bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ตามรอย 'La La Land' กับ 13 สถานที่ถ่ายทำจริงในเมืองลอสแองเจลิส

calendar_month 09 ม.ค. 2017 / stylus Admin Chillpainai / visibility 32,613 / เที่ยวต่างประเทศ


Dale Robinette/Lionsgate

มาถึงจุดนี้ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสถานที่ภายในหนังมันเป็นแค่ฉากๆ หนึ่งจริงๆ หรือเปล่า เพราะบางทีมันก็มีอิทธิพลต่อใจเราเหลือเกิน อย่างหนังดังที่คาดว่าจะกวาดรางวัลดังๆ ไปเพรียบ อย่างเรื่อง "La La Land" หนังที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงกว่า 140 รางวัล ซึ่งล่าสุดเพิ่งกวาดรางวัลจากเวทีลูกโลกทองคำหรือ Golden Globes มากถึง 7 รางวัล! แล้วเราจะไม่พูดถึงสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ได้ยังไงกัน และ 'เมืองลอสแองเจลิส' เป็นสถานที่ดำเนินเรื่องความรักของตัวละครสองคนคือมีอาและเซบาสเตียน

มาร์ก แพล็ต โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่อง La La Land กล่าวว่า "ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานเรื่องราวของคนสองคนกับวิถีชีวิตยุคโมเดิร์นที่มีความฮิป กับสถานที่สุดคลาสสิกอย่างสัญลักษณ์สำคัญๆ ของฮอลลีวูด ดังนั้นคุณจะรู้สึกว่าดูหนังที่มีความโรแมนติกแฟนตาซีในสถานที่ที่มีอยู่จริง"

หนังเรื่องนี้ได้ทำให้เมืองแห่งนางฟ้ากลับมาเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของเหล่าคอหนังอีกครั้ง เพราะเรื่อง La La Land ได้มีการถ่ายทำในลอสแองเจลิสถึง 48 สถานที่ใน 42 วัน

และนี่คือ 13 สถานที่ที่คุณจะได้เห็นในภาพยนตร์และเชื่อว่าต่อไปนี้ใครไปเที่ยวแอลเอคงไม่พลาดไปเยือนอย่างแน่นอน


กริฟฟิธ พาร์ค (Griffith Park)


Getty Images/iStockphoto

กริฟฟิธ พาร์คตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางกว่าหนึ่งหมื่นไร่ ซึ่งเพียงพอสำหรับการแสดง "A Lovely Night" ของมีอาและเซบาสเตียน เป็นฉากเต้น(ที่ถ่ายเพียงครั้งเดียว!) ที่เกิดขึ้นบริเวณ “Cathy's Corner” 

 



ไลท์เฮ้าส์คาเฟ่ (Lighthouse Cafe)


Dale Robinette/Lionsgate

ตั้งแต่ปีค.ศ.1949 ที่คลับเพลงแจ๊ซแห่งนี้มีการแสดงของศิลปินชื่อดังมากมาย ทั้งไมส์ล เดวิส(Miles Davis)  เช็ต เบเกอร์(Chet Baker)  อาร์ท แบล็คกี้(Art Blakey)  และแคนนอนบอล แอดเดอร์ลีย์(Cannonball Adderley) ซึ่งเป็นคลับที่เซบาสเตียนไปเป็นประจำและเป็นที่ที่เขาพามีอาไปและเธอบอกว่าไม่ชอบเพลงแจ๊ซเอาเสียเลย
 

 



สะพานเทียบเรือเฮอร์โมซา (Hermosa Pier)


Getty Images/iStockphoto

ใครมาเที่ยวลอสแองเจลิสแล้วห้ามพลาด ต้องมาเยือนมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนไปก็อย่าลืมซ้อมท่าเต้นของเซบาสเตียนในฉาก “City of Stars” แล้วฮัมเพลงเล่นไปตามสะพาน
 

 



สะพานโคโลราโดสตรีท (Colorado Street Bridge)


Getty Images

สะพานที่ทอดผ่านเมืองพาซาดีนา (Pasadena) เป็นสะพานคอนกรีตที่สูงที่สุดในโลก โดยสร้างเสร็จในปีค.ศ.1913 ปัจจุบันเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวมากมายต่างพากันมาชมวิวเมืองและภาพตะวันลับขอบฟ้ายามเย็น
 

 



หอดูดาวกริฟฟิธ (Griffith Observatory)


Getty Images/Gallo Images

เพื่อเป็นการระลึกถึงภาพยนตร์เรื่อง “Rebel Without a Cause” ผู้สร้างได้ตัดสินใจให้มีอาและเซบาสเตียนใช้เวลายามค่ำคืนเดินเล่นที่หอดูดาว แต่ด้วยความจริงแล้วภายในตัวตึกหอดูดาวนั้นห้ามถ่ายทำภาพยนตร์ พวกเขาเลยสร้างแบบจำลองขึ้นมา แต่บอกเลยว่าไม่มีกฏห้ามเต้นภายในหอดูดาว ดังนั้นใครมาเที่ยวแล้วนึกถึงเพลงในหนังขึ้นมาก็ออกสเต็ปกันได้เลย
 

 



รถรางแองเจิลส์ไฟลท์ (Angel’s Flight)


Getty Images/Panoramic Images

แม้ว่ารถรางจะถูกปิดไปแล้วเมื่อปี 2013 หลังเกิดอุบัติเหตุรถไฟตกราง แต่ทีมผู้สร้างได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำภาพยนตร์เป็นเวลาหนึ่งวัน โดยรางรถไฟนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1901 และมีหลายๆ ฝ่ายที่ช่วยกันผลักดันให้รถไฟที่นี่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
 

 



ตลาดแกรนด์เซ็นทรัล (Grand Central Market)


Getty Images

แม้ว่าในหนังจะมีฉากที่ตลาดเพียงน้อยนิด แต่ก็เป็นที่แรกที่มีอาและเซบาสเตียนมาออกเดทกันครั้งแรก (พวกเขาแวะทานอาหารซัลวาดอร์ที่ร้าน Sarita's Pupuseria ด้วย) และกลายเป็นสถานที่สำคัญของเมืองลอสแองเจลิสอย่างรวดเร็ว ตลาดแห่งนี้มีร้านค้ามากมายและเต็มไปด้วยอาหารเม็กซิกันและจีน รวมไปถึงร้านแซนวิชสุดเทรนดี้อย่าง Eggslut

 

 



ตึกวัตส์ทาวเวอร์ (Watts Tower)


Getty Images/Panoramic Images

ขณะที่เดินเล่นชมเมืองลอสแองเจลิส มีอาและเซบาสเตียนก็ได้แวะไปที่ตึกวัตส์ทาวเวอร์ ประติมากรรมโลหะขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาสร้างถึง 33 ปีโดยผู้อพยพชาวอิตาลีเพียงคนเดียว (ตั้งแต่ปีค.ศ.1921-1954) ปัจจุบันตึกนี้เป้นที่จัดอีเวนท์มากมาย อย่างเช่น the Day of the Drum Festival และ the Simon Rodia Watts Towers Jazz Festival
 

 



เดอะสโมกเฮ้าส์ (The SmokeHouse)


The Smoke House Restaurant via Facebook

ร้านอาหารเดอะสโมกเฮ้าส์ที่ภายในหนังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Lipton's เป็นสถานที่ที่เซบาสเตียนมาเล่นดนตรี โดยร้านอาหารนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสตูดิโอ Warner Bros. และเป็นรานหารที่ชาวฮอลลีวูดโปรดปรานมาตั้งแต่เปิดในปีค.ส.1946
 

 



ถนนเซ็นจูรี่ฟรีเวย์ (Century Freeway)


Dale Robinette/Lionsgate

ไม่เคยมีอะไรที่ทำให้คนอยากรถติดอยู่บนถนนนานๆ เหมือนฉากเปิดในภาพยนตร์ La La Land อีกแล้ว ทางทีมงานได้ปิดสะพานที่ถนน Interstate 105 และ Interstate 110 เชื่อมหากัน เป็นเวลาสองวันเพื่อถ่ายทำฉากเต้นที่ดีไม่มีที่ตินี้
 

 



โรงละครรีอัลโต้ (Rialto Theatre)


LA Times via Getty Images

มีอาและเซบาสเตียนได้มาที่โรงละครเก่าแก่แห่งนี้เพื่อชมภาพยนตร์สุดคลาสสิก "Rebel Without a Cause" โดยตึกนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1925 และได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (the National Register of Historic Places) เนื่องจากมีการตกแต่งอย่างประณีตงดงามและมีลักษณะโดดเด่นของสถาปัตยกรรมยุคศตวรรษที่19-20 แต่โชคร้ายที่โรงละครรีอัลโต้ปิดไปเมื่อปี 2007 และจะเปิดแค่บางครั้งเนื่องในโอกาสพิเศษเท่านั้น

 

 



ชาโตมาร์มอนต์ (Chateau Marmont)


AaronP/Bauer-Griffin/Getty Images

มีไม่กี่ที่ในแอลเอที่เป็นสถานที่แจ้งเกิดดาวดวงใหม่เหมือนชาโตมาร์มอนต์ ไม่ว่าคุณจะแวะมาดื่มที่บาร์หรือพักผ่อนในส่วนของโรงแรม ให้นึกถึงมีอาว่าเมื่อไรที่ควรฉายแสงมากที่สุด
 

 



สตูดิโอวอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros. Studios)


iStockphoto/Getty Images

ดาราหลายคนมีเบื้องหลังการทำงานแปลกๆ มาก่อน สำหรับมีอา เธอเคยทำงานที่ร้านกาแฟในสตูดิโอวอร์เนอร์บราเธอร์ส แต่ถึงแม้ว่าการถ่ายทำจะไม่ได้ทำที่ร้านกาแฟจริงๆ นักท่องเที่ยวก็สามารถไปทัวร์ชมเบื้องหลังการถ่ายทำได้

 

 
เรื่องและภาพจาก TRAVEL+LEISURE
เรียบเรียงโดย ชิไปไหน

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai