bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

ทริป 3 วัน 2 คืนพิชิต...ดอยหลวงตาก

calendar_month 17 ส.ค. 2015 / stylus Admin Chillpainai / visibility 28,689 / ทริปตัวอย่าง



 
หลังจากห่างหายจากการเดินป่ามานาน ประจบเหมาะกับช่วงนั้นว่างพอดี เปิดอินเตอร์เน็ตมาเจอรูป ดอยหลวงตาก จากทัวร์ที่รู้จักเห็นแล้วอดใจไม่ไหว ลงชื่อไปด้วยเลยค่ะ ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยนอกจากมาทาก ได้เวลาออกเดินทางกันเลย



Story&Photo: ปรางสามยอด


 


 
เราออกเดินทางกันคืนวันศุกร์เช่นเดิม จากกรุงเทพประมาณสองทุ่ม เราถึงที่ทำการเทศบาลบ้านท่าแซะ อ.บ้านตาก จ.ตาก ประมาณตีสาม แยกย้ายกันพักผ่อน ห้องนอนห้องใหญ่มาก
 

 
เช้าวันเสาร์ ตื่นมาล้างหน้าล้างตาแพ็คของที่จำเป็น(น้ำ/ถุงนอน/ถุงกันทาก/ขนมที่ให้พลังงานสูง) ส่วนที่นอนและเสบียงลูกหาบจะเป็นคนขนให้ รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ
เราเดินทางไปยังจุดเดินเท้าด้วยรถกระบะและรถบรรทุกเล็กที่ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ และเทศบาลมีบริการให้ ทุกกรุ๊ปจะมีเจ้าหน้าที่นำทางกรุ๊ปละอย่างน้อย1คน 
 
 
ถึงจุดเดินเท้า ป้ายเขียนว่า “เส้นทางศึกษาธรรมชาติดอยหลวงตาก ระยะทาง11กิโลเมตร วนอุทยานน้ำตกแม่ไข่” พระเจ้า!!!พอเห็นป้ายเท่านั้นแหละถึงกับเงิบเลยค่ะ 11กิโลเมตร นี่ถือว่าเป็นทริปแรกที่เดินป่าไกลขนาดนี้ ในใจคิดว่าจะไหวมั้ย แต่..ไหนๆก็มาแล้วต้องไหว ห้าๆๆ ให้กำลังใจตัวเองสุดฤทธิ์แล้วออกเดินทางค่ะ...
 
 
เดินไปเรื่อยๆช่วงสามกิโลแรกก็เดินชิลๆ ลัดโขดหินที่เป็นทางแม่น้ำผ่านที่น้ำแห้งข้ามไปข้ามมา ขึ้นเนินสุดท้ายเราจะมองเห็นจุดชมวิวแรก เรามองเห็นยอดดอยหลวงตากอยู่ไกลๆค่ะ
 

 
จากจุดชมวิวแรกเดินตามทางไปเรื่อยๆ ทางเริ่มมีเดินขึ้นเดินลงสูงชันไต่ระดับกันไป ในวันที่ไปอากาศร้อนแต่ระหว่างทางเดินมีลมพัดผ่านถือว่าเป็นโชคดีค่ะ เราก็เดินกันไปพักกันไป...
 
 
 
ถึงประมาณกิโลเมตรที่6 เราแวะกินมื้อกลางวันกันที่นี่ ข้าวผัดกระเพราะหมูไข่ต้มง่ายๆ สำหรับนักเดินป่า วิวทิวทัศน์ข้างๆ สวยงาม 
 
กินข้าวเสร็จก็พักกันสักครู่ก็ออกเดินทางต่อ แต่ทางต่อจากนี้เป็นต้นไปจะมีแต่คำว่า ขึ้น ขึ้น และขึ้นค่ะ เดินไปพักไปเช่นเคย แต่พักบ่อยกว่าเก่าเพราะทางชันมาก แถมบางช่วงไม่มีลมด้วยค่ะแทบแย่ แอบหลับไปแป๊บนึง ห้าๆๆ แต่เมื่อเราตัดสินใจแล้วก็ต้องไปให้ถึงจุดหมาย
 


   

 
จุดทางชันสุดท้ายเนินป่าสน ชันเกือบ 90 อาศา ตะคริวจะกินเลยค่ะ แต่พอถึนมาถึงด้านบนแล้วหันหลังกลับไป วิวด้านล่างสวยสุดๆ
 

 
จากเนินสนเดินไปสักพักจะถึงจุดชมวิว ผานางพญา วิวสวยงามมาก จากจุดนี้อีกเพียง 400เมตรก็จะถึงที่พักแรมแล้วค่ะ เราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพสวยๆ จากผานางพญามาฝาก
 

 
จากผานางพญาเดินผ่านป่ากล้วยไปประมาณ 400 เมตรก็จะถึงจุดพักแรม (ป่ากล้วยจะเป็นจุดที่นักเดินป่าทุกคนจะต้องหวาดกลัว เพราะจุดนี้คือจุดที่มีทากเยอะมากโดยเฉพราะหน้าฝนค่ะ)

 

 
ถึงจุดตั้งแคมป์ ก็จับจองพื้นที่กันไป บ้างนอนเต้นท์บ้างนอนเปล สำหรับเราถึงปุ๊บกินปั้บเลยค่ะ ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ชิลๆกันไปได้ที่พักแล้วก็เตรียมอาหารเย็นไว้
 



 
บ่ายแก่ๆพวกเราก็เดินขึ้นจุดชมวิวด้านบน ดอยหลวงตาก กันค่ะ จากที่พักเดินขึ้นไปไปนิดเดียว ระหว่างทางมีทุ่งหญ้าเป็นวิวสวยงามแซมด้วยดอกกระเจียวเยอะมากมาย 
 



 
แต่พอเดินขึ้นไปถึงสันเขาเท่านั้นแหละค่ะ ว้าวๆๆๆๆ วิวด้านบนสวยมาก สวยเกินบรรยาย ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายไปเลยค่ะ ด้านบนลมแรงมาก พวกเราอยู่บนนั้นกันจนพระอาทิตย์ตกดิน ถ่ายรูปกันไม่หยุดเพราะมันสวยเกินบรรยายจริงๆ
 













 
แดดร่มลมตก ได้เวลาอาหารเย็น พวกเรากลับมาช่วยกันทำกับข้าวมื้อแสนพิเศษเมนูมีไม่มาก กระเพราหมูสับ, กระหล่ำปลีทอดน้ำปลา, น้ำพริกกระปิ ชะอมชุบไข่ทอด, ปลาแดดเดียวทอด แล้วไหนจะต้มจืดเต้าหู้ไข่จากเต้นท์ข้างๆอีก โครตอิ่มและโครตได้บรรยากาศเลยค่ะ 
 

 
หลังจากอิ่มท้องบางคนก็แยกย้ายกันไปพัก บางคนก็ไปเดินถ่ายดาว บางคนก็นั่งสนทนาตามภาษานักเดินทางแลกเปลี่ยนความคิดกัน ถึงเวลาก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
 

 
เราตื่นกันแต่เช้ามานั่งจิบกาแฟเบาๆท่ามกลางสายหมอกที่พัดผ่าน บางส่วนแยกไปทำอาหารเช้า ส่วนบางคนก็เดินขึ้นไปเก็บบรรยกาศยามเช้าที่บนสันเขาอีกรอบ 
 

 
อาหารเช้าง่ายๆและอยู่ท้องสำหรับกลุ่มของเราก็ ผัดซีอิ้วหมูหมัก อร่อยมาก กินจนอืด เสร็จแล้วก็ช่วยกันเก็ยเต้นท์เก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางกลับ
 

 
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกลับกันได้เลยค่ะ ก่อนจะแยกย้ายกันเดินลงก็ขอแวะถ่ายรูปกลุ่มที่ผานางพญาเป็นที่ระลึกซะหน่อย
 


 
พวกเราใช้เวลาเดินขึ้น 7ชั่วโมง ใช้เวลาเดินลง 3 ชั่วโมงนิดๆ ระยะทางทั้งขึ้นและลง รว 22กิโลเมตร อากาศร้อนไปหน่อย ร่างกายโหยหาน้ำเย็นตลอดเวลา แต่พวกเราก็กลับมาถึงจุดนัดหมายตามเวลา เวลาแห่งการพักผ่อนจบลง ได้เวลากลับกรุงเทพแล้วจ้า....
 
ทุกครั้งที่ออกเดินทางไกลๆ เวลาเหนื่อยมากๆก็มักจะบ่นไม่เอาอีกแล้วๆ แต่พอกลับมานั่งดูรูปที่ถ่ายกลับมา ก็หายเหนื่อยและร่างการและจิตใจก็พร้อมที่จะออกเดินทางอีกครั้ง ไม่เคยเข็ดเลยสักครั้ง 
 
“…เพราะชีวิตคือการเดินทาง…”
 
เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai