bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

หนีกรุงไปพักร้อน นอนแช่ออนเซ็น นวดสปาสุดชิลที่ 'ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์สปา' ที่เที่ยวแห่งใหม่ในพัทยา

calendar_month 19 ธ.ค. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 134,760 / รีวิวที่เที่ยว

หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าในช่วงเวลาที่อากาศร้อนแบบนี้ เรานั้นจะยังสามารถดื่มด่ำกับความสบายของการแช่ออนเซ็นได้ไม่แพ้หน้าหนาวเลยค่ะ ใครมองหาที่พักผ่อนใกล้ๆ กรุงเทพฯ สำหรับผ่อนคลายความเมื่อยล้า พร้อมแช่น้ำร้อนในบรรยากาศสุดฟินได้ทุกฤดู ชิลไปไหนจะพาไปแช่ออนเซ็นแบบไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่นกันที่ "ยูโนะโมริ ออนเซ็นแอนด์สปา พัทยา" (Yunomori Onsen & Spa Pattaya) หลายคนคงคุ้นชื่อหรือเคยไปใช้บริการที่ยูโนะโมริสาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งนับว่าเป็นออนเซ็นและสปาสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ แห่งแรกในเมืองไทยเลยค่ะ โดยหลังจากที่ประสบความสำเร็จกับจากสาขาแรกในกรุงเทพฯ และขยายสาขาไปไกลถึงต่างประเทศอย่างสิงค์โปร์ วันนี้ “ยูโนะโมริ” ออนเซ็นแอนด์สปาอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ได้มาเปิดสาขาใหม่ที่เมืองท่องเที่ยวชายทะเลอย่างพัทยาแล้วค่ะ ชิลไปไหนเลยไม่พลาดที่จะไปรีวิวเก็บบรรยากาศมาฝากเพื่อนๆ กัน จะน่าสนใจขนาดไหน ลองตามไปดูรีวิวกันเลยค่ะ



จุดเด่นของยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา พัทยา นอกจากจะเป็นออนเซ็นและสปาสไตล์ญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่แฮงค์เอาท์แห่งใหม่ล่าสุดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใครที่ชอบบรรยากาศผ่อนคลายไม่ควรพลาดเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้แช่ออนเซ็นและทำสปาแบบรีแลกซ์กันได้ทั้งวันแล้ว พิกัดยังอยู่ใกล้กับทะเลพัทยาเพียงแค่ไม่กี่นาที ขับรถแป๊บเดียวก็ได้ชิลกับชายหาด เสียงคลื่น และน้ำทะเลกันแล้ว เรียกว่าได้ชิลและรีแลกซ์กันแบบ 2 in 1 กันเลยทีเดียว




สำหรับคอนเซ็ปต์ของที่นี่ จะแตกต่างจากยูโนะโมริสาขาที่กรุงเทพฯ โดยเป็นออนเซ็นที่ผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นอย่างวัฒนธรรมการแช่บ่อน้ำแร่ร้อนออนเซ็นแบบดั้งเดิม และจุดเด่นของศาสตร์แห่งการนวดแผนไทยโบราณเข้าไว้ด้วยกัน สะท้อนผ่านดีไซน์การตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ นับตั้งแต่ทางเข้าบริเวณล็อบบี้ที่ตกแต่งได้กลิ่นอายความเป็นไทยผสมญี่ปุ่น ทั้งหมอนอิงสามเหลี่ยมหรือหมอนขิดแบบไทยๆ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้และโคมไฟไม้ไผ่สไตล์ญี่ปุ่น ดูอบอุ่นได้ทั้งสองบรรยากาศเข้ากันได้อย่างลงตัวทีเดียวค่ะ



เคาท์เตอร์เช็คอินด้านหน้า ที่จะมีพนักงานคอยต้อนรับและให้คำแนะนำในการใช้บริการ ซึ่งที่นี่ก็มีบ่อออนเซ็นและโปรแกรมสปาทรีทเมนต์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบเลยค่ะ



พอเข้ามาภายใน เราก็ต้องถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้ล็อคเกอร์ด้านหน้ากันก่อนค่ะ เป็นธรรมเนียมแบบเอเชียที่น่ารักๆ สะท้อนวัฒนธรรมไทยและชาวญี่ปุ่นที่จะต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน



จากนั้นเราก็ไปสำรวจบ่อออนเซ็นที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 กันก่อน ด้านหน้าจะมีเคาน์เตอร์สำหรับบริการชุดเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน ผ้าเช็ดตัว และอุปกรณ์ในการแช่ออนเซ็น ซึ่งที่นี่จะมีชุดให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ ชุดยูกาตะสไตล์ญี่ปุ่น และชุดเสื้อผ้าสไตล์ไทยประยุกต์ให้เลือกค่ะ นอกจากนี้ สำหรับใครที่ยังเขิน ทางยูโนะโมริออนเซ็นก็มีเสื้อเกาะอกและกางเกงแนบเนื้อให้บริการฟรีสำหรับใส่ลงแช่ออนเซ็นอีกด้วยค่ะ 




ออนเซ็นที่นี่จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง แยกบ่อชายหญิง บ่อผู้ชายประตูผ้าม่านสีน้ำเงิน ส่วนบ่อผู้หญิงมีม่านสีแดงเป็นสัญลักษณ์ค่ะ




พอเข้าไปด้านในก็จะมีตู้ล็อกเกอร์สำหรับเก็บของ โดยทางออนเซ็นจะมีสายข้อมือริสก์แบนด์ให้กับแขกที่มาใช้บริการใช้แทนกุญแจตู้ล็อคเกอร์ ข้อดีของสายรัดข้อมือแบบนี้คือเราสามารถใส่ลงแช่ออนเซ็นได้เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำหาย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้แทนเงินสดในการซื้ออาหารและเครื่องดื่ม ใช้บริการทรีทเมนต์และสปาได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสะดวกและทันสมัยมากๆ เลยค่ะ


 

อีกฟากของล็อกเกอร์เก็บของ เป็นโซนแต่งตัวที่มีเคาน์เตอร์กระจกแต่งตัว เก้าอี้ที่นั่ง พร้อมอุปกรณ์อย่างไดร์เป่าผม โลชั่นทาผิว ฯลฯ สำหรับแต่งตัวเสริมสวยหลังแช่ออนเซ็นเสร็จแล้ว



ถัดมาเป็นโซนห้องอาบน้ำรวมสไตล์ญี่ปุ่น มีฝักบัว เก้าอี้อาบน้ำ สบู่ แชมพู และครีมนวดผมให้พร้อมสรรพ ได้บรรยากาศเหมือนออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆ เลยค่ะ



ฝั่งตรงข้ามกับโซนห้องอาบน้ำ คือ โซน Korean Scrub สำหรับทำสปาสครับผิวแบบเกาหลี ด้วยเทคนิคการผสานน้ำอุ่นและวิธีขจัดเซลล์ผิวในแบบเกาหลีเข้าด้วยกัน โดย Therapists ผู้เชี่ยวชาญการสครับผิวสไตล์เกาหลีที่จะทำหน้าที่สครับผิวให้กับเรา เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกไป ปิดท้ายด้วยการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ตรงส่วนนี้เป็นบริการเสริมจากออนเซ็น ราคาคนละ 650 บาท ใช้บริการสครับได้นาน 30 นาที



นอกจากนี้ ภายในออนเซ็นยังมีบริการในส่วนของห้องสตีมและซาวน่าให้บริการฟรี ซึ่งก่อนจะเข้าไปใช้บริการ เราก็ต้องไปอาบน้ำอีกครั้งเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายกันก่อนค่ะ โดยจะมีโอ่งที่บรรจุน้ำเย็นและน้ำอุณหภูมิห้องให้เลือกอาบอยู่บริเวณด้านนอก



พออาบน้ำปรับอุณหภูมิร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปนั่งเรียกเหงื่อกันในห้องซาวน่า ที่มีอุณหภูมิความร้อน 80 - 95 องศาเซลเซียส ความร้อนจะช่วยขับเหงื่อชำระล้างสารพิษตกค้าง ทำความสะอาดรูขุมขนทั่วร่างกาย ให้ผิวสะอาดหมดจดสดชื่น นอกจากนี้ ยังมีห้องอบไอน้ำ หรือห้องสตีมที่ใช้ความร้อนชื้นของไอน้ำ 100% ออกแบบมาให้พอดีกับสภาพผิว ช่วยเปิดรูขุมขน ชำระล้างสิ่งสกปรกและสารพิษสะสมในผิว พร้อมรักษาสมดุลของผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดหรือสารเคมี นอกจากนี้ ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความตึงเครียดได้อีกด้วยค่ะ



หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายกันเสร็จแล้ว เราก็มาแช่บ่อออนเซ็นที่มีให้เลือกหลากหลายแบบ เริ่มกันที่บ่อ Bubble Bath ไอน้ำและฟองกาศในบ่อนี้จะช่วยนวดกล้ามเนื้อให้ผ่อนคลาย ด้วยอุณหภูมิน้ำ 39 องศาเซลเซียสที่จะช่วยปรับร่างกายให้เตรียมพร้อม ก่อนย้ายสู่บ่อน้ำแร่ร้อนต่อไป



หากใครยังติดใจอยากแช่น้ำผ่อนคลายร่างกายกันต่อ ก็มีบ่อน้ำร้อนอีก 3 บ่อให้เลือกแช่กันอีกด้วยค่ะ โดยแต่ละบ่อนั้นก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป



ตรงกลางจะเป็นบ่อจากุชชี่ ที่มีอุณหภูมิน้ำ 39.5-41 องศาเซลเซียส แรงดันน้ำในบ่อจากุชชี่จะช่วยนวดกล้ามเนื้อ ให้คุณผ่อนคลายตั้งแต่ช่วงหลังถึงปลายขา บรรเทาอาการปวดเมื่อย สาวๆ คนไหนนั่งทำงานหน้าจอมาทั้งสัปดาห์ อยากมาผ่อนคลายความเมื่อยล้า แนะนำมาแช่บ่อนี้เลยค่ะ



แต่ถ้าอยากนอนแช่แบบเพลินๆ ชิลๆ อาจเลือกมาแช่ฝั่งบ่อ Jet Bath หรือบ่อน้ำวน ที่มีระบบน้ำวนซึ่งจะเพิ่มแรงดันอากาศ ช่วยนวดตัว ผ่อนคลายความเครียด ลดการปวดตึงของกล้ามเนื้อและข้อ นอกจากนี้ ฟองอากาศขนาดเล็กยังช่วยในการทำงานไหลเวียนโลหิต และช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดียิ่งขึ้น



อีกบ่อหนึ่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน นั่นก็คือ บ่อ Silk Bath หรือบ่อไมโครบับเบิ้ลบาธ จุดเด่นของบ่อนี้คือฟองอากาศขนาดเล็กที่สัมผัสผิวอย่างอ่อนโยนดุจแพรไหม ซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขน ให้เรารู้สึกสะอาดและผ่อนคลาย ซึ่งแรงดันของฟองอากาศขนาดเล็กนี้ ไม่เพียงอ่อนโยนต่อผิวพรรณเท่านั้น ยังช่วยพยุงและกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วยค่ะ



มาถึงไฮไลท์อย่าง “บ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ” ซึ่งทางยูโนะโมริได้ลงทุนนำน้ำแร่ร้อนธรรมชาติบริสุทธิ์ส่งตรงจากบ่อน้ำแร่วังขนาย กาญจนบุรี ที่อุดมด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย พร้อมมวลน้ำที่มีความหนาแน่น ให้คุณได้ผ่อนคลาย บรรเทาความเหนื่อยล้า รักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ พร้อมกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ด้วยอุณหภูมิ 43-44 องศาเซลเซียส แนะนำว่าหากใครอยากจะมาแช่บ่อนี้ ควรแช่บ่ออื่นๆ ที่อยู่ด้านในให้ร่างกายค่อยๆ ปรับอุณหภูมิจนเริ่มคุ้นชินกับความร้อนก่อนก็จะดีกว่าค่ะ



นอกจากจะได้แช่น้ำแร่แท้ๆ ตามสไตล์ออนเซ็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว ทางยูโนะโมริยังได้ออกแบบให้บ่อน้ำแร่อยู่ภายนอกแบบเอาท์ดอร์ สามารถแช่น้ำแร่พร้อมกับชมสวนเล็กๆ ที่มีต้นไม้สีเขียวสบายตาล้อมรอบไปด้วยได้ บรรยากาศชิลเหมือนได้แช่ออนเซ็นอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยจริงๆ ค่ะ



อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของยูโนะโมริที่ไม่เหมือนใคร คือ บ่อโอ่งมังกร บ่อออนเซ็นส่วนตัวที่ทางยูโนะโมริได้นำเอกลักษณ์แบบไทยๆ อย่างโอ่งมังกรจังหวัดราชบุรีมาประยุกต์ใช้เป็นบ่อออนเซ็นที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติของสวนร่มรื่น ภายในมีน้ำแร่อุณหภูมิน้ำ 40-41 องศาเซลเซียส ซึ่งจะค่อนข้างอุ่น ไม่ร้อนจัดเท่าบ่อน้ำแร่ธรรมชาติบ่อใหญ่ เหมาะสำหรับใครที่อยากแช่น้ำแร่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในบรรยากาศเป็นส่วนตัว




ปิดท้ายด้วยบ่อน้ำเย็น หรือ Cold Bath ซึ่งจำเป็นมากๆ ในการแช่ออนเซ็นค่ะ เพราะหลังการแช่น้ำร้อนทุกครั้ง เราควรสลับด้วยการแช่น้ำเย็นที่อุณหภูมิ 16-17 องศาเซลเซียส เพราะหลังจากที่น้ำร้อนได้เปิดผิวทำความสะอาดรูขุมขนของเราแล้ว การแช่น้ำเย็นจะช่วยปิดรูขุมขน ให้ผิวตึงกระชับ ยืดหยุ่น นุ่มนวล พร้อมปรับสมดุลในร่างกายให้ระบบเลือดหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น



หลังจากที่แช่น้ำร้อนผ่อนคลายกล้ามเนื้อกันเสร็จแล้ว เราก็ไปรีแลกซ์กันต่อที่ห้องนวดและสปาที่อยู่ชั้น 3 ภายในตกแต่งอย่างสวยงามได้กลิ่นอายบรรยากาศของความเป็นไทย โดยทางยูโนะโมริให้บริการนวดโดย Therapist ผู้เชี่ยวชาญ มีโปรแกรมให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ การนวดไทยหรือนวดแผนโบราณ ที่ผสานศาสตร์การนวดในลักษณะต่างๆ เข้ากับความรู้ทางด้านสรีระศาสตร์และการแพทย์แผนตะวันออก นอกจากนี้ ยังมีการนวดอโรมาหรือนวดน้ำมัน เพื่อลดความเมื่อยล้าและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ รวมทั้งยังมีโปรแกรมนวดสมุนไพรและนวดสครับผิวอีกด้วยค่ะ





ห้องนวดและสปาของยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา พัทยา มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งห้องเดี่ยวแบบเป็นส่วนตัว ห้องคู่ และห้องสำหรับใครที่อยากมารีแลกซ์พร้อมกันทั้งครอบครัว เรียกว่าตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวทุกความต้องการเลยค่ะ



สำหรับใครที่อยากได้บรรยากาศการนวดแบบไทยๆ แนะนำห้องนวดไทยรวมที่อยู่ชั้น 2 นอกจากจะมีบริการนวดแผนโบราณแล้ว ยังมีบริการสำหรับนวดเท้าอีกด้วยค่ะ หากเดินเที่ยวมาทั้งวันจนเมื่อยล้า ก็สามารถแวะมาใช้บริการกันได้


 

หลังจากผ่อนคลายกันเต็มที่แล้ว หากใครรู้สึกหิวก็ไม่ต้องขับรถออกไปทานอาหารที่อื่นให้ยุ่งยาก เพราะที่นี่ยังมี Yunomori Café คาเฟ่และร้านอาหารสุดเก๋ให้บริการอีกด้วยค่ะ จุดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้อยู่ที่การตกแต่งที่มาในคอนเซ็ปต์ความเป็นไทยย้อนยุค โดยรวมเอาสิ่งของอย่างสินค้าต่างๆ ในร้านขายของชำมาจัดเรียงจนเต็มผนังสูงจรดเพดาน ได้บรรยากาศเสน่ห์แบบไทยๆ ที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร แถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปกันเพลินจนแทบลืมสั่งอาหารเลยค่ะ



สำหรับอาหารที่นี่ จะเน้นอาหารเพื่อสุขภาพที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอร่อยๆ หลากหลาย มีทั้งอาหารไทยไปจนถึงอาหารนานาชาติ และยังมีครัวเปิดที่เราสามารถชมเชฟทำอาหารระหว่างที่นั่งรอไปด้วยได้



ระหว่างนั่งทานอาหารไป เราก็สามารถชมวิวจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวสวนและสนามหญ้าสีเขียวไปด้วยได้แบบนี้ค่ะ



มาถึงเมนูแนะนำที่มาแล้วพลาดไม่ได้ ต้องยกให้กับสองจานเด็ดอย่าง Tofu Salad สลัดเต้าหู้ Kinu ที่ถูกนำไปนาบกับกระทะให้มีสีสัน เสิร์ฟพร้อมผักร็อคเก็ตสลัด อโวคาโด เมล็ดเชียและควินัว สุดยอดธัญพืชที่จัดเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์สูง ท้อปปิ้งด้วยมันฝรั่งและกระเจี๊ยบบด สาหร่าย ราดน้ำสลัดถั่วเหลืองสไตล์ญี่ปุ่น เมนูนี้จัดเป็นอาหารคลีนที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ อีกจานหนึ่งที่อร่อยไม่แพ้กันคือ Hiyashi Udon อุด้งเย็นรสชาติดี ที่มาพร้อมกับเนื้อหมูชาบู ไข่ออนเซ็นและอุด้งเส้นเหนียวนุ่ม ปิดท้ายด้วยของหวาน Mixed Fruit Yogurt โยเกิร์ตใส่เมล็ดเชียหน้าผลไม้สด ราดด้วยน้ำผึ้งออร์แกนิค และเครื่องดื่มอย่าง Mango Goodness สมูทตี้มะม่วงผสมกล้วยและโยเกิร์ตรสชาติหวานหอม ซึ่งจัดเป็นเมนูเครื่องดื่มที่ขายดีที่สุดของที่นี่เลยค่ะ


 

อิ่มท้องสบายตัวกันแล้ว ไปรีแลกซ์ต่อกันที่ Relaxing Lounge หรือห้องพักผ่อน ที่ทางยูโนะโมริจัดเตรียมไว้สำหรับแขกที่มาใช้บริการได้นั่งเล่นพักผ่อนชิลๆ กันได้ตลอดวัน ภายในแบ่งเป็น 2 ส่วน คือห้องโถงใหญ่ที่มีโซฟาเบดนุ่มๆ ให้เรานอนเล่นสบายๆ จะอ่านหนังสือหรือฟังเพลงไปด้วยก็ได้ 



อีกโซนหนึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัวกว่า มีเก้าอี้โซฟาหนังนุ่มๆ ให้นั่งพัก อีกทั้งยังสามารถปิดม่านและหรี่ไฟเพื่อพักผ่อนแบบสงบและผ่อนคลายกันได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ



ใครมองหาสถานที่พักผ่อนแฮงค์เอาท์ในวันหยุดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แบบเช็คอินฟินๆ ที่เดียวครบ มีทั้งร้านอาหาร สปา และยังได้แช่ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้ ลองหาโอกาสมาชาร์จแบตร่างกายและเติมเต็มการพักผ่อนของคุณให้สมบูรณ์แบบกันที่ ยูโนะโมริ ออนเซ็นแอนด์สปา พัทยา กันได้เลยค่ะ
 
ยูโนะโมริ ออนเซ็นแอนด์สปา พัทยา
เปิด ทุกวัน 09.00-24.00 น.
ที่ตั้ง: 300/59 ถนนเทพประสิทธิ์ (ระหว่างซอย 9 และ 11) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
โทรศัพท์ : 038 197 038
www.yunomorionsen.com





เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close