bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ไปกอดหมอกขาว สัมผัสสายลมหนาวที่เมืองสุดน่ารักสังขละบุรี

calendar_month 13 ธ.ค. 2016 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 106,543 / รีวิวที่เที่ยว

“ลมหนาวมาเมื่อใด ใจฉันคงยิ่งเหงา
 คืนวันที่มันเหน็บหนาว ไม่รู้จะทนได้นานเท่าไร” 

 

บทเพลงเก่าที่บรรยายถึงลมหนาวและความเหงาของที ฟอร์ ทรี ดังก้องอยู่ภายในรถยนต์ของเราที่กำลังมุ่งหน้าสู่เมืองน่ารักสังขละบุรี วิวทิวทัศน์รอบตัวของเราทั้งสองข้างทางคือภูเขาสูงและวิวของเขื่อนวชิราลงกรณ์หรือเขื่อนเขาแหลม มีแพหลังน้อยลอยนิ่งอยู่เหนือน้ำ บรรยากาศดีจนชายหนุ่มข้างกายเปรยขึ้นมาว่าถ้ามีกาแฟ ดีๆ สักแก้วจิบชมวิวงามยามเช้าคงจะดีไม่น้อย พอพูดจบเราก็ต่างหันหน้ามามองกันแล้วเลี้ยวรถเข้าร้านสะดวกซื้อก่อนเข้าสู่เมืองสังขละบุรี เพื่อเลือกซื้อกาแฟหอมๆ ดีๆ ไว้จิบยามเช้า 
 

 
ซึ่งกาแฟที่เราเลือกไปจิบยามเช้าคือเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู รสริช อโรมาและรสเอสเปรสโซ โรสต์ ซึ่งเหตุผลที่เลือกซองนี้ก็อยากลองชิมดูว่ากาแฟที่เพิ่มกาแฟคั่วบดละเอียดจะหอมเหมือนกาแฟสดขนาดไหนและรสชาติจะกลมกล่อมอร่อยกว่ามากขึ้นอีก


 
หลังจากที่ฝ่าเขาสูงและโค้งมากมายเราก็เดินทางมาถึงสังขละบุรีแล้วค่ะ โดยที่พักที่เราเลือกมาพักในครั้งนี้คือบ้านพอเพียงรีสอร์ท ที่พักที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองกาเลีย ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ร่มครึ้ม บรรยากาศสงบสวยงามเหมาะกับการมาพักผ่อนกายใจ 
 

พอมาถึงที่พักปุ๊บเราก็ขอไปหาอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ ทานบริเวณตลาดสังขละบุรี ซึ่งใครมาที่นี่ก็ต้องมาทานหมูจิ้มจุ่มสูตรพม่าที่เขาจะหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเล็กๆ เสียบไม้ แล้วใส่ไว้ในถาดพร้อมน้ำซุปร้อนๆ  เวลาทานเขาจะมีน้ำจิ้มมาให้ อากาศหนาวๆ แบบนี้ได้มานั่งทานหมูจิ้มจุ่มบอกเลยว่าฟินสุดๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาหารพื้นเมืองมากมายให้ได้ลองชิม และสินค้า เสื้อผ้า ของฝาก ให้ช้อปกลับบ้านอีกด้วย
 

 
ค่ำคืนนี้เราหลับไปพร้อมความเหนื่อยจากการเดินทาง และอากาศหนาวเย็นที่เข้ามาปกคลุมรอบกาย เป็นอีกหนึ่งคืนที่หลับสบายมากๆ เลยค่ะ และหวังว่าพรุ่งนี้เช้าจะได้ชมหมอกขาวที่ระเบียงหน้าบ้าน
 

 
เราตื่นมาแต่เช้า สัมผัสกับอากาศหนาวและหมอกสีขาวที่เข้ามาทักทาย บรรยากาศดีๆ แบบนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะได้จิบเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู รับลมหนาวกันแล้วค่ะ โดยรสแรกที่เราเลือกคือ รสริช อโรมา ซองสีแดง ที่มีกลิ่นหอมมากๆ ซดไปได้กลิ่นกาแฟไปหอมเหมือนกาแฟสด ฟินสุดๆ รสชาติลงตัวอร่อยกลมกล่อม หนาวๆ แบบนี้ได้กาแฟหอมๆ แก้วนี้ก็ทำให้บรรยากาศรอบข้างอุ่นขึ้นเลยค่ะ 
 

 
ส่วนหนุ่มข้างกายนั้นติดใจในรสเข้มจึงเลือกรสเอสเปรสโซ โรสต์ ซองสีเขียว ซึ่งหลังจากทานแล้วหนุ่มข้างกายก็รีวิวให้ฟังว่ารสชาติอร่อยเข้ม และยังหอมกลิ่นกาแฟคั่วบดมากๆ เหมือนกัน ซดจนหมดแก้วยังได้กลิ่นอยู่เลย ใครเป็นสายเข้ม สายหอมก็ต้องแก้วนี้เลย

ยังไม่พอ เราได้ยินจากโฆษณามาว่าตอนนี้เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ยังมีสำหรับน้องใหม่ สูตรน้ำตาลน้อยลง 25% ซองสีม่วง แต่เรายังไม่มีโอกาสได้ลอง ได้ข่าวว่ารสนั้นตอบโจทย์สำหรับคอกาแฟที่ชอบแบบน้ำตาลน้อย แต่ยังคงความอร่อยเหมือนเดิม
 

 
จิบกาแฟชมวิวฟินๆ กันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาไปตักบาตรยามเช้าที่บริเวณใกล้กับสะพานอุตตมานุสรณ์หรือสะพานมอญสัญลักษณ์ของสังขละบุรี โดยเขาจะมีของตักบาตรให้บริการเราเป็นชุดๆ ค่ะ ประกอบไปด้วย ข้าวสวย อาหารแห้ง ดอกไม้  เรายืนรอตักบาตรพร้อมกับชาวไทยและชาวมอญมากมายที่มาตั้งแถวรอด้วยความศรัทธา พอถึงเวลาประมาณหกโมงครึ่งพระท่านก็จะมาเดินบิณฑบาตเป็นภาพที่งดงามและประทับใจมากๆ เลยค่ะ 
 


พี่เย็นเซเลบริตี้คนดังของสังขละบุรีที่จะคอยชวนเราตักบาตรยามเช้า


 
หลังจากใส่บาตรเสร็จแล้วเราก็เดินไปชมสะพานมอญยามเช้า อากาศกำลังเย็นสบายเลยค่ะ
 

 
ใครอยากมาลองทาแป้งทานาคาที่แก้มแบบชาวมอญ ก็จะมีพี่สาวชาวมอญนำแป้งทานาคามาทาเป็นรูปดาวให้ด้วยค่ะ หลังจากทาแล้วก็เดินไปถ่ายรูปเก๋ๆ บนสะพาน


 
และอากาศดีๆ แบบนี้เราก็ไม่ลืมพกเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู มาจิบชมวิวสังขละบุรีในยามเช้าด้วย


 
ระหว่างเดินเล่นบนสะพานก็เจอพี่คนนี้กำลังโดดสะพานโชว์เลยค่ะ มีคนมาให้กำลังใจมากมายเลยค่ะ



ท่ากระโดดของพี่เขาสวยมากๆ


 
สถานที่ต่อไปที่เราจะพาไปเยี่ยมชมคือวัดใต้น้ำ สังขละบุรี หรือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวสุดอันซีนเมืองไทย เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2496 แต่ต่อมาในปี เมื่อ พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ และปล่อยน้ำมาทำให้ต้องมีการย้ายวัดวังก์วิเวการามไปอยู่บริเวณเนินเขา ซึ่งทำให้ตัวโบสถ์เดิมถูกน้ำท่วม ถ้าช่วงไหนที่น้ำในเขื่อนสูงก็จะทำให้ตัวโบสถ์ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหลังเลยค่ะ แต่ถ้าช่วงไหนน้ำน้อยก็สามารถเดินเข้าไปในตัวโบสถ์ได้ โดยการเดินทางจะต้องนั่งเรือหางยาวจากสะพานมอญใช้เวลาไปกลับประมาณ 45 นาทีค่ะ
 


ระหว่างนั่งเรือเราก็จะได้พบกับเจดีย์พุทธคยาซึ่งตั้งอยู่ที่วัดวังก์วิเวการามปัจจุบัน สะท้อนผิวน้ำงดงามมากๆ ค่ะ



วิถีชีวิตชาวสังขละบุรีที่ผูกพันกับแม่น้ำซองกาเลีย


 
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการไปไหว้หลวงพ่ออุตมะที่วัดวังก์วิเวการามปัจจุบัน และสักการะพระบรมสารีริกธาตุซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอด  เจดีย์พุทธคยา เพื่อเป็นสิริมงคงให้กับตัวเราและครอบครัวก่อนเดินทางกลับบ้าน


 
หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่ออุตตมะ  พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมใจของชาวไทย และชาวมอญ แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้วแต่คุณงามความดีของท่านก็ยังคงอยู่


 
แม้จะเป็นทริปสั้นๆ เพียง 2 วัน 1 คืนที่เราได้เดินทางมาสัมผัสเมืองน่ารักแห่งนี้ก็ทำให้เราหลงรักสังขละบุรีหมดหัวใจ ยิ่งอากาศหนาวๆ แบบนี้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศพร้อมกับกาแฟหอมๆ รสชาติดีๆ ก็ทำให้ได้ชาร์จแบตชีวิตอย่างเต็มที่เลยล่ะค่ะ
 
 
 
 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
close