bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ขับรถเที่ยว จันทบุรี - ระยอง - ชลบุรี 3 วัน 2 คืน เที่ยวยกแก๊งค์ฟินยกก๊วน

calendar_month 02 ก.ย. 2016 / stylus นางสาวฮานะ ชิลไปไหน / visibility 435,991 / ทริปตัวอย่าง

 


 
ชายหนุ่มข้างๆ ของสาวสีส้ม กำลังเห่อพี่ Hyundai H-1 Deluxe ป้ายแดงที่เพิ่งไปถอยมาใหม่ วันนี้ชายหนุ่มข้างกายเลยขออาสาพาสาวสีส้มแอนด์เดอะแก๊งค์ไปเที่ยวทะเล จันทบุรี - ระยอง - ชลบุรี แบบ 3 วัน 2 คืน ทริปนี้เลยเป็นทริปที่สนุก มีความสุข เต็มอิ่มไปด้วยที่เที่ยว ที่พักบรรยากาศสุดฟิน และร้านกินสุดเริ่ด ถ้าพร้อมแล้วก็ใส่เกียร์ D แล้วขับรถตามเรามาเลยค่ะ 

สมาชิกผู้เดินทางของเราทั้งหมด 6 คน พร้อมกระเป๋าของสาวๆ ที่บรรจุเสื้อผ้า เครื่องสำอาง บิกินี่สีเจ็บที่เตรียมเอาไปถ่ายรูป กระเป๋าเสื้อผ้าของพวกเราใบใหญ่จนหนุ่มข้างกายแอบแซวว่าเหมือนขนตู้เสื้อผ้าไปคนละใบ
 

แต่งานนี้สำหรับพี่ Hyundai H-1  ก็เอาอยู่ เพราะเป็นรถ MPV เอนกประสงค์ที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารอย่างสะดวกสบายถึง 11 ที่นั่ง สามารถปรับเลื่อนตำแหน่งเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระตามความต้องการ ที่สามารถจุเดอะแก๊งค์พร้อมกระเป๋าได้อย่างสบายๆ มีที่เหลือว่างให้ซื้อของฝากใส่รถกลับบ้านได้อีกหลายกล่อง อย่างทริปนี้ 4 สาวด้านหลังก็ปรับเบาะหมุน 180 องศา หันหน้ามาเม้าท์มอยกันตลอดทาง 555
 

ใครที่คิดว่าการขับรถคันใหญ่ๆ เป็นเรื่องยาก ถ้าได้ลองขับ Hyundai H-1 รับรองว่าจะเปลี่ยนความคิดไปเลยค่ะ เพราะ H-1 มี SMART VIEW ระบบแสดงภาพรอบทิศทาง จากกล้อง 4 จุดที่ติดตั้งรอบตัวรถ ทำให้กะระยะได้อย่างมั่นใจ ช่วยให้การจอดรถกลายเป็นเรื่องง่าย และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.6 เมตร ทำให้ H-1  ขับง่ายและคล่องตัวกว่าที่คิด   
 



พวกเรานัดกันตั้งแต่หกโมงเช้าค่ะ ออกเร็วๆ จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ โดยเราใช้เส้นทางพระราม 9 - มอเตอร์เวย์ และขับไปทางบ้านบึง ผ่านแกลง เพื่อเข้าสู่จันทบุรี การเดินทางครั้งนี้ไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะเพราะในรถ Hyundai H-1 มี GPS ที่บอกตำแหน่งได้แม่นยำ ดูแผนที่ได้ง่ายสะดวกสบายมากๆ


 
ประมาณ 4 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงจันทบุรีแล้วค่ะ โดยที่แรกที่ขอไปแชะภาพ ชมความสวยงามก็คือ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลซึ่งเป็นอาสนวิหารสไตล์กอทิกของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และเป็นหนึ่งในวิหารที่สวยที่สุดในประเทศไทย 
 

 
เราจอดรถไว้ที่บริเวณหน้าอาสนวิหารฯ แล้วเดินข้ามสะพานนิรมลไปยังชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูรที่เต็มไปด้วยบ้านไม้แบบเก่า ตึกรามบ้านช่องที่ยังคงความสวยงามจากอดีตจนมาถึงปัจจุบัน 


 
และบริเวณชุมชนเก่าแห่งนี้ยังมีภาพเขียนฝาผนัง กราฟฟิตี้เก๋ๆ ที่ให้เราได้ถ่ายรูปราวกับกำลังเดินอยู่ที่ปีนังเลยล่ะค่ะ



 
แวะมาทานเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้าน C.A.P (Cafe And People) ร้านกาแฟสุดฮิปตั้งอยู่ในชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร คอนเฟิร์มเลยค่ะว่าร้านนี้ขนมและเครื่องดื่มอร่อยมากๆ นอกจกนี้ยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆภายในร้านอีกด้วย
 
 

ขนมอร่อยมากๆ บาริสต้าก็งานดีค่ะ ^_^

 
 
เดินเล่นที่ริมน้ำเก่าจันทบูรจนบ่ายคล้อยเราก็เดินทางไปยังสายน้ำจันท์โฮมสเตย์ โฮมสเตย์เปิดใหม่ล่าสุดริมแม่น้ำจันทบุรีที่พักของเราคืนนี้ค่ะ
 



สายน้ำจันท์ เป็นโฮมสเตย์ที่บรรยากาศชิลมากๆ เหมือนนอนอยู่ในบ้านสวนเลยล่ะค่ะ ค่าที่พักเพียง 1,500 บาทต่อคนเท่านั้น โดยจะรวมอาหาร 3 มื้อและกิจกรรมล่องแพเปียกและพายเรือคายัคคุ้มมากๆ เลยค่ะ
 
 
 
ไปล่องแพเปียกกันโดยเขาจะนำเรือหางยาวมาลากแพไม้ไผ่พาไปชมธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้านริมนำจันทบุรี

 
 
อาหารเย็นคืนนี้ของเราจัดหนักด้วยซีฟู้ดทั้งปู ทั้งกุ้ง  ใครยังไม่อิ่มก็สามารถเติมได้ด้วย

 

บรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำจันทบุรีสวยงามและโรแมนติกมากๆ เลยค่ะ




 
เมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม เช้านี้เราเลยตื่นมาด้วยความสดใส และขอเติมพลังด้วยข้าวต้มทะเลร้อนๆ กาแฟและขนมปังปิ้ง เป็นมื้อเช้าที่เรียบง่ายแต่อร่อยสุดๆ 

 
 
โบกมือลาสายน้ำจันท์โฮมสเตย์เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปของเรานั่นก็คือจังหวัดระยอง(ฮิ) กันค่ะ

เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็ขนสัมภาระขึ้นรถ จุดเด่นของ Hyundai H-1 อีกอย่างก็คือ POWER SLIDING DOOR หรือประตูบานเลื่อนไฟฟ้าที่เปิดได้ทั้งซ้ายและขวา ทำให้การขึ้นลงและขนของสะดวกมากๆค่ะ  

 
 
ขับรถมาไม่นานเราก็ถึงอนุสรณ์เรือรบหลวงประแสร์ อนุสรณ์สถานของเรือมีที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ราชนาวีไทย ตั้งตระหง่านอยู่ที่ปากน้ำประแสร์โดยเราสามารถเข้าไปชมภายในตัวเรือได้ทุกวันและไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ




ด้านบนของเรือสามารถชมวิวสวยๆ ของปากน้ำประแสร์ได้ด้วย

  
 
จากอนุสรณ์เรือรบหลวงประแสร์เราจอดรถเอาไว้แล้วเดินไปยังทุ่งโปรงทองปากน้ำประแสร์ แหล่งท่องเทียวเชิงอนุรักษ์ มีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ โดยเราจะต้องเดินไปบนสะพานไม้ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตรไปยังทุ่งโปรงทอง เดินชิลๆ มาเรื่อยๆ อากาศดีแดดไม่ร้อนก็ได้เจอกับภาพทุ่งต้นโปรงสีเขียวปนเหลืองอร่ามตาเต็มท้องทุ่งเลยค่ะ
 

 
พอบ่ายคล้อยก็เตรียมเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ที่ได้รวบรวมของสะสมในสมัยอดีตเอาไว้มากมาย เดินเข้ามาแล้วเหมือนย้อนยุคไปในอดีตในสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาว มีการจำลองร้านตัดผม ห้องเรียนสมัยเก่าให้เราได้ถ่ายรูปเก๋ๆ อีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์จะเปิดทุกวันเวลา 9.00-16.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 80 บาทและเด็ก 30 บาท


จากนั้นแวะไปทานเครื่องดื่มเย็นๆ และขนมที่ร้าน CHIM : kitch cafe' ร้านคาเฟ่สุดชิค ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโลตัส แกลง เป็นร้านเล็กๆ ที่น่ารัก น่านั่งมากๆ ค่ะ มาแวะดื่มโกโก้เย็นและทานขนมก่อนเดินทางมุ่งหน้าสู่พัทยา

 
 
จุดหมายต่อไปของเราคือโรงแรมยู พัทยา ที่ตั้งอยู่ริมทะเลบางเสร่  บอกเลยว่าที่นี่สวยจนไม่เหมือนอยู่พัทยาเลยค่ะเพราะบรรยากาศสงบ หาดทรายสวยงาม น้ำทะเลใส

 จอดรถที่หน้า Lobby ปุ๊บ! เปิดประตูท้ายปั๊บ! พี่พนักงานของ ยู พัทยา ก็รีบเข้ามาช่วยเราขนของ แต่บอกเลยว่างานนี้พี่เค้าเหนื่อยแน่ๆ เพราะกระเป๋าของพวกเราเยอะมาก 555+ 

 
 
ห้องพักที่เราพักในคืนนี้คือห้องบีชฟร้อนท์พูลวิลล่า เป็นพูลวิลล่าสุดหรูริมทะเล มีสระว่ายน้ำแบบซีทรูพร้อมที่นั่งส่วนตัวริมสระว่ายน้ำบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ พูลวิลล่าส่วนตัวหน้าห้องพักของเราค่ะ มาถึงก็รีบไปเปลี่ยนบิกินีลงแช่น้ำกันเลย

 

บรรยากาศห้องนอนที่เขาออกแบบได้สวยงามใช้วัสดุธรรมชาติดีไซน์เก๋ไก๋มากๆ

 

อ่างอาบน้ำในห้องนอนโรแมนติกสุดๆ


 
และมื้อค่ำพวกเราทานอาหารกันที่ห้องอาหาร Papillon ห้องอาหารริมทะเลติดสระว่ายน้ำเสิร์ฟอาหารไทยและอาหารฝรั่งเศสสุดอร่อยพร้อมกับชมวิวยามค่ำคืนริมทะเลพัทยาสวยงามสุดประทับใจ

   



 
เช้าวันสุดท้ายของทริป เราตื่นมาทานอาหารเช้าสุดอร่อยภายในห้องอาหารเช้าของโรงแรม ยู พัทยา มีไลน์อาหารให้เลือกทานเยอะมากๆ ค่ะ ทานอาหารและชมวิวทะเลไปด้วยแบบนี้ฟินสุดๆ

 
 
หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เช็คเอาท์เพื่อเดินทางต่อไปยัง Swiss Sheep Farm พัทยา ที่เที่ยวเปิดใหม่สไตล์ยูโรคันทรี่ ท่ามกลางขุนเขา ภายในมีฟาร์มน้องแกะ น้องอัลปาก้า กระต่าย ม้าแคระบรรยากาศเหมือนเมืองนอกเลยค่ะ พร้อมกิจกรรมอีกมากมายทั้งโชว์วิ่งแกะ ขี่ม้า ให้อาหารน้องแกะ และมีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆที่เขาจำลองมาเป็นเมืองสไตล์ยุโรป มีร้านอาหาร คาเฟ่ให้นั่งชิลอีกด้วย  วันจันทร์ - ศุกร์ เปิดบริการตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ เปิดบริการตั้งแต่เวลา 9.00 - 19.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 90 บาท / เด็ก 50 บาท
 


สามารถมาให้อาหารน้องแกะ น้องม้าแคระ น้องกระต่ายได้ด้วยค่ะ

 

บรรยากาศเหมือนหลุดไปในเมืองของยุโรปเลยล่ะค่ะ

 
 
ออกจาก Swiss Sheep Farm สาวๆ ต่างก็บ่นว่าอยากทานส้มตำ งานนี้ชายหนุ่มข้างกายโซเฟอร์ภายในทริปนี้ก็พาเราไปทานส้มตำที่ร้าน "ส้มตำหน้าเมือง" ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนพัทยาเหนือค่ะ 

 

ทั้งไก่ย่าง ส้มตำ ลาบ น้ำตก อร่อยโดนใจมากๆ

 
 
จากร้านส้มตำหน้าเมืองก็ขอแวะไปถ่ายรูปสวยๆ ที่ J-Park ศรีราชา คอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น มีร้านคาเฟ่ ร้านขนมให้นั่งชิลชมวิวแบบญี่ปุ่น ทุกมุมของที่นี่ถ่ายรูปแล้วออกมาดูสวยใสคาวาอี้สไตล์มากๆ


 
จาก J - Park ศรีราชาขับรถไปอีกประมาณ 15 นาทีเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำบางพระ อ่างเก็บน้ำที่มีพื้นที่ถึง 11,600 ไร่ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากๆ อีกแห่งหนึ่งของชลบุรีค่ะ แนะนำว่ามาตอนเย็นๆ บรรยากาศจะชิลมากๆ 

 
 
ด้านบนมีถนนเลียบอ่างเก็บน้ำที่เขาปิดไม่ให้รถเข้า แต่เราสามารถเดินเล่นหรือนำจักรยานขึ้นไปปั่นชมวิวของอ่างเก็บน้ำได้ บรรยากาศชิลสุดๆ


ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการมาดินเนอร์ที่ร้าน Sea Salt ร้านบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ตั้งอยู่ริมทะเลบางพระ จังหวัดชลบุรี เหมาะกับการมานั่งทานอาหารชิลๆ ริมทะเล โดยมีมุมให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นโซนห้องแอร์ โซนระเบียงรับลมชิลๆ หรือถ้าใครมาเป็นคู่ก็ต้องมุมเบาะที่นั่งสุดโรแมนติกริมทะเล พร้อมกับฟังดนตรีสดที่เขาจะมาบรรเลงเพลงเพราะๆ ริมทะเล 
 




ที่นั่งริมทะเลสำหรับคู่รักมานั่งชมพระอาทิตย์ตกริมทะเลโรแมนติกมากๆ ค่ะ



สะพานสีขาวที่ทอดตัวไปในทะเล มุมสุดฮอตของร้านที่เหมาะกับการมาถ่ายรูปยามพระอาทิตย์ตก

 
 
3 วัน 2 คืน กับการเที่ยว 3 จังหวัดภาคตะวันออก สนุกสนาน ประทับใจมากๆ เพราะทริปนี้เป็นการเดินทางกับแก๊งค์เพื่อนสาวสุดซี้ และชายหนุ่มข้างกายที่เป็นสารถีที่ดีงาม พาเราขับรถหาสถานที่สวยๆ และเป็นตากล้องให้สาวๆ ตลอดทริป และที่ขาดไม่ได้คือพี่ Hyundai H-1 คันเก่งคู่ใจที่พาเราเดินทางอย่างปลอดภัยหลับสบายกันตลอดทางบนรถ ใครที่อยากหาทริปเที่ยวชิลๆ ช่วงวันหยุดก็ลองนำทริปนี้ไปใช้กันได้เลยนะคะ

 



 

เขียนโดย
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
นางสาวฮานะ ชิลไปไหน
close