็เหมือนมาไม่ถึง ต้องกลับมาซ้ำใหม่ให้ได้นะจ๊ะ !






 

วิธีการเดินทาง : สามารถนั่งรถ Highway Bus จากสถานีชินจุกุ (Tokyo Shinjuku Expressway Bus Terminal) ไปลงที่สถานีปลายทางคาวากูจิโกะได้เลย โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที 
ราคา : ผู้ใหญ่คนละ 1,750 เยน เด็ก 880 เยน /เที่ยว

 

วัดเซ็นโซจิ

       ใครๆก็รู้จักวัดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียวในนามวัดโคมแดง หรือที่เราเรียกวัดอาซาคุสะกันจนติดปาก แต่หลายคนนักที่จะรู้ว่าวัดนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "วัดเซ็นโซจิ" โดยทางเข้าวัดมีประตูขนาดใหญ่เรียกขานว่าประตูคามินาริ แขวนโคมกระดาษสีแดงขนาดใหญ่มีความสูงกว่า 5 เมตร ที่มีรูปสายฟ้าและเมฆเขียนด้วยสีดำและแดง ในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของเจดีย์ 5 ชั้น และอาคารหลักที่เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ รวมถึงร้านรวงสำหรับขายอาหาร สินค้าพื้นเมือง และของที่ระลึกต่างๆก็มีให้นักทองเที่ยวเลือกช้อปกันอย่างจุใจ สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่นี่คือการโยนเหรียญอธิษฐานขอพร เพราะมีความเชื่อกันว่าถ้าใครโยนลงไปแล้วจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

 





 
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Ginza Line ลงสถานี Asakusa ออกทางออก 1 หรือรถไฟ Tobu ลงสถานี Asakusa
 

ศาลเจ้าเมจิ

       ศาลเจ้าเมจิ ศาลเจ้าเก่าแก่ในกรุงโตเกียวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระขอพร ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบเงียบ ร่มรื่นจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นศาลเจ้าในป่ากลางเมืองหลวงอันแสนวุ่นวายใกล้สถานีแฟชั่นจ๋าอย่างฮาราจุกุ ภายในศาลเจ้าเมจิมีสัญลักษณ์สำคัญเป็นเสาโทริอิตั้งโดดเด่นให้เห็นตลอดทางหลายต่อหลายต้น รวมถึงมีแผ่นไม้ให้นักท่องเที่ยวได้เขียนขอพร และเครื่องรางวางขายเป็นที่ระลึกสำหรับซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน นอกจากนี้หากวันไหนโชคดี คุณยังอาจจะมีโอกาสได้เห็นพิธีแต่งงานของชาวญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมแต่โบราณอีกด้วยล่ะ
 






วิธีการเดินทาง : รถไฟ JR ลงสถานีฮาราจูกุ
 

โอไดบะ สะพานสายรุ้ง

       มาโตเกียวต้องไม่พลาดการไปเที่ยวเมืองชายทะเลอย่างโอไดบะ แต่ถ้านั่งรถไฟมาถึงมันก็คงจะธรรมดาเกินไป ทางเลือกที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองสัมผัสคือการล่องเรือ Tokyo Cruise เริ่มตั้งแต่ท่าเทียบเรือฝั่งตรงข้ามกับตึกฟองเบียร์ Asahi ล่องผ่านแม่น้ำสุมิดะไปเรื่อยๆ ผ่านสถานที่สำคัญต่างๆถึง 14 แห่ง กระทั่งผ่านสะพานสายรุ้งหรือเรนโบว์บริดจ์ สะพานแขวนรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับสะพานโกลเด้นเกตที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอันสิ้นสุดที่ปลายทางอย่าง Odaiba Seaside Park นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกหลายแห่ง อาทิ เทพีเสรีภาพจำลอง สถานีโทรทัศน์ Fuji TV แต่น่าเสียดายที่เจ้ากันดั้มยักษ์หน้าตึกไดเวิร์สซิตี้ ถูกเปลี่ยนตัวเป็นหุ่นอื่นแทนไปซะแล้ว ส่วนจะเป็นตัวอะไรมาตั้งแทนที่นั้น ก็ต้องลองไปดูด้วยตาตัวเองกันดีกว่า






 
วิธีการเดินทาง : ลงที่สถานี Asakusa เดินมาทางสะพานแดง Azumabashi ออฟฟิศขายตั๋วและจุดขึ้นเรือจะอยู่ใกล้ๆกับสะพาน ตรงข้ามกับตึกฟองเบียร์ Asahi
ราคา : สำหรับเรือที่เราเลือกนั่งมีชื่อว่า HIMIKO เป็นแบบ VIP ตกแต่งด้วยกระจกใส หลังคาเปิดโล่งมองเห็นวิวได้ 360 องศา ค่าโดยสารตกคนละ 1,560 เยน โดยเรือจะออกจากท่าวันละ 4 รอบด้วยกันคือเวลา 10.15 น. , 13.20 น. , 15.10 น. และ 17.10 น.เป็นรอบ
สุดท้าย ซึ่งเรือรุ่นนี้จะไม่รับจองตั๋วผ่านทางหน้าเวปนะคะ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ในแต่ละวันได้เลย
รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.suijobus.co.jp/en/
 

Tokyo Sky Tree

       สร้างแลนมาร์ค ! มีโอกาสมาถึงญี่ปุ่นทั้งทีต้องหาเวลาไปเช็คอินถ่ายรูปกับเจ้าหอคอยสูงเสียดฟ้าอย่าง "โตเกียวสกายทรี" ให้ได้ เพราะการเดินทางอันง่ายแสนง่ายภายในโตเกียวทำให้มั่นใจได้ว่าไปถึงได้แบบไม่มีหลงทางแน่นอน โตเกียวสกายทรีเป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคต โดยแนวคิดของที่นี่คือ "การสร้างสรรค์ทัศนียภาพแห่งมหานครเหนือกาลอากาศ การออกแบบที่ผสมผสานขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่นเข้ากับอนาคตที่ใกล้จะมาถึง ทั้งยังทำหน้าที่สำคัญในการส่งสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตัลภาคพื้นดิน โดยโตเกียวสกายทรีนั้นมีความสูง 634 เมตร และได้รับการบันทึกจาก Guinness World Records ให้เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก แน่นอนว่าด้านบนจึงเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวมุมที่ทั้งสูงและสวยสามารถมองเห็นโตเกียวมุมสูงได้ทั้งเมืองแบบสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งด้วย




 
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tobu Skytree Line ไปลงสถานี TOKYO SKYTREE
 

เรียบเรียงโดยชิลไปไหน


เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close