bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

รีวิว ไปเดินช้อปชิลๆ ที่ เจ เจ มอลล์ ช้อปปิ้งมอลล์สุดครบเครื่อง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

calendar_month 06 ก.ย. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 197,129 / รีวิวที่เที่ยว

 

หากถามถึงช้อปปิ้งมอลล์ที่มีแทบทุกอย่างครบ ตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ งานฝีมือ ของแฮนด์เมดเก๋ๆ ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงแทบทุกชนิด ต้องยกให้กับ “เจเจมอลล์” เลยค่ะ ด้วยคอนเซ็ปต์การเป็น “จตุจักรติดแอร์” ที่เหมือนยกเอาตลาดนัดจตุจักรมาไว้บนห้าง ที่นี่จึงเป็นเหมือนกับสวรรค์สำหรับขาช้อปตัวจริงเสียงจริง วันนี้ชิลไปไหนจะพาไปซอกแซกสำรวจเจเจมอลล์กันแบบละเอียดยิบ ไปดูกันสิว่ามีไฮไลท์อะไรเด็ดๆ ให้เราช้อป ชิม ชิลกันบ้าง


สำหรับการเดินทางมาเจเจมอลล์นั้นก็จัดว่าสะดวกมากๆ เลยค่ะ สามารถมาได้ทั้งรถไฟฟ้าBTS ลงที่สถานีหมอชิต และรถไฟใต้ดิน MRT สถานีกำแพงเพชร หรือหากจะนั่งรถเมล์มา ก็มีป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าห้างเลย ส่วนใครขับรถมา ที่นี่ก็มีที่จอดรถสะดวกสบายหลายชั้น ช้อปเสร็จก็ขึ้นลิฟต์เอาของไปเก็บที่รถได้เลยทันที

 พอเดินเข้ามาในตัวห้างปุ๊บ เราก็จะพบกับชั้น 1 หรือ Floor F ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ อัญมณี จิวเวลรี่ ร้านเครื่องสำอาง ร้านขายยา ไปจนถึงร้านอาหารชื่อดัง นอกจากนี้ ยังมีลานโปรโมชั่นสำหรับจัดกิจกรรมและอีเวนท์ต่างๆ ที่ทางห้างจะจัดหมุนเวียนเป็นประจำทุกเดือน อย่างวันที่เราไปก็กำลังมีงานแสดงและจำหน่ายสินค้าของเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club พอดีค่ะ มีร้านค้าจากทั่วประเทศมาออกบูธขายสินค้ากันคึกคักละลานตาเลยทีเดียว

 
 



เดินเที่ยวชมงานสักพัก เราก็ไปสำรวจโซนอื่นๆ ในชั้น 1 กันต่อ และสะดุดตากับเสื้อผ้าเก๋ๆ ที่ร้าน “Riotino” ร้านนี้เค้าดีไซน์ออกแบบเสื้อผ้าทุกชิ้นเป็นแบรนด์ของตัวเองค่ะ ส่วนใหญ่เป็นสไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ดีไซน์ไม่ซ้ำแบบใคร นอกจากนี้ ยังมีผ้าพันคอเก๋ๆ และยังมีแอ็กเซสเซอรี่ที่นำเข้าจากต่างประเทศไว้ให้เลือกไปใส่กับเสื้อผ้าที่ร้านอีกด้วย


ส่วนสาวๆ คนไหนชอบเครื่องประดับ รับรองต้องถูกใจกับร้านนี้ “Madame Stone” ที่รวบรวมหินสี และอัญมณีจำพวกพลอยเนื้ออ่อนต่างๆ นอกจากความสวยงามแล้ว ยังช่วยในการบำบัดร่างกายและอารมณ์ให้กับผู้สวมใส่ มีทั้งจี้ แหวน กำไลข้อมือ ไปจนถึงหินสีประดับ โดยทางร้านนำเข้ามาจากต่างประเทศทั่วโลก ทั้งแอฟริกา บราซิล ฯลฯ แค่เดินดูก็เพลินอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ เลยค่ะ



สำหรับใครที่มองหาร้านดอกไม้เก๋ๆ ในโอกาสพิเศษ หรืองานสำคัญต่างๆ ต้องไม่พลาดกับร้าน “Dec” ร้านดอกไม้ประดิษฐ์คุณภาพดี ที่เคยจัดดอกไม้ให้กับเซเลบฯ มาแล้วมากมาย ที่สำคัญไม่ว่าจะขายปลีก - ส่ง ก็ราคาเดียวกันค่ะ ร้านนี้อยู่ที่ชั้น 1 ห้อง F 109 แค่เห็นดอกไม้สีสันสวยๆ ก็สดชื่นสบายตา สวยไม่แพ้ของจริงเลยค่ะ


ร้านนี้ตกแต่งร้านได้เก๋สะดุดตาทีเดียวค่ะ กับร้าน “Marah” ไม่บอกไม่รู้ว่านี่คือแบรนด์กระเป๋าหนัง OTOP ระดับ 5 ดาวของจังหวัดราชบุรี เพราะดีไซน์สวยเก๋ไม่แพ้แบรนด์ต่างประเทศเลยค่ะ ร้านนี้เค้าเน้นกระเป๋าหนังแท้ที่ตัดและเย็บด้วยมือโดยฝีมือของชาวบ้านในตำบลคุ้งน้ำวน อำเภอเมืองราชบุรี และมีหน้าร้านในกรุงเทพฯ อยู่ที่เจเจมอลล์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ใครอยากอุดหนุนแบรนด์ฝีมือคนไทยลองแวะมาเลือกชมกันได้ค่ะ


ระหว่างทางเรายังเห็นร้านค้าหลากหลายที่น่าสนใจ อย่างร้านนี้ “OnePlus” ที่นอกจากจะรับผลิตเสื้อโปโล คอกลม คอวี แจ๊คเก็ต หมวก ฯลฯ ทั้งปลีกและส่งแล้ว ยังรับปักและสกรีนโลโก้ ยี่ห้อให้กับร้านค้า บริษัท หรือลูกค้าที่มาสั่งทำอีกด้วย เรียกว่าระหว่างมาเดินช้อป เราก็สามารถแวะมาสั่งปักเสื้อที่นี่ได้ด้วยค่ะ ประหยัดเวลาแถมสะดวกสุดๆ


ลงไปสำรวจชั้น G หรือชั้นใต้ดินของห้างกันบ้าง ชั้นนี้เป็นชั้นที่รวบรวมทั้งสินค้าแฮนด์เมด ภาพวาด เสื้อผ้า เครื่องประดับ แอ็กเซสเซอรี่ต่างๆ  ของแต่งบ้าน สินค้า OTOP ฯลฯ รวมทั้งยังมีร้านขายยาและซูเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วยค่ะ อย่างร้านนี้ “บุญญอาร์ต” ร้านขายเฟอร์นิเจอร์สไตล์หลุยส์และวิกตอเรียนโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบของตกแต่งบ้านแนวหรูหรา ร้านนี้อยู่ที่โซน G ห้อง G1-6 ค่ะ


ถัดมาเป็นร้านขายอุปกรณ์จานชามบนโต๊ะอาหารอย่างร้าน “Bechef” มีทั้งขายส่งและขายปลีก ส่วนใหญ่ลูกค้าประจำร้านนี้จะเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟต่างๆ มาเลือกซื้อไปใช้เสิร์ฟอาหารที่ร้านค่ะ


ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก เราก็พบกับร้าน “พี่น้องเบญจรงค์” ร้านขายเครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง ที่มีโรงงานผลิตเครื่องเบญจรงค์ต้นกำเนิดขึ้นชื่ออยู่ที่สมุทรสาคร และมีหน้าร้านที่กรุงเทพฯ ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นค่ะ สินค้าภายในร้านมีทั้งชุดน้ำชาเบญจรงค์ ถ้วย จาน ชาม เชี่ยนหมาก โถเบญจรงค์ ฯลฯ สามารถสั่งทำตามออร์เดอร์และมีบริการจัดส่งให้ด้วยค่ะ


ส่วนใครชอบแฟชั่นผ้ากันเปื้อนสไตล์ชิคๆ ฮิปๆ ต้องแวะมาร้านนี้ “Tak-Tau idea” ที่รวบรวมสินค้างานแฮนคราฟต์เก๋ๆ ทั้งเอี๊ยมผ้ากันเปื้อนที่ทำจากผ้ายีนส์ญี่ปุ่นดีไซน์สุดชิค กางเกงยีนส์ กระเป๋าหนัง และกระเป๋าผ้า รับรองว่าเก๋ไก๋ดีไซน์ไม่ซ้ำแบบใคร


คนรักผ้าไทยต้องไม่พลาดร้าน “พนมกร” ร้านผ้าซิ่นทอมือโบราณ ที่มีผ้าทอมือสวยๆ ทั้งผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม ผ้าซิ่นนาหมื่น เมืองน่าน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอย่างย่ามและผ้าพันคอทอมือสวยๆ จำหน่ายอีกด้วยค่ะ


อีกร้านที่น่าสนใจไม่แพ้กัน “นายฮ้อยเก่ง” ร้านผ้าไทยสวยๆ ที่มีทั้งผ้าทอมือ ผ้าซิ่น ผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นงานที่ร้านออกแบบดีไซน์ให้ชาวบ้านในชุมชนทางอีสานอย่างกาฬสินธุ์และร้อยเอ็ดช่วยกันทอขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่ละผืนจึงมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใครเลยค่ะ


ขึ้นไปชมชั้น 2 หรือที่เรียกว่า Floor S กันบ้าง ชั้นนี้จะรวมทั้งของเก่าแนวแอนทีค ภาพวาด งานศิลปะ อุปกรณ์จัดเลี้ยง ของตกแต่งบ้าน และยังมี Food Court ให้มาฝากท้องหากใครช้อปแล้วเกิดหิวอีกด้วยค่ะ ต้องบอกว่าฟู้ดคอร์ทที่นี่อาหารราคาไม่แพงเลย ข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นแค่ชามละ 40 บาทเท่านั้น แถมยังอร่อยและสะอาด ไม่ต้องตากแดดออกไปหาอะไรทานร้อนๆ ข้างนอก แถมมีโต๊ะที่นั่งไว้รองรับให้บริการหลากหลายอีกด้วยค่ะ

 


อิ่มท้องแล้วไปเดินช้อปกันต่อ ร้านนี้เด่นสะดุดตาสุดๆ เลยค่ะ กับ “Thailand DIY” ร้านขายอุปกรณ์แนว DIY สำหรับงานแฮนด์เมดที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลายมากๆ อาทิ แม่พิมพ์ซิลิโคน หัวน้ำหอม พาราฟิน น้ำมันหอมระเหย สมุนไพร ดอกไม้แห้ง สีน้ำ สีน้ำมัน อุปกรณ์ตกแต่ง ฯลฯ และยังมีคลาสสอนทำสบู่ และ Handmade Cosmetic สำหรับใครที่สนใจด้วย


ไม่ไกลกันเราก็เจอกับร้าน “Saboo (Thailand)” ร้านขายสบู่แฮนด์เมด ที่ผลิตจากสมุนไพรไทยธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ อาทิ สบู่ดอกไม้ สบู่ผลไม้ สบู่ผัก และยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งผงอาบน้ำ Massage Oil อโรม่า ฯลฯ ให้คุณสาวๆ ได้เลือกซื้อไปใช้ หรือจะนำไปเป็นของฝากก็ได้ เพราะทางร้านออกแบบแพ็คเกจจิ้งได้เก๋ไก๋ทีเดียวค่ะ


นอกจากของใช้ ของตกแต่งบ้านแล้ว ชั้น 2 ยังมีร้านภาพวาดที่เป็นเหมือนแกลเลอรี่ย่อมๆ ที่มีผลงานศิลปะมากมาย แต่ร้านที่เราคิดว่าน่าสนใจ คือร้าน “ชนะ ศิลปากร” ร้านจำหน่ายงานภาพจิตรกรรมไทยที่วาดลงบนไม้สักเก่า โดยเจ้าของร้านทำงานที่กรมศิลปากร จึงสะท้อนออกมาเป็นภาพสไตล์โบราณสมัยต้นอยุธยา-ต้นรัตนโกสินทร์ งดงามน่าชมจริงๆ ค่ะ


ส่วนใครชอบของเล่นแนวโมเดลรถไฟจำลอง ต้องไม่พลาดร้านนี้ “Sense of Scale” ที่มีโมเดลรถไฟจำลองนำเข้าจากประเทศเยอรมนี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ซึ่งสามารถวิ่งได้จริงๆ เหมาะสำหรับนักสะสม หรือคนที่ชื่นชอบรถไฟรุ่นต่างๆ นอกจากนี้ ทางร้านยังมีฟิกเกอร์รูปคนจำลองสำหรับใครที่อยากนำไปใช้เป็นพร็อบเวลาถ่ายรูปเก๋ๆ ด้วยค่ะ


เอาใจชาว Biker ที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์กันบ้าง กับร้าน “L.A Choppers” ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าและแอกเซสเซอรี่สำหรับลูกค้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์ของทุกค่าย โดยมีทั้งหมวกกันน็อค ถุงมือ แว่นตากันแดด กันลม รองเท้าผ้าใบที่มีการ์ดไว้ป้องกันเวลาขี่รถ โดยทุกชิ้นล้วนเป็นสินค้าคัดสรรที่ได้มาตรฐานสากล นำเข้าจากยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่น โดยดีไซน์ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์วินเทจเท่ๆ ค่ะ


ส่วนชาว Pet Lovers ที่รักสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย พลาดไม่ได้เลยกับร้าน “แอตแลนติส” ร้านขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงแทบทุกชนิด ทั้งตู้ไม้น้ำ ตู้ปลาทะเล อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์น้ำ รวมทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับน้องหมา น้องแมว กระต่าย ฯลฯ โดยรวมแบรนด์สินค้าและอุปกรณ์ชั้นนำที่มีคุณภาพจากทั่วโลกมาไว้ให้เลือกสรรในที่เดียวแบบ One Stop Service สินค้าทุกชิ้นในร้านการันตีคุณภาพ ราคามาตรฐานและการบริการที่เป็นกันเอง


นอกจากนี้ ที่ร้านยังมีสัตว์น้ำและสัตว์เลื้อยคลานหายากจำหน่าย อยากเลี้ยงอะไรลองมาปรึกษาพนักงานและพี่เจ้าของร้านได้เลยค่ะ ใจดีและเต็มใจให้บริการมากๆ แถมบรรยากาศภายในร้านยังสะอาด ไม่มีกลิ่นและไม่ร้อนเหมือนโซนสัตว์เลี้ยงข้างนอก เดินช้อปในห้องแอร์ได้แบบสบายใจ



ปิดท้ายด้วยร้านโคมไฟสวยๆ กับร้าน “Tiffany Lighting” ร้านโคมไฟสเตนกลาสที่นำเข้าจากอเมริกา ร้านนี้จะเน้นโคมไฟที่ทำจากกระจกสีหรือที่เรียกกันว่าโคมไฟทิฟฟานี่โดยเฉพาะ และยังมีของตกแต่งบ้านสวยๆ อาทิ คริสตัลและกรอบรูปจากประเทศเชค อิตาลี ฝรั่งเศสให้เลือกช้อปไปตกแต่งบ้านกันอีกด้วยค่ะ


เป็นยังไงบ้างคะ กับร้านเด็ดๆ น่าสนใจในเจเจมอลล์ที่เรานำมาฝาก เรียกว่ามาเดินช้อปที่นี่ที่เดียว มีครบแทบทุกอย่าง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เลยจริงๆ ใครอยากหาที่เดินเล่นช้อปปิ้งเพลินๆ มีสินค้าให้เลือกหลากหลายแบบนี้ ลองแวะมาเดินเล่นที่ เจเจมอลล์เปิดตั้งแต่ 10.30-19.00 น. ทุกวัน รับรองมาที่นี่ที่เดียว “ฟิน” จริงๆ ค่ะ






 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close