bar_chart
0
favorite
0
shopping_cart
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

Take every chance.Drop every fear สู่เส้นทางท้าทายหัวใจ ปิตุ๊โกร-ทีลอซู

calendar_month 31 ก.ค. 2018 / stylus Admin Chillpainai / visibility 18,756 / ทริปตัวอย่าง


ผมว่าบนโลกนี้มีสองเส้นทางให้คุณเลือก คือเส้นทางราบเรียบเดินสบาย และเส้นทางที่ขรุขระผ่านเขาสูงลาดชัน ซึ่งผมว่าเมื่อเราติดอยู่กับความสบายเราอาจจะเร่งรีบมุ่งไปข้างหน้า โดยไม่รู้ว่าระหว่างทางมันอาจจะมีสิ่งสวยงามมากมายซ่อนอยู่

แต่สำหรับเส้นทางที่ขรุขระเดินไม่สบาย มันจะทำให้เราเดินช้าลง ระมัดระวังต่อทุกก้าวในการเดินทาง มองเห็นความสวยงามระหว่างทาง และสัมผัสได้ถึงมิตรภาพของเพื่อนร่วมทางที่ช่วยกันก้าวผ่านความยากลำบากเพื่อไปให้ถึงปลายทาง

ไม่แปลกที่คนส่วนมากจะเลือกเส้นทางเดินสบาย…

แต่สำหรับผม ผมเลือกเส้นทางที่สอง เส้นทางขรุขระ ผ่านขุนเขาลาดชัน เพื่อที่จะไปสัมผัสความสวยงามระหว่างทาง พร้อมกันนั้นก็เป็นการพิสูจน์ขนาดหัวใจและร่างกายของเราว่าพร้อมที่จะเจอความยากลำบากในชีวิตได้สักแค่ไหน

เป้าหมายของการไปพิสูจน์ครั้งนี้ผมจึงเลือกเดินทางไปจังหวัดตาก เดินเท้าไปตามหาหัวใจกลางป่าใหญ่ น้ำตกปิตุ๊โกร” และราชินีแห่งผืนป่า น้ำตกทีลอซู ซึ่งความสวยงามที่ผมจะไปเจอนั้นย่อมมาพร้อมกับความยากลำบาก วิธีการที่จะเข้าไปให้ถึงทั้งสองน้ำตกนี้เราต้องขึ้นเขาลงห้วย บุกป่าฝ่าดงกันเลยทีเดียวครับ

f0a6ca25cdb15ee90687db5117b58d02e30ed227.jpg

64df559d6a807a33749ff9f3a9a43e160b521383.jpg


น้ำตกปิตุ๊โกรและน้ำตกทีลอซูเป็นดาวเด่นกลางป่าใหญ่ในอำเภออุ้มผาง อำเภอที่ไกลติดขอบชายแดนไทยกับประเทศพม่า แน่นอนว่าไม่ใช่จะเดินทางมาง่ายๆ เพราะระหว่างทางจากแม่สอดมาอุ้มผางนั้น ต้องผ่านโค้งชวนอ้วกถึง 1,219 โค้ง ผมแนะนำเลยว่าใครที่เมารถ ทานยาแล้วชิงหลับไปก่อนเลยดีกว่าครับ

2b2842ed2a08b0d0a199cbb9ab7c96cd0afabe9d.jpg

ผมไปถึงที่นั่นในช่วงเช้า ก่อนจะไปเจอการเดินแบบหฤโหด ผมแวะไปชมวิวหมอกสวยๆ กันที่ “ดอยหัวหมด” จุดชมทะเลหมอกยอดฮิตของอำเภออุ้มผางก่อนเลยครับ

061a01f2f5f70b7dbad010d01a906e19e1303cb7.jpg

ดอยหัวหมดไม่ต้องปีนเนินสูงๆ หรือเดินป่าลึกๆ ทางขึ้นอยู่ติดถนนใหญ่ ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 15 นาทีเท่านั้น จากด้านบนมองเห็นถนนโค้งๆ และภูเขาสีเขียวแซมด้วยหมอกสีขาวปุย อากาศด้านบนเย็นฉ่ำกำลังดี ใครเที่ยวอุ้มผางอย่าลืมแวะมาเที่ยวดอยหัวหมดด้วยนะครับ

ba8584ac14fde887ac9e2846a390b26840f6c580.jpg

สำหรับวันแรกที่ไปถึงอุ้มผางผมนัดแนะกับพี่คิด ไกด์ท้องถิ่นที่จะพาเราเที่ยวทริปนี้ไว้ประมาณ 9.30น. ก่อนถึงเวลานัดก็จัดการทานอาหารเช้า จัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับเดินป่าและนอนค้างแรม เพราะวันนี้ผมเลือกเดินทางไปยัง "น้ำตกทีลอซู" น้ำตกที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย สวยติดอันดับโลก Dream Destination ของหลายๆ คนเลยครับ

การเดินทางไปทีลอซูเราต้องนั่งเรือยางเข้าไป จริงๆ ขับรถเข้าไปได้แต่ช่วงหน้าฝนแบบนี้ ขับรถอาจจะช้ากว่าการนั่งเรืออีกครับ เราเริ่มต้นขึ้นเรือกันที่ท่าเรืออุ้มผาง แนะนำว่าเราควรมีกระเป๋ากันน้ำเตรียมรับมือกับความเปียกไว้เลยครับ ระหว่างที่ล่องเรือได้เห็นวิวสองข้างทางที่สวยงาม พี่ๆ ไกด์จะคอยแนะนำให้เราดูตลอดทาง

5d1b72c74b4bdae61d8567a3fcb3105db3a09520.jpg

ธรรมชาติที่เราได้เห็นสองข้างทางช่างมหัศจรรย์แปลกตาจริงๆ ที่ติดตาตรึงใจที่สุดคงจะเป็น “น้ำตกทีลอจ่อ” สายน้ำที่ทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูง แตกกระจายลงมาเป็นฝอย ถ้ามาในช่วงหน้าร้อนแสงแดดกระทบน้ำเกิดเป็นรุ้งสวยงาม น่าเสียดายที่เราไปหน้าฝนไม่มีแดด แต่ก็ยังคงความสวยงาม ตื่นตาตื่นใจ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการล่องเรือเลย

ed1e82c68c2bc05f62338434a792c4d1b7ed4a30.jpg

edfb6e085218ad550f872d67c828e278df4c11f3.jpg

ล่องเรือไปได้สักพัก ชมธรรมชาติสองข้างทางเพลินๆ เราก็ไปถึงจุดแวะพัก “บ่อน้ำร้อน” ซึ่งก็สมชื่อเลยครับ ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนให้เราแช่น้ำเล่นชิลๆ น้ำร้อนกำลังพอดี ผมแทบไม่อยากลุกจากบ่อน้ำร้อนเลย นอกจากบ่อน้ำร้อนให้นั่งแช่กันแล้วตรงนี้มีห้องน้ำสะอาด มีร้านค้าด้วยครับ

316ee9aa1a77320afe17ece16ab0cff23426a764.jpg

หลังจากตัดใจจากบ่อน้ำพุร้อนได้แล้ว เราต้องล่องเรือไปต่อจนไปถึงท่าทราย เพื่อเดินเท้าต่อไปยังน้ำตกทีลอซูครับ รวมเวลาที่เราขึ้นเรือมาจากท่าอุ้มผางก็ประมาณ 3 ชั่วโมง อยู่บนเรือกันค่อนข้างนาน แต่ก็เพลินกับการเล่นมุกเฮฮาและชมวิวข้างทางจนลืมเวลาไปเลย

804b20ca648638a5ab3fd3ad8b7b2762620468cd.jpg

มาถึงท่าทราย เราแวะพักทานอาหารมื้อเที่ยงกันที่นี่ ก่อนจะออกเดินเท้าระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตรกันครับ จริงๆ แล้วการเดินทางไปยังน้ำตกทีลอซูสามารถนั่งรถเข้าไปได้ แต่ในช่วงหน้าฝนไม่เปิดให้รถเข้า เพราะรถวิ่งทำให้ถนนเละ เราเลยต้องเดินกันครับ

5008a0228b961f5e0e027c0650fe3859fdd91b09.jpg

ผมขอยอมรับเลยครับว่าความเป็นจริงต่างจากที่จินตนาการไว้มาก ก่อนมาผมถามพี่คิดว่าเราเดินกันลำบากไหม พี่แกบอก “ไม่ลำบากเป็นทางรถ เดินสบายๆ” แต่พอมาเจอของจริงมันไม่ใช่ ! จากท่าเรือเราต้องลุยป่ากันประมาณ 1 กิโลเมตรก่อนจะออกมาถึงทางรถ

4c955fea323a2e4187262d9af238dcd862705395.jpg

มาเจอถนนคอนกรีต ผมแอบนึกในใจว่า คงเดินสบายแบบที่พี่คิดบอก...แต่ดีใจได้ไม่นาน สายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายเตือนข้างทางว่า ทางขึ้นเนินตลอด 2 กิโลเมตร นึกภาพทางที่เราต้องเดินออกกันไหมครับ เราต้องเดินขึ้นเนินชันบ้างเตี้ยบ้าง ตลอด 2 กิโลเมตร !!! มีทางเรียบในระยะสั้นๆ เท่านั้น พอเงยหน้ามองทาง เราเจอกับเนินที่ต้องเดินขึ้นเรื่อยๆ เริ่มท้อครับ ..ความรู้สึกเหมือนน่องขาเราจะสู้กับถนนไม่ไหว แต่ก็กัดฟันสู้เดินต่อครับ อยู่ตรงนั้นแล้วหันหลังกลับไม่ได้ ต้องไปต่อเท่านั้น
0b7b8d8b5b969fe0fd05bc70c20bef0478456365.jpg

ระหว่างที่เรากำลังเดินก็มีฝนตกลงมาตลอดทาง ผมเดินไปเรื่อยๆ สมองก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย คิดถึงอนาคตอันใกล้ตอนที่ไปถึงที่พัก คิดถึงมื้อเย็น คิดถึงเพื่อนร่วมทางที่ทุกคนเหนื่อยเหมือนกัน ผมว่า ณ ที่ตรงนั้นเกิดมิตรภาพดีๆ จากการพูดคุย จากการช่วยเหลือกันตลอดการเดิน...บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เจอทุกวันแน่นอน

5d1fcbb344f2fdba32f896525099fb8e216c15c0.jpg

เราเดินเท้าใช้เวลาไต่เนิน ลงเนินกันถึง 2 ชั่วโมงก็มาถึงหน้าทางเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง...เหมือนเจอประตูสวรรค์ จากนั้นเดินทางราบเข้าไปอีกสักพักก็ถึงที่พักแรมของเราคืนนี้ครับ

14a60176f044cc3d671ce753978be3eb850bba70.jpg

ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง มีลานกางเต็นท์พร้อมหลังคา ห้องน้ำแยกชายหญิงสะดวกสบายครับ

94e11cc0582105b415ea546b5e3b348c276cafb1.jpg

ช่วงเวลามื้อเย็นของเราวันนี้เป็นเมนูง่ายๆ แต่ความอร่อยกินขาด มื้อนั้นทุกคนมีความสุขกับความเรียบง่าย สนุกกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แต่ละคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียว “ไม่คิดว่าจะเดินมาถึง แต่ก็มาถึงจนได้” ผมว่ามันไม่ใช่แค่การมาชมความงามของธรรมชาติหรอก แต่มันทำให้ผมและทุกคนเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองยิ่งขึ้น

c0e9dc1bd2a948f5ce4ba5f739f3021a4b4f473a.jpg

0074e4cc1f39289aff57679c780a4fe7ff3a1c54.jpg

เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเดินไปชมความยิ่งใหญ่ของทีลอซูกัน จากเต็นท์เราต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ทางเดินเป็นทางปูน เดินง่าย แต่บางช่วงมีตะไคร่เกาะต้องระวังลื่นกันนิดหน่อย ตลอด 2 กิโลเมตร เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีป้ายให้ความรู้อยู่หลายจุดเลยครับ

9e3054e25f2c066607975bd0ccfe9372269953a4.jpg

แม้ยังเดินไม่ถึงก็ได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้นตั้งแต่อยู่ด้านนอก แต่พอเดินเข้าใกล้เรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้น ดังขึ้นจนเรามายืนอยู่เบื้องหน้าของทีลอซู เสียงดังของน้ำตกทีลอซูกึกก้องไปทั่วป่า ความยิ่งใหญ่ของทีลอซูทำให้ผมรู้สึกว่ามนุษย์นั้นตัวเล็กนิดเดียว ละอองน้ำกระจายมากระทบตัวเหมือนกับสายฝนที่ไม่มีวันหยุดตก ทั้งสดชื่นชุ่มฉ่ำ และรู้สึกอิ่มอยู่ในใจ นี่แหละครับคือคำตอบว่าทำไมเราถึงออกเดินทางผ่านความยากลำบากของเส้นทาง ก็เพื่อจะได้มาพบกับสิ่งที่สวยงามที่รออยู่ตรงหน้า และทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่เราสามารถดั้นด้นเอาชนะตัวเอง พาตัวเองข้ามผ่านความย่อท้อจนมาถึงที่นี่ได้

fa0b06d6d0eb64bbbcfcc5eedb167be6830ccfb6.jpg

กลับออกมาจากน้ำตกทีลอซู เราต้องกลับมาที่ท่าทราย เพื่อนั่งเรือกลับกันครับ จากท่าเรือท่าทรายไปยังจุดที่สามารถขึ้นรถได้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ระหว่างทางก็สวยงามไม่แพ้ขามา แถมยังมีแก่งหินให้เราหัวใจเต้นแรงกันถึง 2 แก่งด้วย ผมว่าธรรมชาติจัดสรรทุกอย่างลงตัว สวยงาม ยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ

806d8c4dbac13a993559077b181956936a72995c.jpg


หลังจากกลับออกมาจากน้ำตกทีลอซู เราพักกันที่ตัวอำเภออุ้มผางหนึ่งคืน ก่อนจะเดินทางไป “น้ำตกปิตุ๊โกร” น้ำตกรูปหัวใจกลางป่าใหญ่ ที่นอกจากจะเป็นรูปหัวใจแล้ว ปิตุ๊โกรยังเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยอีกด้วยครับ

cbb20fa399d6d31365d64425d62051530eae2a8b.jpg


เช้าวันถัดมา ผมเริ่มออกเดินทางไปยังปิตุ๊โกรกันแต่เช้า ซึ่งจากอุ้มผางผมต้องนั่งรถไปยังหมู่บ้านกุยเลอตอ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ถนนหนทางบางช่วงค่อนข้างสมบุกสมบัน เรานั่งรถเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้าน เขตอุทยานและมีฝนตกๆ หยุดๆ ตลอดทาง

506a5ca59e4bfd0b14f86000f67dafb11de4fba7.jpg

ระหว่างที่ผมนั่งรถและฟังเพลงยุค 90 ของพี่อิ้ม พี่คนขับรถมาเพลินๆ พี่อิ้มแกก็เบรกรถแบบกระทันหัน ดังเอี้ยดดดดดด! ภาพที่ผมเห็นคือต้นไม้ข้างทางกำลังล้มลงช้าๆ พาดขวางถนนเหมือนเป็นภาพสโลว์ต่อหน้าผมและทุกคนบนรถ ถ้านี่เป็นการต้อนรับของธรรมชาติ คงจะต้อนรับกันรุนแรงไปหน่อย

53dba815d4f697d4bb7b2c2eebf515e6f6f44938.jpg

…หลังจากที่ทุกคนหายอึ้ง ทึ่ง เสียวกับต้นไม้ตรงหน้า พี่ๆ ไกด์ 3 คน ผมและชาวบ้านในละแวกนั้น ก็ลงแรงร่วมมือร่วมใจกันตัดและลากออกจากถนนให้รถวิ่งผ่านไปได้ ผมแทบนึกภาพไม่ออกเลยครับ ว่าถ้าเบรกรถไม่ทันจะเป็นยังไง เราไม่มีทางรู้อะไรล่วงหน้าเลย แม้แต่ 60 วินาทีใกล้ๆ ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อมให้กับชีวิต ผมเลือกประกันชีวิตและประกันคนกล้าเอ็กซ์ตร้าของเอฟดับบลิวดี ไม่ว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรเกิดขึ้น ผมก็อุ่นใจครับ https://www.fwd.co.th/th/protect/accident/prakan-kon-kla-extra/

671fd33db0e29efe790410d3d05b1ec8cdbdc558.jpg

ไปถึงหมู่บ้านกุยเลอตอ เราต้องโบกมือลาพี่อิ้มกันแล้วครับ เพราะหลังจากนี้เราจะต้องเดินเท้าไปเท่านั้น ระยะทางที่เราต้องเดินนั้นประมาณ 8 กิโลเมตร

จุดสตาร์ทเริ่มออกเดินก็เจอทุ่งนาสีเขียว คิดในใจว่าเดินบนคันนาง่ายๆ แบบนี้ สบ๊ายยยย…เดินไกลแค่ไหนก็ได้ หลังจากนั้นก็เหมือนโดนหลอกด้วยทุ่งนาสีเขียวๆ

33542111ef3e2a23af6ae73ae2ead1f83e9da0f2.jpg

ทางที่ต้องเผชิญจริงๆ เจอทั้งลื่น ทั้งโคลน! เริ่มแรกเดินยังมีแรงกันก็เดินแบบชิลๆ เหมือนมาชมธรรมชาติ แต่พอผ่าน 3 กิโลเมตร ที่ต้องขึ้นเนินสูงบ้าง ลุยน้ำบ้าง ทุกคนเริ่มหายใจหอบเบาๆ ฝนก็ตกๆ หยุดๆ มาตลอดทาง พวกเราต้องใส่เสื้อกันฝนที่กันไม่ค่อยอยู่แถมยังอบอ้าวเหมือนอยู่ในซาวน่า เวลานั้นถึงแม้หน้าตาทุกคนจะเริ่มออกอาการเหนื่อย แต่เสียงพูดคุยหยอกล้อยังคงได้ยินจากพี่ๆ ไกด์และเพื่อนผม ทุกคนชวนกันคุยเรื่องต่างๆ เล่นมุกเฮฮากันบ้าง ถามประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนบ้าง เป็นตัวช่วยที่ทำให้ลืมเรื่องระยะทางได้ดีเลยครับ

f7db73f3a8e3903e51bc7cb332e77d1485be419c.jpg

1b5252f4e63a190d66bd841b6a32d068d5b97602.jpg

เราไม่ได้เดินทีเดียว 8 กิโลเมตร แต่มีช่วงให้หยุดพักหายใจหายคอกันบ้าง ระหว่างนั่งพักคนไม่เคยมาอย่างผมก็อดถามพี่คิดไม่ได้ "ใกล้ถึงหรือยังครับ" พี่แกตอบ "ใกล้ละๆ นิดเดียวเอง" แน่นอนว่าคำตอบที่ได้เป็นแค่คำปลอบใจครับ หลังจากนั่งพักจุดแรกกันแล้ว เราเริ่มออกเดินกันอีกครั้ง ทางเดินเริ่มเป็นทางราบหรือเนินเล็กๆ มีลุยน้ำบ้าง ไม่ได้ต้องขึ้นเนินเยอะเหมือนระยะแรกๆ แล้ว ระหว่างทางทุกคนหยอกล้อกันสนุกสนานเหมือนเดิม

ace31efa17230e07c4600753904476f5c7bd5c85.jpg

จนไปถึงจุดพักที่ 2 พี่คิดบอกว่าหลังจากตรงนี้เราต้องลุยป่ากันนิดหน่อยครับของจริงอยู่ตรงนี้สินะ ...เราต้องลุยป่าสลับกับลุยน้ำ มีบ้างที่ต้องไต่ไปตามต้นไม้ที่ล้มขวางทาง น่าแปลกครับที่ก่อนหน้านี้ทุกคนอยากพัก อยากวางกระเป๋าหนักๆ ลงใจแทบขาด แต่พอเข้าป่าสีเขียวชอุ่ม ทุกคนกลับเดินช้าๆ มองดูต้นไม้รอบตัว ซึมซับธรรมชาติกันอย่างเต็มที่

1e4d0bc3764289b957811b51eb3990415899ec54.jpg

เจอต้นเงาะป่าด้วย หน้าตาคล้ายๆ เงาะที่เรากินกันครับ แต่ด้านในเนื้อน้อย สีเหลืองอ่อน ลองชิมรสชาติดูแล้ว เปรี้ยวๆ อมหวานนิดๆ แปลกดี

304cd7da357ef9a18a1ecfbbe3360f6f654f8713.jpg

เราเดินบุกป่ากันไปประมาณ 45 นาทีก็ไปถึงป่าไผ่ ได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ใกล้ๆ จุดตรงนี้เรานอนพักกางเต็นท์กันก่อนที่จะเดินต่อไปน้ำตกพรุ่งนี้เช้า ซึ่งพี่คิดบอกว่าแต่ก่อนตรงลานกางเต็นท์ไม่ได้มีหลังคาและห้องน้ำ แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านเห็นว่านักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะ คนในหมู่บ้านก็ได้รายได้จากนักท่องเที่ยว เลยมาทำหลังคา ปรับพื้นที่ให้ครับ

403f8ca534b43742695cece28694a9965cdf680e.jpg

มาถึงกันก็บ่ายเกือบจะเย็นแล้ว ระหว่างรอเวลาอาหารเย็น เราไปเดินเล่นเอาเท้าแตะน้ำชิลๆ กันริมน้ำตก ถ้าใครจะอาบน้ำก็อาบน้ำตกนี่แหละครับ จากที่เดินลุยน้ำลุยโคลนกันมา เนื้อตัวเปียกแฉะได้อาบน้ำสดชื่นสุดๆ

c8a3e88497ba47171f37f25f6806bebf26b86c97.jpg

ถึงเวลาอาหารเย็น เราไม่ได้รอเวลาแล้วมานั่งโต๊ะทานเหมือนไปพักโรงแรม พวกเราช่วยกันทำกับข้าว คนละไม้คนละมือ ไม่น่าเชื่อครับว่าไกด์หน้าตาโหดๆ ของเราแต่ละคนจะทำกับข้าวกันได้คล่องแคล่วแถมยังอร่อยด้วย

6760534147d6d4369c8e452972a5bc00455d803b.jpg

ส่วนพี่ผ่อง ไกด์อีกคนของเราเป็นมือฉมังเรื่องการทำแก้วจากไม้ไผ่ ไซส์เล็กหรือใหญ่พี่แกทำได้หมดเลย แต่ละใบเท่ากันเป๊ะโดยไม่ต้องวัด เหลาขอบปากแก้วให้เรียบร้อย ดีกว่าใช้แก้วพลาสติกเยอะเลยล่ะครับ

2ff75c2ae45b6b99e614b2258fd0fcda4ba2230c.jpg

สำหรับอาหารกลางป่ามื้อนี้ บรรยากาศการทานข้าวต่างจากทุกครั้ง ทุกคนช่วยกัน พูดคุยเฮฮากัน สนิทกันเร็วเหมือนรู้จักกันมานาน เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมลืมคิดถึงโลกด้านนอกป่า มันรู้สึกสงบ ไม่มีอะไรให้คิดเยอะ เสียงจิ้งหรีดเรไร รู้สึกดีกว่าเสียงบีบแตรรถเยอะครับ

ee4dc79f5e9a25f64ff693766aad40f85e4c21f9.jpg

92a2267dc2ee76b79f26334f62beedebd119c93d.jpg


เช้าวันรุ่งขึ้นในป่า ผมแทบไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก เพราะผมตื่นด้วยเสียงนกเสียงธรรมชาติ สำหรับเช้าวันนี้เราออกเดินขึ้นเขากันเพื่อไปเจอกับหัวใจกลางป่า ทางที่เราต้องเดินเต็มไปด้วยป่าไม้และมีบางช่วงที่สูงชัน ปีนเขาบ้าง ลอดต้นไม้ที่หักล้มบ้าง

4b8b1d41d2a09a67800f2bcd8125feef8387e5e4.jpg

ไปถึงตรงนั้นแล้วไม่มีใครถอดใจ เดินไปข้างหน้าเท่านั้น

8feae483062a25d33a38475bcfe573548340ee6d.jpg

สุดท้ายเรามาถึงหัวใจแห่งผืนป่าอุ้มผาง ความสวยงามยิ่งใหญ่ของน้ำตกปิตุ๊โกรตรงหน้าทำให้ผมหายเหนื่อย ไม่ใช่แค่นั้น ผมยังรู้สึกตื้นตันที่สามารถเอาชนะใจตัวเองจนไปถึงได้ นาทีนั้นเหมือนได้เติมเต็มอะไรบางอย่าง เรารักตัวเองมากขึ้น นับถือตัวเองมากขึ้นด้วยครับ

f8078e58810536047996bd0bd2facb53d006d0cc.jpg


สุดท้ายผมได้คำตอบว่าการเดินป่าไม่ใช่แค่ไปพิชิตธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ แต่การเดินป่าเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เพื่อนำพาให้เราไปพบเจอสิ่งสวยงามที่รอเราอยู่ที่ปลายทาง ซึ่งความสวยงามที่ได้เจอคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเราได้มาถึงแล้ว แต่ระหว่างทางที่ผ่านความยากลำบากเป็นสิ่งที่บอกกับเราว่าใจเราสู้แค่ไหน แล้วคุณล่ะครับอยากลองพิสูจน์ขนาดหัวใจของตัวเองและไปค้นพบความสวยงามที่ซ่อนอยู่กันแล้วหรือยัง

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai
close