bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

5 ทริปสั้นๆกับเวลา 2 วัน 1 คืน มีเวลาน้อยนิด อยากไปนอนชิคก็ทำได้

calendar_month 27 เม.ย. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 646,323 / สถานที่ยอดนิยม




 เวลากับเรื่องเที่ยวนี่สวนทางกันตลอดเลยค่ะ
 อยากไปเที่ยว มีวันหยุดน้อยนิด แต่ก็ไม่อยากลางาน
 ปัญหาใหญ่สำหรับหลายๆคน เพราะเรารู้ว่าเรื่องเที่ยวมันสำคัญ
 ต่อให้มีเวลาไม่มาก แต่ถ้าอยากเที่ยวซะอย่างก็สามารถ ~
 นี่เลยค่ะ 5 ทริปสั้นๆกับเวลา 2 วัน 1 คืน มีเวลาน้อยนิด อยากไปนอนชิคก็ทำได้
 ทริปง่ายๆสั้นๆ ฉบับพกพาสำหรับคนไม่มีเวลาแบบชิล

05

 


เกาะล้าน จ.ชลบุรี

วันที่ 1 
 
เช้า : ตั้งต้นกันที่การมาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ข้างโชว์รูมซูซูกิ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง รถจะมาส่งที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย จากนั้นซื้อตั๋วต่อเรือมาที่เกาะล้าน การเดินทางบนเกาะ ใครขี่รถเก่งก็สามารถเช่ามอเตอร์ไซต์ขี่ทั่วเกาะ หรือจะอาศัยขึ้นรถสองแถวเที่ยวก็ได้ค่ะ

กลางวัน : กลางวันแล้วก็ต้องหาของอร่อยรองท้อง เราขอเลือกร้านครัวพวงพยอม อีกหนึ่งร้านบรรยากาศดี ที่เน้นการตกแต่งภายในและภายนอกอย่างสวยงาม โดยเน้นบรรยากาศแบบ Outdoor ให้คุณได้รับลมชมวิวทะเลเพลินๆ แถมอาหารก็สดใหม่ส่งตรงจากทะเลไว้เป็นทางออกสำหรับการเติมพลังในวันนี้ค่ะ เสร็จแล้วเราก็จะไปเที่ยวต่อที่หาดตาแหวน ชายหาดขึ้นชื่อที่ครึกครื้นที่สุดของเกาะล้าน เพื่อเล่นน้ำกัน หากใครเล่นทะเลจนตัวเปื่อยก็ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศชมวิวสวยๆที่จุดชมวิวเขานม จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเกาะล้านก็ได้นะ บนนี้เราสามารถเห็นวิวพาโนรามาของเกาะได้ชัดแจ๋วเลยทีเดียว
 
เย็น : เล่นน้ำจนพอใจคราวนี้ ก็มาต่อกันที่ร้านคาเฟ่สุดฮิปขวัญใจวัยรุ่นอย่างมาหารักคาเฟ่ ร้านกาแฟสไตล์มินิมอลสิลต์ ซึ่งจะมีที่นั่งเทอร์เรสริมทะเลให้ได้นั่งเล่นชมวิวสวยๆและฟังเสียงคลื่น พร้อมจิบกาแฟร้อนๆ เคล้าไปกับบรรยากาศที่แสนจะน่ารัก นั่งเล่น ฟังเพลงไปเพลินๆ กว่าจะกลับก็ค่ำแล้ว สำหรับที่พักในคืนนี้เราเลือกเป็นบ้านเฉลียงลมค่ะ ที่พักสุดฮิตราคาไม่แพงบนเกาะล้าน นอกจากห้องพักสวยๆ สีสันสดใส แต่ราคาเบ๊าเบา ภายในที่พักยังมีร้านอาหารบรรยากาศดีสุดๆ ไว้ให้บริการลูกค้าอีกด้วย โดยเฉพาะยามเย็นที่บริเวณเฉลียงลมจะมีบาร์เล็กๆ ริมทะเลที่เปิดใหม่บริการ พร้อมกับดนตรีสด ขอบอกว่าชิลมากๆ และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกแบบทุกสไลต์ สำหรับคืนนี้ปิดจ็อบที่นี่เลยแล้วกัน

วันที่ 2 

 เช้า :
หลังจากนอนกันจนเต็มอิ่ม กินข้าวเช้าที่รีสอร์ทเรียบร้อย ก่อนกลับยังมีเวลาเหลือ เราเลยแวะมาไหว้พระที่จุดชมวิวเจ้าแม่กวนอิมค่ะ จุดสังเกตคือจะมีเสาไฟฟ้าแรงสูงต้นใหญ่ๆ บอกว่าเป็นทางเข้าเด่นเป็นสง่าอยู่ จากจุดชมวิวเจ้าแม่กวนอิมเพื่อนๆสามารถมองเห็นหาดตาแหวนได้อย่างชัดเจน เรียกว่าทั้งสูง และสวยคุ้มค่ากับการขึ้นมามากๆ

กลางวัน : เราออกจากเกาะล้านประมาณเที่ยงต่อเรือกลับสู่พัทยา เพื่อขึ้นรถตู้กลับบ้าน

 

 

 

จ.จันทบุรี

วันที่ 1

เช้า : รถตู้ยังคงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมของพวกเราค่ะ เพราะงั้นเราเลยเลือกขึ้นรถตู้มุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรีเช่นเดิม โดยเลือกออกตอนสายหน่อย แต่คิวรถที่เซ็นจูรี่ให้บริการทุกวันเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า - 1 ทุ่ม โดยรถตู้จะจอดที่ห้างโรบินสัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง จากนั้นก็ต่อรถสองแถวไปยังเป้าหมายต่อไปอย่างชุมชนริมน้ำจันทบูร
 
กลางวัน : หาอะไรเติมพลังจนอิ่มแปล้ เราก็คว้ากล้องไปเดินถ่ายรูปย่านเก่าแก่อายุ 300 ปีนี้กันต่อ เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอสะพานอยู่ด้านซ้ายมือ ข้ามสะพานไปก็จะเจอโบสถ์คริสต์เมืองจันทร์ โบสถ์คาทอลิคยอดหลังคาเเหลมสูง ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นภาพนักบุญต่างๆที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเลยค่ะ เดินดูนั่นดูนี่ถ่ายรูปจนเหนื่อย ก็แวะเข้ามานั่งพักจิบกาแฟเล่น เช็คอินเฟซบุ้คที่ร้านกาแฟเก๋ๆอย่าง C.A.P เอาแรง

เย็น : เข้าพักกันที่โรงแรมท่ามาจัน ที่พักสวยริมน้ำจันทบูรที่แอบแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างมากมาย ใครที่กำลังจะแวะมาเยี่ยม เยือนเมืองจันท์ที่นี้จะเป็นอีกหนึ่งที่พักที่ทำให้คุณได้สัมผัสเสน่ห์ของเมืองจันท์ได้อย่างเต็มอิ่มแน่นอนค่ะ 
 
วันที่ 2

 เช้า : 
วันนี้เราตื่นเช้า กินข้าวอาบน้ำเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปยังอ่าวคุ้งวิมาน เอาเท้าเตะน้ำ เตะทรายจนพอใจ ถ่ายรูปไปสักพัก ก็ไปต่อกันที่จุดชมวิวเนินนางพญา จุดชมวิวสุดสวยเลียบชายทะเลที่หลายคนอาจเคยได้เห็นผ่านตาจากรูปถ่าย เค้าบอกว่าถนนสายนี้เป็นถนนเลียบชายหาดที่สวยที่สุดในภาคตะวันออกเลยนะ จุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเที่ยวจันทบุรีก็ว่าได้ ทริปนี้เรามาถึงตอนสายๆ อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่สวยที่สุด แต่ก็ถือว่าสวยไปอีกแบบ จบจากคุ้งวิมานมุ่งสู่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกจุดที่น่าสนใจของจันทบุรี โดยจะมีทางเดินไม้ เลาะไปตามป่าชายเลน จุดประสงค์หลักๆ ของนักท่องเที่ยวก็คือมาถ่ายรูปกับทางเดินไม้สวยๆ สะพานไม้ และหอคอยชมวิวนี่แหละ

กลางวัน : พักกินข้าวเที่ยงแพร้บก่อนไปเล่นน้ำกับปลาพลวงที่น้ำตกพลิ้วกันต่อ ชั้นยอดนิยมจะเป็นชั้นที่ 3 ซึ่งจะมองเห็นสายน้ำตกลงผ่านซอกหลืบผาหิน เป็นร่องลงสู่แอ่งน้ำกว้าง น้ำเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม พอได้ผ่อนคลายไปกับการเอาเท้าแช่น้ำเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้านกันแล้ว

 

C.A.P Cafe and People

 

จ.กาญจนบุรี

วันที่ 1
 
เช้า : จากกรุงเทพฯ เราออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีโดยรถตู้ ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็ถึง เราเลยแวะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆกันค่ะ โดยจุดแรกที่เราก็แวะอินกันในย่านตัวเมืองเก่าที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลอดสองฝั่งยังคงมีบ้านเรือนสไตล์โคโลเนียล บ้านบ้างหลังได้เปิดให้เป็นสถานที่ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ บ้างหลังก็เปลี่ยนเป็นร้านกาแฟชิคๆ แต่ก็ยังคงกลิ่นอายความเก๋าในวันเก่าๆ ได้ดีทีเดียว จากร้านกาแฟไปไม่ไกลเราแวะไปเช็คอินในสถานที่ห้ามพลาด เพราะถ้าไม่แวะถ่ายรูปตรงนี้ เขาว่ากันว่าเหมือนมาไม่ถึงนั้นคือสะพานข้ามแม่น้ำแคว แลนมาร์คสำคัญของจังหวัดนั่นเอง

กลางวัน : แต่เนื่องจากตอนที่เรามาถึงบ่ายแล้ว ครั้งนี้เลยขอแชะภาพเก๋ๆบนสะพานไว้เป็นที่ระลึกแล้วรีบไปหลบร้อนหาของอร่อยกินที่ร้านไลบรารี่ คาเฟ่ คาเฟ่สุดชิคริมถนนแม่น้ำแควกันต่อ ใครมาเที่ยวเมืองกาญ กำลังมองหาร้านชิลๆ เท่ๆ มีมุมถ่ายภาพเก๋ๆ มีขนมอร่อยๆ และยังมีมุมหนังสือให้ได้อ่านกันเพลินๆ สำหรับพักขาและร่างกายอันเหนื่อยล้าหลังจากเดินกันมาเหนื่อยๆทั้งวัน ที่นี่แหละค่ะ เหมาะสุดๆรับรองสบายจนหายเหนื่อย

เย็น : เพราะทริปนี้เราเลือกหลบหนีความวุ่นวาย ไปพักผ่อนอย่าง ที่พักที่เราเลือกมาตกอยู่ที่บ้านกกกอด ที่พักขนาดเล็ก ที่มีห้องพักเพียง 11 ห้องเท่านั้น แต่ที่นี่กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่นที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติของสายน้ำ และขุนเขาที่สูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง แล้วมาพักผ่อนกาย และใจในสถานที่เงียบสงบ และเป็นส่วนตัว มีเวลาให้ได้พูดคุยกับคนรัก ปรับความเข้าใจและใช้เวลาให้กันมากขึ้น รับรองว่าที่นี้จะเป็นอีกหนึ่งที่พักที่จะทำให้คุณไม่ผิดหวังแน่นอน

 

วันที่ 2


เช้า : เราตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่คุ้งน้ำแต่เช้า บรรยากาศสวยและสงบมาก ก่อนจะเข้าไปกินข้าวเช้ากันที่รีสอร์ท เก็บกระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทางต่อ

กลางวัน : แวะไหว้พระที่วัดถ้ำเสือเพื่อความเป็นสิริมงคล ถ่ายรูปชมวิวนิดหน่อย ก่อนจะไปแวะตลาดหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน



 
บ้านกกกอด กาญจนบุรี
 






อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

วันที่ 1 
 
เช้า : เนื่องจากวันนี้เป้าหมายที่เราจะไปอยู่ไม่ไกลมาก แค่อัมพวาสมุทรสงครามเท่านั้นเอง ช่วงสายๆเราเลยนัดเพื่อนซี้คู่หูคนเดิมมาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ใช้เวลาหลับไม่กี่อึดใจแค่ชั่วโมงกว่าๆ แปปเดียวก็ถึงที่หมายแล้ว

กลางวัน : คว้าหมวกใบเก่ง สะพายเป้ลงจากรถ ไปเดินเล่นดูภาพเขียนผนังโบสถ์สวยๆ ในวัดอัมพวันเจติยาราม กับอุทยาน ร.2 ชมนก ชมไม้ไป ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน เหลือบมองนาฬิกายังมีเวลาเหลือเฟือเลยต่อด้วยการล่องเรือไหว้พระ จนอิ่มบุญอิ่มอกอิ่มใจก็กลับมาขึ้นเรือที่ตลาดเช่นเดิม แล้วหอบหิ้วตัวเองไปฝากท้องกันที่ร้านภวัตส้มตำไก่ย่าง ร้านส้มตำสุบแซ่บ ร้านขึ้นชื่อของอัมพวา ซึ่งมีจุดเด่นคือไก่ย่างที่อร่อยโดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม เพราะจะหมักจนเข้าเนื้อและส้มตำที่อร่อยแซ่บไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนแน่นอน พอมีแรงได้ที่เราก็เช่ามอเตอร์ไซค์ออกไปเที่ยวรอบๆ ใกล้อัมพวาอย่างบ้านแมวไทยโบราณ ตลาดน้ำบางน้อย และที่อื่นๆกันต่อจนพอใจ

 
เย็น : ไฮไลท์ของทริปนี้อยู่ตอนเย็นนี่แหละค่ะ มาถึงที่ทั้งทีต้องไม่พลาดการเดินช้อปปิ้งที่ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา ซื้อหาของฝากของที่ระลึก เดินหาของอร่อยผลัดกันชิมไปเรื่อยจนค่ำ ก็ถึงเวลาล่องเรือดูหิ่งห้อยตามลำน้ำแม่กลอง ก่อนจะกลับไปนอนฝันหวานที่โฮมสเตย์ริมน้ำสุดน่ารักอย่างบ้านรักอัมพวา  

วันที่ 2

 เช้า : 
ตื่นแต่เช้าหน่อยมาตักบาตรพระที่พายเรือผ่านหน้าที่พัก แล้วซ้อนท้ายเพื่อนแว๊นซ์ไปเที่ยวตลาดน้ำยามเช้าท่าคา พร้อมทานมื้อเช้าริมคลองซึมซับบรรยากาศและธรรมชาติกันอย่างเต็มที่ แนะนำสาวๆ ต้องลองหอยทอดเตาถ่าน ขนมเบื้องโบราณ และน้ำมะพร้าวหวานหอมสดๆจากสวน แล้วจะรู้ว่าฟินแบบลืมคำนวณน้ำหนักเป็นยังไง ตลาดใกล้จะวาย ขับรถกลับมาอาบน้ำเก็บของที่ที่พัก เช็คเอาท์เรียบร้อย

กลางวัน : เกี่ยวก้อยเพื่อนไปเที่ยวโบสถ์บางนกแขวก อย่าลืมร่มเก๋ๆ กับหมวกใบสวยติดกระเป๋าไปด้วย แล้วขี่รถแวะไปตลาดบางนกแขวกที่อยู่ใกล้ๆสั่ง ก๋วยเตี๋ยวกะลาโบราณมาคนละถ้วย ถ้ายังไม่อิ่มชวนไปชิมผัดไทยกุ้งแม่น้ำ แค่นี้ก็อิ่มพุงกางจนตาแทบปิด ได้ฤกษ์เอามอเตอร์ไซต์กลับไปคืน แล้วก็ถึงเวลาตีตั๋วนอนยาวกลับบ้านกันสักที


 





 

บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

วันที่ 1 

เช้า : เราหารถเพื่อไปยังท่าเรือคลองเตย โดยลงตรงวัดคลองเตยนอก จากนั้นตรงหน้าวัดจะมีทางเดินเล็กๆ ให้เดินไปจนสุดซอยจะเจอท่าเรือข้ามฟากไปยังบางกระเจ้า เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ราคาเที่ยวละ 10 บาท

กลางวัน : ไฮไลท์ของการมาเที่ยวบางกระเจ้า ปอดของคนเมืองกรุงฯอย่างเราๆ ก็คือการปั่นจักรยานออกกำลังกาย ชมวิว และสูดอากาศบริสุทธิ์ค่ะ แถมยังมีมุมน่ารักๆร่มรื่นให้ถ่ายรูปได้อีกเพียบ ถูกใจสาวๆแน่นอน ปั่นจักรยานวนไปจนหมดแรง ถึงคราวต้องเติมพลังหาของอร่อยใส่ท้องกันแล้ว ร้านที่เราเลือกคือร้านบรรยากาศดีริมน้ำ นามว่าพบรักบางน้ำผึ้ง โดยที่นี่เป็นทั้งร้านกาแฟ และโฮมสเตย์ในที่เดียวกัน มีทั้งโซนที่เป็นห้องแอร์ และริมน้ำสำหรับนั่งมองเรือแล่นผ่านไปมาแบบชิลๆด้วยล่ะ

เย็น : ผ่อนคลายกันจนหมดวันแล้ว คืนนี้เราค้างกันที่พบรัก บางน้ำผึ้ง โฮมสเตย์สุดน่ารักที่สร้างโดยคนบางน้ำผึ้งแท้ๆ และพลาดไม่ได้เลยในช่วงเวลากลางคืน เพราะที่พบรักบางน้ำผึ้งแห่งนี้จะมีเจ้าสัตว์เรืองแสง ตัวเล็กน่ารักอย่างหิ่งห้อยมาบินวนเวียนรอบต้นลำพูอายุกว่า 100 ปีให้เราได้ชมกันถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว 


วันที่ 2 

เช้า :
 วันนี้เราตื่นสายหน่อย เพราะไม่ได้รีบไปไหน 
ก่อนจะแวะไปที่ตลาดบางน้ำผึ้ง สำหรับหาของอร่อยเป็นมื้อเช้า และช้อปปิ้งติดไม้ติดมือกลับมาฝากคนที่บ้านกันค่ะ ซึ่งตลาดน้ำบางน้ำผึ้งแห่งนี้ เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์เท่านั้น ตั้งแต่ เวลา 08.00 - 14.30 น. โดยประมาณ เสร็จแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้านกัน 






เรียบเรียงโดยชิลไปไหน

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close