bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ชิลไปไหน : 2 วัน 1คืน เที่ยวบุรีรัมย์ ดูสนามบอล นอนหมู่บ้านโฮมสเตย์แบบสโลไลฟ์

calendar_month 19 ก.ย. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 62,884 / สถานที่ยอดนิยม

ถ้ามีเพื่อนมาบอกให้ไปเที่ยวเมืองบุรีรัมย์ ช่วงก่อนหน้านี้สัก 4-5 ปี ชิลก็นึกไม่ออกเลยว่าจะไปที่ไหนดี นอกจากไปเที่ยวปราสาทพนมรุ้ง เพราะเป็นเมืองแห่งปราสาทหิน ดินแดนอารยธรรมขอมโบราณ รู้แค่นี้จริงๆ ให้ไปเที่ยวก็คงไปแค่ปราสาทพนมรุ้ง แต่ในช่วงหลังๆมานี้ลองนั่งเลื่อนเฟสบุ๊กดูแล้ว มีเพื่อนหลายคนอัพสเตตัสบ้าง เช็คอินบ้าง ว่าไปเที่ยวเมืองบุรีรัมย์ ไปนอนโฮมสเตย์ ไปดูบอล ไม่พอแค่นั้นยังโพสต์ภาพนักบอลหล่อๆ มาอวดด้วย เห็นแล้วกระตุ้นต่อมอยากไปเที่ยว ถึงเวลาแล้วที่เราจะไปค้นหาและทำความรู้จักกับเมืองบุรีรัมย์สักครั้งค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าชิลไปเที่ยวที่ไหนมาต้องเอามาฝากเพื่อนๆ ด้วย
 

05

 



งานนี้พวกเรามีโอกาสได้เดินทางกันเป็นคณะค่ะ ออกเดินทางตั้งแต่ตี 5 กะว่าจะเอาภาพสวยๆ ริมทางมาด้วย แต่เอาเข้าจริงๆ ขึ้นรถไปปุ๊ปก็โรคเดิม ตาหลับปั๊ป เราใช้เส้นสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าเส้นโชคชัย - เดชอุดม ตื่นมาอีกทีก็เจอเขื่อนลำตะคองเป็นแนวยาว ขับรถประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง ช่วงเที่ยงๆ ก็เข้าอำเภอนางรอง

พอถึงอำเภอนางรองท้องก็เริ่มประท้วงขออาหารกันแล้วค่ะ เห็นร้านลักษณา ขาหมูตุ๋นยาจีน คิดว่าคนอื่นก็คงอาการเดียวกับเรา พอรถเลี้ยวจอดหน้าร้าน เรารีบลงกันเลยค่ะ ไม่รอช้า สั่งทั้งขาหมู ปลาทอดสามรส ต้มเยื่อไผ่ ห่อหมกกันมาเต็มโต๊ะ เพราะแรงหิว แต่ก็ใช้เวลาไม่นานพวกเราจัดการกันซะหมดจาน





ออกจากร้านลักษณาแล้ว เรานั่งรถกันไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อนอะไร อีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไปถึงตัวเมืองบุรีรัมย์แล้วค่ะ ไปถึงเมืองบุรีรัมย์ที่แรกที่พวกเราไปถึง ชาวคณะเราก็เลือกไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์อย่างศาลหลักเมือง




 

ศาลหลักเมืองของเมืองบุรีรัมย์ สร้างขึ้นตามศิลปะแบบขอมโบราณ ลักษณะเหมือนปราสาทพนมรุ้ง ช่างเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นเมืองบุรีรัมย์ ความเป็นเมืองของศิลปะขอมจริงๆ ค่ะ


 

นอกจากไปกราบศาลหลักเมืองแล้ว ยังมีสะดือเมืองบุรีรัมย์เป็นรูปดอกบัว และบริเวณเดียวกันยังมีศาลเจ้าจีนให้ชาวจีนมากราบไหว้อีกด้วยค่ะ


 

วันที่เราไปมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แดดก็ไม่ยอมให้กันเลย ร้อนได้ร้อนดี ใครไปเที่ยวช่วงกลางวันแดดเปรี้ยงแบบนี้แนะนำหาเครื่องมือกันแดดไปด้วยค่ะ


หลังจากที่ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว ก่อนที่จะเย็น พวกเรารีบบึ่งกันไปที่สนามไอ - โมบาย สเตเดียม สนามเหย้าของสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เรียกได้ว่านาทีนี้ ใครมาบุรีรัมย์ไม่แวะไปเช็คอินที่สนามบอล ถือว่าพลาดมากกกก.. สนามไอ - โมบาย เป็นสนามที่ได้มาตรฐานแห่งแรกของประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่น ใหญ่โต และยังได้ลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นสนามระดับ FIFA แห่งเดียวที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลก


ถึงแม้เราจะเป็นสาวๆ พวกเราก็ดูนักบอล เอ้ยย..ดูบอลบ้างเหมือนกัน เสียดายวันที่เราไปไม่มีการแข่งขัน แต่มีโอกาสได้เดินเยี่ยมชมภายในสนาม รวมทั้งห้องพักนักฟุตบอล ห้องน้ำ ห้องประชุมอีกด้วยค่ะ

ออกจากสนามบอล ไม่ไกลกันก็มีปราสาทพนมรุ้งจำลองให้ไปเดินเล่น ถ่ายรูปชิลๆ กันด้วย แต่วันที่พวกเราไปเหมือนจะกำลังซ่อมแซมทำให้มีนั่งร้านอยู่แบบนั้นค่ะ

เที่ยวเล่นกันจนถึงเย็นตัวเริ่มเหนียว พวกเราก็เริ่มอยากอาบน้ำ อยากพักกันแล้ว ถึงเวลาไปที่พักของชาวคณะพอดี ส่วนที่ที่พวกเราจะไปพักนั้นแน่นอนว่ามาถึงบุรีรัมย์เพราะอยากมาค้นหาความเป็นบุรีรัมย์ อย่างที่บอกในตอนแรก เราเลยไปพักนอนชิลๆ กันที่หมู่บ้านสนวนนอก โฮมสเตย์

มาถึงก็มีแม่ๆ มารับ พาพวกเรานั่งรถกระสวยอวกาศเข้าหมู่บ้านน่ารักเชียวค่ะ

ที่นี่เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวไหม ตั้งอยู่ที่ตำบลสนวน อำเภอห้วยราช อยู่ห่างจากอำเภอห้วยราช 2 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมือง 12 กิโลเมตร ไม่ต้องกลัวว่าหากใช้บริการรถประจำทางแล้วจะลำบากเลยค่ะ เพราะเราสามารถติดต่อให้เจ้าของโฮมสเตย์ไปรับได้
เบอร์โทรติดต่อ 095 - 801- 1693 และ 087 - 458 - 3235 พิกัดแผนที่ 14.936699,103.182377

โฮมสเตย์ที่บ้านสนวนนอก มีให้เลือกทั้งแบบห้องพัดลมและห้องแอร์ ราคาห้องพัดลม 250 บาทต่อท่าน ห้องแอร์ 350 บาทต่อท่าน พวกเราเลือกพักห้องพัดลมชิลๆ กันค่ะ ตอนกลางคืนแม่ (เราเรียกเจ้าของโฮมสเตย์ว่าแม่ค่ะ) บอกว่าไม่ต้องกลัวร้อน เพราะช่วงนี้ฝนชอบเทลงมาตอนดึก นอนหลับสบายแน่นอน


บรรยากาศภายในบ้านพักหลังที่พวกเราเข้าพัก ซึ่งโฮมสเตย์ของที่นี่ 1 หลังสามารถนอนได้ 3 - 4 คนค่ะ

เข้าที่พักอาบน้ำแต่งตัวแล้ว แม่เอาผ้าถุงมาให้ใส่ เป็นผ้าไหมตามแบบชาวบ้านที่นี่ แม่บอกว่าผ้าที่เราใส่กันเป็นผ้าที่ทอกันเอง โดยที่หมู่บ้านมีอาชีพเสริมนอกจากการทำนาแล้วยังปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้ากันเองอีกด้วยค่ะ ลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์โบราณของบ้านสนวนนอก คือ ผ้าไหมหางกระรอก

   หลังจากแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว แม่ก็พาพวกเราไปเดินตลาดโบราณ ซึ่งเป็นตลาดที่ขายของเล็กๆ กันเองภายในหมู่บ้าน


ในตลาดมีทั้งผัก ผลไม้ ข้าวสาร ขนม นอกจากนี้ ยังมีการสาวไหมสดๆให้พวกเราดูด้วยค่ะ ใครอยากจะลองสาวเองก็ได้นะคะ




ตัวไหมที่ผ่านการสาวเอาตัวไหมออก ต้มมาเรียบร้อยแล้ว เหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ของบ้านก็กวักมือเรียกพวกเราไปลองชิม ชิลเองก็อยากรู้รสชาติที่แม่ๆ บอกกันมาว่าไม่ชิมแล้วจะเสียใจนะ ไม่อยากเสียใจ จิ้มเกลือหยิบเข้าปากไป ฮือออ.. อร่อย!


รสชาติมันๆ สดกว่าตัวไหมทอดตามตลาดนัดในเมืองอีกค่ะ หลังจากนั้นเราก็ยืนเฝ้าถาดตัวไหมกันเลยทีเดียว จนแม่มาเรียกไปดูบ้านโบราณ ซึ่งเป็นบ้านของชาวบ้านสนวนนอก ที่ยังคงสภาพทุกอย่างเหมือนสมัยก่อน ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ครัวที่ยังใช้หุงข้าว ทำกับข้าวในชีวิตประจำวัน





ลงมาจากบ้านโบราณก็เจอกับเหล่าน้องๆ ที่มาเล่นดนตรีพื้นบ้านกล่อมพวกเรากันเพลินๆ

หลังจากซึมซับเสียงดนตรีเพราะๆ กันจนหนำใจแล้ว เราก็ขอตัวไปเดินเล่นชมหมู่บ้านบ้าง บรรยากาศยามเย็นกำลังดีเลยค่ะ เดินไปไหนมาไหนก็เจอชาวบ้านทักทายตลอดทาง ได้ทั้งรอยยิ้ม ทั้งคำสวัสดี น่ารักเชียว


บังเอิญเดินไปเจอเจ้าทุยกำลังเคี้ยวหญ้าชิลๆ อยู่ใต้ถุนบ้าน ก็เลยเก็บภาพมาด้วย

นอกจากที่นี่จะเป็นโฮมสเตย์แล้ว ยังมีรีสอร์ทด้วยค่ะ ชื่อบ้านสนวน รีสอร์ท บรรยากาศชิลๆ มีสระว่ายน้ำ


เดินเล่นกันได้สักพักก็ถึงเวลาอาหารเย็น เราไปนั่งล้อมวงรวมกับคนอื่นๆในหมู่บ้าน ทานอาหารกันแบบขันโตก

มื้อเย็นมีเมนูอาหารพื้นบ้านง่ายๆ แต่รสชาตินี่ขอบอกเลยว่าแซ่บมากกก… จานเด็ดยกให้กับแกงกล้วย ที่ใช้กล้วยดิบแกงใส่หมูสามชั้นหรือไก่ และน้ำพริกปลาทูเลยค่ะ จัดกันไปหลายจานอิ่มตื้อกันเลยทีเดียว



หลังจากที่พวกเราทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็มีกิจกรรมของทางหมู่บ้านที่เรียกว่าการผูกข้อมือรับขวัญ โดยผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้าน


ผูกข้อมือกันเรียบร้อยแล้ว ก็มีการแสดงพื้นบ้านน่ารักๆ อย่างการ “เรือมตร๊ด” หรือ “รำตร๊ด” ไม่ว่าจะผู้ใหญ่บ้าน ลูกบ้านมารำกันสนุกสนาน ด้วยจังหวะดนตรีสนุกๆ ตามแบบฉบับการแสดงของบุรีรัมย์ เราไม่อยากไปขัดขบวนสวยๆ เลยขอเป็นผู้ชมนั่งโยกไปพลางดูเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่สนุกกันไป


นอกจากการแสดงรำตร๊ด แล้วยังมีรำอวยพรจากน้องๆในหมู่บ้าน คืนนั้นได้หัวเราะ ได้ยิ้มอารมณ์ดีก่อนนอนกันเต็มที่เลยค่ะ

ตื่นมาตั้งแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมไปใส่บาตรกันกับแม่


เสร็จแล้วก็ไปที่วัดอีกที เพื่อทำบุญ รับศีล และทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาคนอื่นๆ กันที่วัดเลยค่ะ



บรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้จากในเมืองที่ชีวิตรีบเร่ง แต่ละวันจะทานอาหารเช้ายังไม่ค่อยมีเวลา บางครั้งต้องซื้อข้าวทานกันบนรถเลย



เสร็จจากทานอาหารเช้า ทำบุญให้อิ่มเอมใจกันแล้ว พวกเราพากันเดินกลับบ้าน ได้เวลาบอกลาแม่ เตรียมตัวเดินทางกลับกันแล้วค่ะ

หลังจากออกจากโฮมสเตย์ ระหว่างทางไม่ไกลกันกับไอ - โมบาย สเตเดียม เราไปแวะกันที่วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง

ไปเบิร์นอาหารเช้าที่จัดกันมาเต็มท้องออก ด้วยการขึ้นบันไดนาคราชกว่า 297 ขั้น ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองแข็งแรงเพราะเดินจับโปเกมอนบ่อยมาก


แต่ขึ้นได้ถึงครึ่งทาง เจอน้องอายุ 7-8 ขวบแซงหน้า น้องไปกินอะไรมา ทำไมฟิตจัง? หรือว่าพี่แก่แล้ว ฮือออ...น้ำตาไหล.. หันหลังไปขอยาดมจากเพื่อน สูดเข้าไป 2 ที ขึ้นมาได้ขนาดนี้ ไม่ขึ้นต่อเสียดายน่าดู กัดฟันวิ่งตามน้องๆ ขึ้นไปจนถึงด้านบน


จากด้านบนมองเห็นวิวเมืองบุรีรัมย์กว้างไกล นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปองค์โต ที่ชาวบุรีรัมย์และนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาสักการะไม่ขาดสาย

นอกจากนี้ ยังมีปล่องภูเขาไฟกระโดงซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ไม่ต้องกลัวนางจะหัวร้อนปะทุขึ้นมานะคะ


ข้างๆ ทางเดินลงไปภูเขาไฟ มี “สิไหลเด้อ” หรือสไลเดอร์ด้วยค่ะ แต่ชิลไม่ได้ลงทางนั้น กลัวสิไหลไวไปจะเบรกไม่อยู่เอา แถมยังฝนตกมีน้ำขังอยู่ด้วยค่ะ


บริเวณใกล้กับปากปล่องภูเขาไฟยังมีสะพานแขวนเดินชมธรรมชาติ จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวเอา แม่กุญแจมาคล้องไว้เป็นคู่รักกันด้วยค่ะ


ขากลับออกมาจากเขากระโดง ด้วยความเหนื่อยบวกกับใช้พลังงานมื้อเช้ากันไปหมดแล้ว เลยมีการประท้วงเล็กๆ จากกระเพาะว่าต้องหาของอร่อยกิน พวกเราเลยแวะกันที่ร้าน “ดินดิบคาเฟ่” ร้านคาเฟ่ที่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา



ไม่รอช้าสั่งกันตามแบบฉบับคนหิว เต็มโต๊ะ ! ทั้งของคาวของหวาน มองหน้าเพื่อนแล้วคิดว่าทานไม่หมดแน่ๆ แต่ที่ไหนได้ เสียงคุยเงียบได้ไม่นาน อาหารเต็มโต๊ะโดนพวกเราจัดการเรียบภายในไม่กี่นาทีเลยค่ะ

หลังจากทานอาหารกันเต็มที่ เรียกว่าตุนเสบียงกันมา พวกเราก็นั่งรถกันยาวๆ ถึงกรุงเทพช่วงค่ำ

    ทริปนี้สนุกตื่นตาไปอีกแบบ น้อยครั้งที่คนในเมืองกรุงจะได้ไปสัมผัสการยิ้มให้ใครก่อน เค้าก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยความจริงใจ หรือการเดินผ่านบ้านใครแล้ว เจ้าของบ้านจะทักเราก่อนด้วยรอยยิ้มและคำพูดน่ารักๆ ว่า “ ยินดีต้อนรับค่ะ” “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีครับ”


    ช่วงเวลา 2 วัน 1 คืน ที่ได้รับความสนุก มิตรไมตรี เป็นช่วงเวลาที่ดีค่ะ ถ้าเพื่อนๆ อยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เที่ยวใหม่ๆ ลองไปกันที่บุรีรัมย์ ที่บ้านสนวนนอก โฮมสเตย์ดูสิค่ะ  

ใครที่สนใจพักที่บ้านสนวนนอก โฮมสเตย์
หมู่บ้านสนวนนอก ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ต.สนวน อ.ห้วยราช ห่างจากอำเภอห้วยราช 2 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ 12 กิโลเมตร 
พิกัดแผนที่ 14.936699,103.182377
ห้องพัดลม พร้อมอาหารเช้า ราคา 250 ต่อท่าน
ห้องแอร์ พร้อมอาหารเช้า ราคา 350 ต่อท่าน 
ติดต่อโฮมสเตย์และกิจกรรม คุณโอ๋ 095 - 8011693, คุณพงษ์ศรี 087 - 4583235

 

 

เรียบเรียงโดย ชิไปไหน

 
 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close